หลังประเทศไทยเปิดประตูต้อนรับนักท่องเที่ยว หนึ่งในธุรกิจที่ได้รับอานิสงส์ครั้งนั้น นอกจากการท่องเที่ยวแล้วคือธุรกิจ MICE ที่ประเทศไทยเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางของการจัดงานอีเว้นท์ ขณะที่การกลับมาในครั้งนี้หลายธุรกิจกลับมาพร้อมกับความรับผิดชอบต่อสังคม โดยเฉพาะเรื่องสิ่งแวดล้อมที่ทั่วโลกกำลังให้ความสำคัญ ซึ่งธุรกิจ MICE ถือเป็นหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยให้การจัดอีเว้นท์เป็นส่วนหนึ่งของการลดภาวะโลกร้อน ด้วยการเลือกสถานที่จัดงานที่แสดงความรับผิดชอบในเรื่องสิ่งแวดล้อม
Royal Paragon Hall สู่การเป็น Carbon Neutral Venue แห่งแรกของไทย
และหากจะให้พูดถึงหนึ่งในธุรกิจ MICE ที่ดำเนินการด้านความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม คงต้องยกให้ Royal Paragon Hall สถานที่จัดงานที่มีความโดดเด่นในด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างชัดเจนโดยเฉพาะการให้ความสำคัญกับเรื่องปัญหาโลกร้อน ด้วยการเดินหน้าสู่การเป็นต้นแบบ Carbon Neutral Venue หรือการเป็นสถานที่จัดงานที่มีการลดและชดเชยปริมาณ Carbon Footprint ที่ถูกปล่อยออกมาจากกิจกรรมขององค์กรให้เท่ากับศูนย์ ถือเป็นสถานที่จัดงานแห่งแรกของประเทศไทยที่ดำเนินการเรื่องนี้อย่างครบวงจร โดยกําหนดแนวทางการจัดการเพื่อลดการปล่อย Carbon Footprint อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจที่มาใช้บริการของ Royal Paragon Hall ได้มีส่วนช่วยโลกใบนี้ไปด้วยกัน
โดยแนวทางปฏิบัติที่ Royal Paragon Hall ใช้ในการขับเคลื่อน คือ กลยุทธ์ 4C ผสมผสานกับกิจกรรม 4R ส่งเสริมความร่วมมือของเจ้าหน้าที่พนักงานต่างๆ ในทุกฝ่าย เพื่อช่วยลดการปล่อย Carbon Footprint ให้น้อยที่สุด และลดการใช้ผลิตภัณฑ์ และวัสดุที่ทำลายสิ่งแวดล้อม ช่วยให้แผนการมุ่งสู่ Carbon Neutral Venue สามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เจาะกลยุทธ์ 4C ผสานกิจกรรม 4R
สำหรับกลยุทธ์ 4C ที่ Royal Paragon Hall นำมาใช้ จะประกอบไปด้วย Carbon Reduction การดำเนินกิจกรรมเพื่อลดการปล่อย Carbon Footprint ให้น้อยที่สุด, Calculation การพัฒนาเครื่องมือคำนวณเพื่อวัดผลให้เห็นเป็นรูปธรรม, Communication การสื่อสารให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย เพื่อสร้างความตระหนักร่วมกัน และ Carbon Offset การซื้อคาร์บอนเครดิตเพื่อชดเชยปริมาณ Carbon Footprint ที่ไม่สามารถลดได้และถูกปล่อยออกมาทั้งหมดให้เท่ากับศูนย์
กลยุทธ์ 4C จะสามารถดำเนินการให้ประสบความสำเร็จได้จำเป็นต้องใช้กิจกรรม 4R เข้ามาร่วม ทั้ง Rethink, Reduce, Reused และ Recycle สิ่งที่ยากและถือว่ามีความท้าทายที่สุดในการจัดการด้านสิ่งแวดล้อม คือการ Rethink ผ่านการสื่อสารกับทุกฝ่ายให้ตระหนักและเห็นความสําคัญเรื่องสิ่งแวดล้อม พร้อมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหรือแนวทางการทำงานที่คุ้นชิน โดยเฉพาะพนักงานที่เป็นด่านหน้าในการส่งมอบประสบการณ์ให้กับผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ทั้งลูกค้าและคู่ค้า
โดย Royal Paragon Hall ดำเนินการมาตั้งแต่วันแรกของการเปิดให้บริการ ปลูกฝังและหล่อหลอมจนกลายเป็นวัฒนธรรมองค์กร เช่น การส่งพนักงานเข้าร่วมอบรมหลักสูตรในเรื่องของ Sustainability เพื่อสร้างความเข้าใจให้กับพนักงานทุกปี รวมถึงการจัดแคมเปญกิจกรรมภายใน เพื่อรณรงค์ให้พนักงานได้มีส่วนร่วมแสดงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การพกแก้วส่วนตัว เพื่อปรับพฤติกรรมในชีวิตประจําวันในการลดใช้พลาสติก
ลดการใช้ ลดขยะด้วยการนำกลับมาใช้
