ชิงระเบิดศึกศักราชใหม่ “อาร์เอส” โชว์วิสัยทัศน์ธุรกิจปี 2018 ชูแนวคิด Beyond the Limit ทำธุรกิจใหม่ไร้กรอบ ดันรายได้ 5,300 ล้านบาท พุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ รับอานิสงค์ทรานฟอร์มบิสิเนสสำเร็จ ชี้เฮลท์แอนบิวตี้มาแรงแซงมีเดีย เผย “ไลฟ์สตาร์” งัดกลยุทธ์ Product Champion คัดสรรและพัฒนาสุดยอดสินค้า เล็งคลอดนิวโปรดักส์เสริมทัพเพียบ ด้าน “ช่อง 8” ลุยกลยุทธ์ Primetime Focus ดึงคอนเทนต์พรีเมียมทั้งในและต่างประเทศเขย่าจอช่วงไพรม์ไทม์เช้าเย็น ฟาก “เพลง” วางกลยุทธ์ Artist Centric เริ่มใช้โลโก้ “อาร์สยาม” โฉมใหม่ 1 ธันวานี้ ต่อยอดมิวสิคมาร์เก็ตติ้ง เน้นโฟกัสคัดศิลปินตัวหลัก มุ่งทำแนวดนตรีไร้ขอบตอบโจทย์ทุกกลุ่มเป้าหมาย
นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) เชื่อมั่นตามที่ภาครัฐมองว่าเศรษฐกิจไทยปี 2018 จะสดใสและขยายตัวดีขึ้นมากกว่า 4% เมื่อเทียบกับปีนี้ เพราะได้ปัจจัยบวกหนุนหลายด้าน อาทิ ภาครัฐลงทุนพัฒนาประเทศอย่างเมกะโปรเจค, อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเติบโตต่อเนื่อง, ตัวเลขส่งออกสินค้าขยายตัว, มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างช้อปช่วยชาติ ขณะที่สถานการณ์การเมืองในประเทศมีเสถียรภาพ ส่งผลให้ประชาชนมีกำลังซื้อดีขึ้น สอดคล้องกับเม็ดเงินโฆษณาที่ส่งสัญญาณฟื้นตัว ดังนั้น บริษัทฯ จึงได้วางยุทธศาสตร์การดำเนินธุรกิจตามวิสัยทัศน์ปี 2018 ด้วยความรัดกุม รอบคอบ และชัดเจน ทำให้คาดว่าผลการดำเนินงานจะดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทั้งเติบโตก้าวกระโดดและแข็งแกร่ง
หลังอาร์เอสทรานฟอร์มธุรกิจสำเร็จ ขณะนี้กำลังเดินหน้าขับเคลื่อนองค์กรภายใต้แนวคิด “ทำธุรกิจใหม่ไร้กรอบ (Beyond the Limit)” รุกเปิดโอกาสตัวเองกับธุรกิจใหม่ๆ ที่น่าสนใจ โดยนำธุรกิจเรือธงที่มีประสิทธิภาพอยู่แล้ว ได้แก่ ไลฟ์สตาร์, ช่อง 8, คูล, เพลง และแซทเทิลไลท์ทีวี มาซีเนอจี้แบบทรงพลัง ด้วยบิสิเนสโมเดลที่เป็นเอกลักษณ์ (Unique) ไม่เหมือนใคร ช่วยส่งเสริมผลักดันให้ทุกธุรกิจในเครือมีศักยภาพยิ่งขึ้น อีกทั้งเชื่อว่าจะเป็นปีพิเศษที่น่าตื่นเต้น สนุก ท้าทาย ได้เห็น Turning Point จุดเปลี่ยนพลิกผันของบริษัทฯ รับอานิสงค์ธุรกิจเฮลท์แอนบิวตี้มียอดขายลบสถิติในเดือนก่อนหน้าอย่างต่อเนื่องทุกเดือน และยังทำมาร์จิ้นได้สูงกว่าคู่แข่งในตลาด ส่วนรายได้รวมปี 2018 วางไว้ 5,300 ล้านบาท ถือเป็นตัวเลขพุ่งทะยานสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แบ่งสัดส่วนมาจากธุรกิจเฮลท์แอนบิวตี้ 47% ตามด้วยธุรกิจสื่อ 46% ธุรกิจเพลง 5% และธุรกิจอีเวนต์ 2%
