จากภารกิจของ เอสซี แอสเสท ที่เป็น DNA หลักในองค์กรคือ การสร้างทุกเช้าที่ดีที่สุดให้กับลูกบ้านทุกคน แต่ตอนนี้เอสซีฯ คิดนอกกรอบจากเป็นผู้สร้างที่อยู่อาศัย ก้าวไปสู่การเป็น Living Solutions Provider
ด้วยการทำงานร่วมกับพันธมิตรที่หลากหลายใน ecosystem เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตของมนุษย์ได้ดียิ่งขึ้นบน landscape ใหม่ๆ โดยใช้หลัก human-centric ในการออกแบบสินค้าและบริการ พร้อมทำความเข้าใจปัญหาหรือ Pain Points การใช้ชีวิตของลูกค้า
และนี่จึงเป็นที่มาของโปรเจกต์ “Delphi” การพัฒนาที่ดิน 2 แปลงใหญ่ของเอสซี แอสเสท บนทำเลบางกระดีและกรุงเทพกรีฑา
โปรเจกต์ “Delphi” เป็นไปตามแนวคิด Human-Centric และ Township Development ที่ทำร่วมกับ REDEK ศูนย์บริการวิจัยและออกแบบ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ในการเจาะลึกและคลี่โมเดลการอยู่อาศัยแบบใหม่ของคนเมือง ที่จะเป็นโครงการพัฒนาที่ดิน ไปพร้อมๆ กับการสร้างพื้นที่สาธารณะ ที่จะเป็นประโยชน์อย่างแท้จริง แก่ผู้อยู่อาศัยและชุมชนในย่าน อันเป็นส่วนหนึ่งโรดแมปและทิศทางบริษัท SC RE-INVENTION 2020 ที่ได้แถลงไปตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา
เจาะลึก Delphi “ย่าน” อยู่อาศัยโมเดลใหม่เพื่อคนเมือง
Delphi เป็นชื่อของโมเดลการอยู่อาศัยแบบใหม่ของคนเมืองใน 2 โซนหลักของกรุงเทพฯ โดยผลงานวิจัยครั้งนี้จะถูกนำมาออกแบบและพัฒนาบนที่ดิน 2 แปลงใหญ่ของเอสซี แอสเสท นั่นคือ ฝั่งโซนเหนือของกรุงเทพฯ บริเวณบางกระดี จ.ปทุมธานี เนื้อที่ 200 ไร่ กับโซนตะวันออกของกรุงเทพฯ บริเวณกรุงเทพฯ กรีฑา เนื้อที่ 115 ไร่
ภายใต้ทีม Develop ของเอสซีฯ คุณโฉมชฎา กุลดิลก Head of Corporate Brand และคุณณัฏฐกิตติ์ ศิริรัตน์ Head of Marketing บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ ดร.ชำนาญ ติรภาส อาจารย์ประจำคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบ และม.ล. จิรทิพย์ เทวกุล นักวิจัยและสถาปนิกของศูนย์บริการวิจัยและการออกแบบ จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี หรือ REDEK
นอกจากนี้เดลฟี หรือ เดลไฟ (Delphi) เป็นทั้งสถานที่ทางโบราณคดีและเมืองในกรีซปัจจุบัน เป็นเมืองที่มีประวัติมา 3,000 ปี เป็นสถานที่สำคัญที่ใช้ในการสักการะเทพพยากรณ์ อพอลโล ก่อนออกสู้รบ ผู้คนจึงหลั่งไหลมาอยู่อาศัย เกิดความต้องการน้ำ อาหาร ที่อยู่อาศัย เกิดความเจริญมั่งคั่ง มีชุมชน ตลาด ลานบันเทิง ลานกีฬาและดนตรี ซึ่งพัฒนาไปตาม need ของคน