นอกจากการปรับความคิดในเรื่องของการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม การลงมือปฏิบัติก็มีส่วนสำคัญ โดยเฉพาะในการ Reduce หรือการลดใช้ ไม่ว่าจะเป็นการลดการใช้ผ้าคลุมโต๊ะเก้าอี้ ซึ่งช่วยให้สามารถลดการใช้พลังไฟฟ้าและลดการปล่อยน้ำเสียที่มาจากการซักล้าง การพัฒนาระบบเทคโนโลยี E-Documents ที่ช่วยลดการใช้กระดาษ โดยปัจจุบัน Royal Paragon Hall สามารถลดการใช้กระดาษลงได้ถึง 10 เท่า รวมถึงลดการใช้วัสดุตกแต่งที่ก่อให้เกิดขยะ
กิจกรรม Reuse และ Recycle ตามกลยุทธ์ Carbon Reduction ในแต่ละปีสามารถช่วยลดขยะ (Waste) ได้หลายตัน นอกจากนี้ยังมีการเปลี่ยนระบบแสงสว่างด้วยการนําหลอด LED เข้ามาใช้ทั้งพื้นที่ของ Royal Paragon Hall ช่วยลดการใช้พลังงานไฟฟ้า ที่สำคัญยังได้ร่วมกับศูนย์การค้า Siam Paragon ในการยกระดับแผนบริหารจัดการขยะแบบ 360 องศา โดยวางเป้าหมายในการสร้างระบบคัดแยกขยะที่ครบวงจร ขยะที่คัดแยกออกมานั้นจะถูกส่งต่อไป Recycle หรือเข้าสู่กระบวนการแปรรูปเป็นวัตถุดิบ เพื่อนํามาสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ (Upcycling)
กระบวนการเหล่านี้จะเป็นต้นแบบที่ช่วยสร้างความสมดุลด้านสิ่งแวดล้อมและแก้ไขปัญหาการจัดการขยะพลาสติกในประเทศไทยอย่างยั่งยืน เพื่อปรับเปลี่ยนวิธีการทํางานใหม่ในการลดการใช้ทรัพยากร ในส่วนของลูกค้าที่มาใช้บริการจัดงานต่างๆ Royal Paragon Hall ก็มีการให้คำปรึกษาแนวทางในการจัดงานแบบยั่งยืน รวมถึงชี้ให้เห็นถึงประโยชน์ที่ผู้จัดงานจะได้รับ ไม่ว่าจะเป็นต้นทุนที่ลดลงจากการลดการใช้ทรัพยากรที่ลดลง ช่วยลดภาระในการจัดการ
วัดผลเพื่อสิ่งแวดล้อม ชดเชยการปล่อยคาร์บอน
นอกจากนี้ Royal Paragon Hall ยังพัฒนาเครื่องมือวัดผลจากการจัดงานแบบ Eco Friendly ซึ่งเป็น Unique Experience ที่ลูกค้าจะได้เห็นและภาคภูมิใจว่า ได้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยโลกได้มากเพียงใด โดยใช้ปริมาณ Carbon Footprint ที่ลดได้มาเป็นมาตรวัด โดยหลังจบงานสามารถคํานวณและส่งตัวเลขนี้ให้กับลูกค้าผู้จัดงานได้ทันที และยังสามารถนําตัวเลขนี้ไปใช้ในการสื่อสารภายในองค์กรของผู้จัดงาน เพื่อส่งต่อความภาคภูมิใจให้กับทีมงาน
ผลตอบรับที่ผ่านมา ลูกค้าผู้จัดงานเกือบ 100% พร้อมตอบรับและให้ความร่วมมือในการจัดงานแบบยั่งยืนกับ Royal Paragon Hall โดยที่ผ่านมาจากความร่วมมือระหว่าง Royal Paragon Hall กับผู้จัดงานมีส่วนช่วยลด Carbon Footprint ลงได้ถึง 400 กว่าตันคาร์บอน ซึ่งเทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ใหญ่ให้กับโลกใบนี้ได้ถึง 45,000 กว่าต้น นอกจากนี้ในส่วนของ Carbon Footprint ที่ไม่สามารถลดได้ จะคำนวณและดําเนินการซื้อ Carbon Credit เพื่อชดเชยส่วนที่ปล่อยออกมาทั้งหมดให้เป็นศูนย์ เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อโลกใบนี้แบบครบวงจร
โดยการคำนวณ และซื้อ Carbon Credit ได้ผ่านการทวนสอบและได้รับการรับรองจากทางองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) ซึ่งการชดเชยได้รวมถึงปริมาณ Carbon Footprint ที่ถูกปล่อยออกมาจากการใช้ไฟฟ้าและน้ำประปาจากทุกอีเวนต์ของผู้จัดงานด้วย
ทําให้ผู้จัดงานที่มาใช้บริการจาก Royal Paragon Hall มีส่วนช่วยแสดงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ส่งผลให้ Royal Paragon Hall สามารถลดคาร์บอนลงได้โดยสมบูรณ์ ตอกย้ำการเป็น Carbon Neutral Venue แห่งแรกในประเทศไทย นับเป็นต้นแบบที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ประกอบการธุรกิจทุกประเภท ในการตระหนักถึงความสําคัญของการจัดงานอย่างยั่งยืน และการสร้างความร่วมมือที่ช่วยให้โลกใบนี้ดีขึ้น
ทั้งหมดนี้เรียกได้ว่าเป็นกรณีศึกษาของธุรกิจที่ใส่ใจในเรื่องของสิ่งแวดล้อม ที่เรียกว่าเป็นสิ่งที่ธุรกิจต้องให้ความสำคัญ โดยเฉพาะในอนาคตที่ทั่วโลกให้ความสำคัญกับเรื่องสิ่งแวดล้อม เห็นได้จากการออกกฎหมายที่บังคับให้ธุรกิจต้องใส่ใจสิ่งแวดล้อมผ่านกระบวนการทางด้านภาษี และหากใครไม่ปฏิบัติเรื่องการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมก็อาจถูกแรงกดดันจากสังคมและลูกค้าให้ต้องปรับเปลี่ยน