ทั้งนี้ “ไลฟ์สตาร์” ธุรกิจเฮลท์แอนบิวตี้ ตั้งเป้ารายได้ 2,500 ล้านบาท จากการใช้กลยุทธ์ Product Champion คัดสรรและพัฒนาสุดยอดสินค้ามาเสิร์ฟลูกค้า โดยปัจจุบันมี 3 แบรนด์เจาะ 3 ตลาด ได้แก่ “มาจีค” ทำตลาดกลุ่มสกินแคร์, “รีไวฟ์” ทำตลาดกลุ่มแฮร์แคร์ และ “เอส.โอ.เอ็ม” ทำตลาดกลุ่มอาหารเสริม ซึ่งมีแผนจะส่งสินค้าใหม่อีกกว่า 30 รายการ จากทุกวันนี้มีแล้ว 37 รายการ ประเดิมต้นปี 2018 ส่งสินค้าใหม่ ได้แก่ มาจีค ยูธฟูล เรเดียนซ์ ดีท๊อกซิฟายอิ้ง อินสแตนท์ โกลว, มาจีค ยูธฟูล เรเดียนซ์ ซูพีเรีย โอเวอร์ไนท์ รีแพร์, เห็ดหลินจือพลัสชิตาเกะ, ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารมี-มอร์, ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารโกลดีวาส, รวมทั้งมีพันธมิตรใหม่หลายรายสนใจนำสินค้ามาจำหน่ายผ่านช่องทาง www.shop1781.com และ @Shop1781 บน LINE SHOP โดยวางระบบบริหารจัดการฐานลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งล่าสุดมีฐานลูกค้ามากกว่า 7 แสนราย และคาดว่าปีหน้าจะขยับขึ้นเป็น 1.5 ล้านราย
ด้าน “ช่อง 8” ตั้งเป้ารายได้ 2,000 ล้านบาท จากการใช้กลยุทธ์ Primetime Focus ในช่วงเวลา After 6 am/pm ดึงคอนเทนต์พรีเมียมทั้งในและต่างประเทศลงจอ ประกอบด้วย “ข่าว” ที่ครองแชมป์อันดับ 1 รายการข่าวของกลุ่มผู้ประกอบการหน้าใหม่ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “เล่าง่าย ดูง่าย เข้าใจง่าย” ตามด้วยสุดยอดรายการ “มวย” ไทยและต่างประเทศเอาใจคอกีฬา รวมทั้งคว้าอภิมหา “ซีรีส์” บอลลีวู้ดโด่งดังระดับโลก 2 เรื่องใหม่ คือ “วัลลัภ มหาราชย์รักสุดแผ่นดิน” และ “พิฆเนศ มหาเทพไอยรา” ต่อด้วย “ละครใหม่” 10 เรื่องรวดที่ได้ดารานักแสดงนอกค่ายระดับแม่เหล็กมาร่วมงานเพียบ ปิดท้ายด้วยรายการใหม่ “เกมเรียงเบอร์” เกมโชว์วาไรตี้ดูทุกวันลุ้นเงินล้านทุกวันเจาะกลุ่มครอบครัว ทำให้คาดว่าสิ้นปีหน้าจะมียอดผู้ชม 7 แสนรายต่อนาที ขณะที่เตรียมปรับขึ้นค่าโฆษณาเพิ่มอีก 