“เราไม่ได้บอกว่าอยากจะสร้างทาวน์ชิปหรือเมืองใหญ่ แต่เมื่อมีผู้คนมาอยู่รวมๆกัน จะเกิดเป็นความต้องการ เหมือนเกิดกับ Delphi มันเป็นอินสไปเรชั่นจาก Delphi เพราะเรามีที่ดิน 2 แปลงใหญ่ เอสซีฯ ไม่อยากทำโครงการบ้านแล้วก็จากไป คนมาซื้อก็เข้าไปอยู่ในบ้านของตัวเอง จบ อาจจะใช้พื้นที่ส่วนกลางนิดหน่อย แล้วก็อยู่กันไป แต่เราอยากให้มีวาไรตี้ในการอยู่อาศัย อยากดีไซน์คอมมูนิตี้ให้น่าดู น่าอยู่ขึ้น”
การพัฒนาที่อยู่อาศัยที่เป็นโครงการแนวราบในรูปแบบเดิมๆ ก็จะซื้อที่ดินเปล่า ลงผัง ถมดิน ขออนุญาต ขึ้นโครงการ สร้างคลับเฮาส์ สระว่ายน้ำ ส่งมอบนิติบุคคลบ้านจัดสรร ย้ายทำเลสร้างกันใหม่ 80 หลัง 200 หลังแล้วแต่ขนาดของแลนด์แบงก์
“ปกติอสังหาริมทรัพย์เมื่อได้ที่ดินมาก็จะล้อมรั้ว อะไรก็ตามที่อยู่ในรั้วสวยงามหมด ถนนหนทาง จักรยานก็ปั่นกันอยู่ในนั้น สระว่ายน้ำดูดีหมดแต่แค่ 20 เมตร นอกรั้วเราไม่รู้ ไม่ใช่ที่ดินเราๆ ถ้าพลิกกลับว่า เราพาคน 4-5 พันคนไปอยู่ที่เดียวกัน จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเราเลิกคิดแต่ในรั้ว วิธีคิดจะคล้ายๆ กับวิธีคิดแบบทาวน์ชิป” คุณโฉมชฎา กุลดิลก กล่าว
เอสซี แอสเสท พบว่า วิธีคิดดังกล่าวจะเกิดขึ้นได้จาก 3 ตัวแปรทั้งเจ้าของโครงการ รัฐบาลและภาคการศึกษา ซึ่งนี่เป็นครั้งแรกที่จะทำงานกับภาคการศึกษา ให้มองถึงผลกระทบของทาวน์ชิปนอกจากลูกค้าโครงการ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของทั้งระบบนิเวศน์ภายใต้ ecosystem เดียวกัน
Infrastructure กรุงเทพฯ ตอนเหนือโซนแห่งอนาคต
คุณณัฏฐกิตติ์ ศิริรัตน์ Head of Marketing เอสซี แอสเสท มองว่า ตามโปรเจกต์ของเอสซีฯ พยายามที่จะสร้างโครงการให้ครอบคลุม แต่กรุงเทพฯ ตอนเหนือ เป็นโซนที่น่าสนใจทั้งบางกระดีหรือรังสิต จากการเข้าไปของ Infrastructure ขนาดใหญ่ทั้งรถไฟฟ้าสีแดง รถไฟความเร็วสูง มีสนามบินดอนเมือง มีแผนรวมสถานีขนส่งทั้งสายเหนือและสายอิสานรวมที่เดียวกัน มีศูนย์เมืองทอง รวมทั้งศูนย์อุตสหกรรม นิคมฯ รวมทั้งกลุ่มหมู่บ้านรายรอบ
ส่วนโซนกรุงเทพฯ ตะวันออก ที่มีสนามบินสุวรรณภูมิรองรับการเติบโตของภาคท่องเที่ยว การเติบโตของกลุ่มอาชีพโลจิสติกส์ด้วยมาร์เก็ตไซส์ของตลาดกรุงเทพและปริมณฑลที่เติบโตไปด้านนี้ โดยเอสซี แอสเสท ก็มีโปร์ดักส์ในกลุ่มทาวน์โฮมและบ้านเดี่ยว ซึ่งสัดส่วนทุกตลาดจะมีอัตราเติบโตมูลค่าราว 4 แสนล้านจากปี 2017 กลุ่มกำลังซื้อ 3 ล้านบาทในตลาดทาวน์โฮมและบ้านเดี่ยว สำหรับที่ดินในเมืองไม่สามารถหาได้อีกแล้ว
