มากกว่าบ้านสวย! ถอดรหัสความเชื่อและความมุ่งหวังของ ”สัมมากร” บ้านที่หลับสบายจนโลกใบนี้น่าอยู่ขึ้น

  • 1.8K
  •  
  •  
  •  
  •  

 

ความเชื่อและความมุ่งหวังขององค์กรนั้นถือได้ว่าเป็นหนึ่งในจุดตั้งต้นของเส้นทางการสร้างแบรนด์องค์กรให้ยั่งยืนในใจผู้บริโภค เพราะการที่องค์กรมีความหวังและเชื่อในสิ่งใด ทีมงานที่สร้างสรรค์และคอยดูแลพัฒนาองค์กรก็จะสามารถสร้างจุดสัมผัสและกิจกรรมต่างๆ ให้สอดคล้องไปกับความเชื่อนั้น แปลว่าหากความเชื่อและความมุ่งหวังขององค์กรมีความชัดเจนมาก ทีมงานสร้างสรรค์แบรนด์ก็จะมีทิศทางการทำงานที่ชัดเจนแจ่มชัดมากตามไปด้วย

ความสำคัญนี้เองที่ทำให้กรณีศึกษาที่เกี่ยวกับความเชื่อขององค์กรมักมีแรงดึงดูดให้นักการตลาดหลายคนสนใจเป็นพิเศษ เช่นเดียวกับเคสของ “สัมมากร” (Sammakorn) แบรนด์บ้านที่อยู่คู่คนไทย และพัฒนาที่อยู่อาศัยมาตลอดกว่า 53 ปีนั้นวางความมุ่งหวังไว้ชัดเจน ถึงเจตจำนงค์ขององค์กรในการดำเนินธุรกิจที่ไม่ได้โฟกัสแค่ผลกำไรอย่างเดียว แต่ยังคำนึงถึงด้านสิ่งแวดล้อม และสังคม/ชุมชน ตามหลัก 3Ps คือ Profit – People – Planet เพื่อให้ทุกบ้านสัมมากร เป็น “บ้านที่หลับสบาย” ที่สุด

 

 

จุดยืนบ้านที่หลับสบายของสัมมากรไม่สามารถเกิดขึ้นได้ในชั่วข้ามคืน แต่ต้องอาศัยการวางฐานความเชื่อมั่นที่มุ่งส่งมอบคุณค่าสู่ผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม ดังนั้น สัมมากรจึงเป็นกรณีศึกษาที่ดีมากในบทเรียนการตั้งความเชื่อและความมุ่งหวังที่ไม่เพียงช่วยให้การออกแบบเรื่องราว จุดขาย และจุดสัมผัสต่างๆ ขององค์กรเป็นไปในทิศทางเดียวกัน แต่ยังเป็นรากฐานที่นำไปสู่การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน

 

 

3 โปรเจ็กต์ ยกระดับบริบทแวดล้อมบ้าน

สำหรับสัมมากร บางคนอาจเคยเห็นเป็นชื่อหมู่บ้านสวยงามบนทำเลศักยภาพ แต่ความจริงแล้วแบรนด์สัมมากรมีความลึกซึ้งที่จับต้องได้ เห็นได้จาก 3 โปรเจ็กต์ล่าสุดที่สัมมากรริเริ่มขึ้นมาเพื่อยกระดับบริบทแวดล้อมบ้าน ตามมุมมองของสัมมากรที่ว่า “บ้านไม่ใช่แค่สวย แต่ต้องอยู่สบาย” และไม่ใช่เพียงสิ่งปลูกสร้าง แต่บ้านจะต้องเป็นที่อยู่อาศัยที่อุ่นใจและปลอดภัย

 

 