45% เริ่มมีผลตั้งแต่เดือนมกราคม 2018 นี้ รวมทั้งจัดกิจกรรมการตลาดสร้างสีสันความสนุกให้แฟนๆ ทุกภูมิภาค ขณะเดียวกันเร่งขยายฐานผู้ชมต่อเนื่อง ทั้งออนไลน์ดึงคอนเทนต์มาไลฟ์สดบนเฟสบุ๊คคู่ขนานไปกับแพลตฟอร์มหน้าจอทีวี และตลาดต่างประเทศรุกขายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ละครไปยังประเทศเพื่อนบ้าน
ฟาก “ธุรกิจเพลง” เนื่องด้วยเป็นบริษัทเพลงรายเดียวในเมืองไทยที่รุกปรับตัวก่อนใคร อีกทั้งถนัดและทำได้ดี ดูได้จากมีรายได้สม่ำเสมอและทำกำไรแข็งแกร่งมาโดยตลอด ขณะเดียวกันเป็นต้นน้ำต่อยอดสร้างธุรกิจใหม่ๆ ได้ จึงยังไม่มีนโยบายจะยุติหรือยกเลิกทำแต่อย่างใด ตั้งเป้ารายได้ 250 ล้านบาท จากการใช้กลยุทธ์ Artist Centric ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ดนตรีไร้ขอบ” ไม่ได้จำกัดอยู่ที่เพลงลูกทุ่งเพียงอย่างเดียว แต่เป็นค่ายเพลงที่ตอบโจทย์คนฟังครบถ้วนทุกแนวเพลง โดยเริ่มใช้โลโก้ “อาร์สยาม” โฉมใหม่วันที่ 1 ธันวาคมนี้ ขณะเดียวกันมองศิลปินเป็นคอนเทนต์รุกเพิ่มขีดความสามารถบริหารจัดการเพื่อสร้างรายได้ทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นรายได้งานโชว์ตัวตามคอนเสิร์ตและอีเวนท์ต่างๆ รวมไปถึงพรีเซนเตอร์สินค้า การแสดงทั้งละครและภาพยนตร์ เป็นต้น สตรีมมิ่งและดาวน์โหลดเพลง ตลอดจนจัดเก็บลิขสิทธิ์เพลง คาดว่าจะออกซิงเกิ้ลไม่ต่ำกว่า 40 เพลงต่อปี
ขณะที่ธุรกิจวิทยุ “คูลฟาเรนไฮต์” ใช้กลยุทธ์ DIGITAL TRANSFORMATION เร่งขยายฐานออนไลน์ต่อเนื่อง เจาะกลุ่ม GEN C ทุกเพศทุกวัยอายุระหว่าง 20-44 ปี ที่มีความคิดและพฤติกรรมเชื่อมต่อกับโลกออนไลน์ได้ตลอดเวลา ตอกย้ำความสำเร็จหลังผันตัวเองจาก RADIO วิทยุมาเป็น AUDIO เสียง ซึ่งมีฐานผู้ฟังออนไลน์เติบโตก้าวกระโดดเคียงคู่กับฐานผู้ฟังออนแอร์ที่แข็งแกร่ง โดยเตรียมอัดอีเวนต์ตลอดทั้งปีหวังเพิ่มมูลค่าคุ้มค่าผู้ซื้อเวลาโฆษณา ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมซิกเนเจอร์ของบริษัทฯ อย่าง COOL OUTING ที่จัดทุกไตรมาสต่อเนื่องเป็นปีที่ 13, อิ๊งค์ EAT ALL AROUND กิจกรรมพาไปกิน… เดี๋ยวบินกลับทั้งในและต่างประเทศ พร้อมนำเสนอกิจกรรมใหม่ๆ ที่ตอบโจทก์ไลฟ์สไตล์ อาทิ Sport Event และ COOL Degree Beyond Rewards ระบบสะสมเวลาการฟังบนแอพพลิเคชั่นเพื่อนำมาแลกรับของรางวัลสุดคูล