“ณ วันนี้เราจึงต้องออกมาพัฒนาโครงการลักษณะนี้ ซึ่งเราไม่ต้องรอใครเพราะเราได้ที่ดินใหญ่แปลงใหญ่พอที่จะดีไซน์ รังสรรค์ให้ผู้อยู่อาศัยได้ใช้ชีวิตในสังคมที่เพียบพร้อม ลดการขับรถออกไปซื้อของไกลๆ ลดการใช้น้ำมัน เพราะจะมีอะไรจากพาร์ทเนอร์ของเอสซีฯ ที่จะเข้ามารองรับ ถามว่าทำไมต้องทำ เพราะซื้อที่ ปลูกบ้านให้ ก็โอเคดีอยู่ แต่ในช่วง 2-3 ปีมานี้ ที่ดินหายากขึ้น ถ้าพื้นที่ 40 ตร.ม.ในเมืองมีสิบล้านบาทขึ้น แต่เมื่อรถไฟฟ้าจะครอบคลุมมากกว่า 150 สถานี ทิศทางเมืองจะขยายสู่เขตชานเมือง ซึ่งเป็นดีมานด์ของบ้านเดี่ยว หรือทาวน์โฮมกำลังซื้อราวสัก 3 -5 ล้านบาท”
แนวคิด Human-Centric Township Development ภายใต้โปรเจกต์ “Delphi” จะถูกสร้างความเป็น “ย่าน” ทั้งการเลือกโลชั่น มีสิ่งอำนวยความสะดวกของความใกล้สาธารณูปโภค เช่นติดถนนใหญ่ ใกล้สถานีรถไฟฟ้า ใกล้ทางด่วน มีซูเปอร์มาร์เก็ต บริการในชีวิตประจำวัน ตลาด ที่ล้างรถ จุดเรียกรถบริการ สามารถใช้ชีวิตทำงานที่บ้านในแง่ของ Workplace ตามพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปในโลกยุคดิจิทัลและความก้าวหน้าของเทคโนโลยี
ดร.ชำนาญ ติรภาส กล่าวว่า หลังจากรับ Brief จากเอสซีฯ REDEK เองยังไม่เคยเจอนักพัฒนาที่ดินเอกชนที่บอกว่าจะไปทำอะไรนอกรั้วโครงการ แต่ในแวดวงวิชาการโจทย์เรื่องเรื่องนี้มีการพูดคุยในวงกว้าง และเป็นเรื่องที่ต้องโฟกัสที่สุด
“การที่จะพัฒนาที่ดินบนพื้นที่อะไรก็ตาม ต้องคำนึงถึงบริบทรอบๆ พื้นที่นั้นๆ ด้วย ทีม REDEK ก็มีความรู้ด้านนี้ โจทย์ที่ได้มีความน่าสนใจเพราะเราไม่เคยเห็นมาก่อน และมีความเชื่อว่า ไม่เคยมีงานวิจัยที่ทำร่วมกับเอกชนแบบนี้ออกมา โจทย์คือ ทำอย่างไรให้การพัฒนาที่อยู่อาศัย สอดคล้อง ตอบโจทย์ ความต้องการของพื้นที่นั้นๆ ไปด้วย ไม่ใช่แค่กลุ่มลูกค้าที่จะเข้ามาซื้อแต่รวมถึงโจทย์อนาคตที่จะทำต่อไป ให้ไกลกว่าแค่ปีเดียวหรือสองปี”
“เช่น อนาคตพฤติกรรมผู้อยู่อาศัยจะเปลี่ยนไปอย่างไรด้วย ทั้ง Future Analysis, Size Analysis และการตอบโจทย์ลูกบ้านของเอสซีฯ ทั้งคนในพื้นที่ปัจจุบันและผู้ที่จะเข้ามาอาศัยในอนาคต ดูเทรนด์ประชากร ดูความต้องการที่จะเกิดขึ้นในอนาคต หลายเจนเนอเรชันอยู่กันภายในยูนิตเดียวกัน แล้วนำพฤติกรรมและความต้องการ ว่าโครงการที่บางกระดี และที่กรุงเทพฯ กรีฑา จะมีอะไรเกิดขึ้นอย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคโนโลยีที่กำลังเข้ามา”
ไม่ใช่แค่ทำโครงการแต่เป็นทั้ง Ecosystem
ความตั้งใจสร้างโครงการคุณภาพภายใต้แนวคิดใหม่ของเอสซี แอสเสท อาจจะเป็นเรื่องใหญ่ในการดำเนินงาน และเป็นเรื่องใหม่ในประเทศไทยที่จะมีบริษัทพัฒนาที่ดินพยายามสร้างสรรค์ทั้ง ecosystem ทั้งพัฒนาที่อยู่อาศัย และตั้งใจสร้างระบบบริการหลังการขาย ที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน โดยความร่วมมือจาก 3 ปาร์ตี้