3 โปรเจ็กต์ที่น่าสนใจของสัมมากรในช่วงปีนี้ ประกอบด้วยการผนึกกำลังกับกลุ่มจ้างวานข้า โดยมูลนิธิกระจกเงา ไปจนถึงการทำน้ำดื่มสัมมากร และการผลิตชุดยูนิฟอร์มสัมมากรในชื่อ Xmoreloop ทั้งหมดเป็นการดำเนินการด้าน social purpose และ environment/planet purpose ตอกย้ำว่าสัมมากรเป็น property developer ที่ให้ความสำคัญกับการส่งมอบคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อมที่ดี ขณะเดียวกันก็ขีดเส้นใต้ 100 เส้นได้ว่าการคำนึงถึงบริบทแวดล้อมโดยรอบโครงการของสัมมากรนั้นไม่เพียงทำผ่านการออกแบบและพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย แต่ยังดำเนินการเพื่อสิ่งแวดล้อม และสังคมจริงๆ

โปรเจ็กต์แรกในรอบปีของสัมมากรที่ได้สปอตไลท์ส่องเต็มที่ คือ “สัมมากร x จ้างวานข้า” โปรเจ็กต์นี้เป็นความร่วมมือกับมูลนิธิกระจกเงาผู้ก่อตั้งกลุ่ม “จ้างวานข้า” เพื่อเปิดให้องค์กรหรือผู้คนที่สนใจได้มีโอกาสจ้างงานกลุ่มคนไร้บ้าน ที่จะเกาะกลุ่มไปทำงานหลากหลายรูปแบบตามความถนัด ทั้งงานช่าง งานแม่บ้าน งานเคลียร์บ้าน งานแต่งสวน และงานจัดการขยะในอีเวนท์ต่างๆ การจ้างงานนี้จะช่วยสร้างรายได้ ให้กับคนไร้บ้าน ให้เขาได้เข้าถึงระบบงาน เเละยกระดับความเป็นอยู่

 

 

สิ่งที่สัมมากรทำคือการชักชวนทีมจ้างวานข้า เข้าทำความสะอาดที่โครงการในเครือสัมมากรตั้งแต่เดือนมีนาคม 2566 ที่ผ่านมา โดยเริ่มโครงการแรกที่ “สัมมากร ชัยพฤกษ์ วงแหวน 2” พร้อมกับวางแผนระยะยาวในการจ้างวานกลุ่ม “จ้างวานข้า” แบบเป็นประจำทุกเดือน

การว่าจ้างผู้สูงอายุที่มีศักยภาพให้เข้าทำความสะอาดที่บ้านสัมมากรหลายโครงการนั้นช่วยเพิ่มรอยยิ้มให้กลุ่มผู้สูงวัยอย่างไม่ต้องสงสัย รอยยิ้มนี้เกิดขึ้นได้โดยที่สัมมากรมีบทบาทในการเป็นส่วนส่งเสริมและสนับสนุนอย่างเต็มที่ นำไปสู่จุดประสงค์ภาพใหญ่ขององค์กร ที่ต้องการให้ทุกคนได้มีบ้านที่หลับสบายทั้งกายและใจ

 

เปิดโลกใหม่การดื่มน้ำและชุดยูนิฟอร์ม

โปรเจ็กต์ที่ 2 คือน้ำดื่มสัมมากร จากน้ำดื่มบรรจุขวดพลาสติกที่คุ้นเคย สัมมากรเลือกที่จะเปิดโลกใหม่ของการดื่มน้ำ ด้วยน้ำดื่มสะอาดอัดกระป๋องอะลูมิเนียมแบบใหม่ที่สามารถรีไซเคิลได้ 100%

 

 

โปรเจ็กต์น้ำดื่มสัมมากรนี้เป็นการร่วมมือของคนรุ่นใหม่ที่มีความตั้งใจและใส่ใจในสิ่งแวดล้อม ระหว่างสัมมากร, ผู้ผลิตน้ำดื่มกระป๋อง Greenery Water และ Prompt Design นักออกแบบผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบรรจุภัณฑ์ดีกรีรางวัลระดับโลก ทั้ง 3 ได้จับมือกันภายใต้คอนเซ็ปต์ตั้งต้นที่ต้องการเริ่มเปลี่ยนแปลงโลกเราจากสิ่งใกล้ตัวให้เกิดอิมแพคในวงกว้างอย่างยั่งยืน

 

 

โปรเจ็กต์นี้มองว่าน้ำคือสิ่งสำคัญที่ทุกคนดื่มเพื่อความสดชื่นของร่างกายและคลายความกระหาย น้ำดื่มยังเป็นสิ่งสำคัญในการรับแขกบ้านผู้มาเยือน น้ำเป็นส่วนประกอบในร่างกายเราถึง 70% แน่นอนว่าไม่มีใครที่จะขาดน้ำได้ในแต่ละวัน แต่เมื่อเราดื่มน้ำเพื่อคงความสดชื่นให้ร่างกาย คงจะดีไม่น้อยถ้าเราสามารถรักสุขภาพและรักษ์โลกได้ไปในเวลาเดียวกัน

สุดท้าย โปรเจ็กที่ 3 คือ Sammakorn x Moreloop เสื้อยูนิฟอร์มบริษัทที่สัมมากรเคลมว่าจะช่วยโลกได้ เพราะเสื้อยูนิฟอร์ม 1 ตัวสามารถลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 5.85 kgCO2e หรือ พอๆ กับการขับรถเป็นระยะทาง 49.17 กิโลเมตรทีเดียว

 

 

ในโปรเจ็กต์นี้ สัมมากร ได้มองหาแบรนด์ที่มีจุดยืนเดียวกัน ทั้งความเข้าใจในสถานการณ์ปัญหาของสิ่งแวดล้อม และการมุ่งหาทางออกเพื่อโลกที่ยั่งยืนและสดใสไปด้วยกัน เสื้อยูนิฟอร์มใหม่ของสัมมากร จึงได้บริษัท moreloop (มอร์ลูป) มาช่วยออกแบบการผลิตเสื้อให้ โดยเน้นหมุนเวียนผ้าคุณภาพที่เหลือจากการตัดเย็บ ซึ่งในวงการอุตสาหกรรมผ้าและแฟชั่น จะมีเนื้อผ้า เส้นใยต่างๆ ถูกทิ้งไว้มหาศาล และการมองข้ามผ้าเหล่านี้ จะทำให้เกิดเป็นขยะอย่างน่าเสียดาย

 

 

ผ้าที่สัมมากรนำมาสร้างสรรค์เป็นเสื้อผ้า นับเป็น pre-consumer หรือเศษผ้าที่เกิดขึ้นจากอุตสาหกรรมตัดเย็บ ซึ่งตามหลักแล้วไม่ใช่ผ้าเก่าที่เสียหาย เมื่อนำผ้าเหล่านี้มาผ่านกระบวนการให้เกิดเป็น surplus fabric ผืนใหม่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สัมมากรจึงสามารถลดการใช้ผ้าผืนใหม่ได้ ด้วยการใช้หลักการดีไซน์มาแก้ปัญหา ให้ได้เสื้อผ้าที่สวยงาม มีคุณภาพ และสวมใส่สบายเหมาะกับอุณหภูมิเมืองไทย

ในภาพรวม กระป๋องน้ำและผ้าที่ใช้ตัดเย็บยูนิฟอร์มของสัมมากร ไม่เพียงสามารถช่วยลด Carbon Footprint ในชั้นบรรยากาศเท่านั้น แต่ยังตรงกับคอนเซ็ปต์ Upcycling & Recycling ซึ่งเป็นแนวคิดที่สัมมากรเชื่อว่าจะเป็นบรรทัดฐานอันดี และเป็นสิ่งที่ทุกคนจะต้องตระหนักถึง ซึ่งเมื่อทุกคนเชื่อเหมือนกันแล้ว แน่นอนว่าแนวทางเหล่านี้จะช่วยให้โลกใบนี้น่าอยู่ขึ้น

นี่เป็นเพียงส่วนเดียวจากการให้ความสำคัญเรื่องความยั่งยืนในหลายๆ ด้านของสัมมากร โดยผู้สนใจสามารถติดตามการปรับ Function การทำงานที่คำนึงถึงโลกใบนี้ของสัมมากรต่อเนื่องได้ที่ http://www.sammakorn.co.th

 

 

 


  • 1.8K
  •  
  •  
  •  
  •