อีก 5 ปีโรบินสันจะมีพื้นที่ห้าง 1.2 ล้านตร.ม.ใน 59 สาขา ปีนี้ทุ่ม 3 พันล้านเปิด 2 สาขาชัยภูมิ-ชลบุรี รุกโตตามอีอีซีและหัวเมืองที่มี Potential ชู Eat Shop Play บุกค้าปลีก 48 สาขาใน 34 จังหวัด

  • 219
  •  
  •  
  •  
  •  

โรบินสันประกอบธุรกิจค้าปลีกประเภทห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้า ปัจจุบันมีทั้งหมด 46 สาขา แบ่งเป็นดีพาร์ทเม้นท์ สโตร์ 46 สาขา ในจำนวนนี้แบ่งเป็นรูปแบบศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ 20 สาขา ครอบคลุมพื้นที่ที่มี Potential ทั่วประเทศ โดยเลือกเข้าไปลงทุนในหัวเมืองรอง เพราะมีการแข่งขันน้อยกว่า ไม่ต้องแบ่งเค๊กให้ใคร ซึ่งเป็น Core Business และยังเป็นกลยุทธ์ที่ใช้เรื่อยมา ล่าสุดประกาศผลประกอบการประจำปี 2560 รวมทั้งทิศทางในปี 2561 เพื่อชิงรุกความเป็นผู้นำตลาดค้าปลีกไทย N_6

รุกเมืองรอง-จังหวัดตามแนว EEC

คุณวุฒิเกียรติ เตชะมงคลาภิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โรบินสัน จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงทิศทางและกลยุทธ์การดำเนินงานครั้งสำคัญเพื่อรุกตลาดค้าปลีกในปี 2561 นี้ว่า เตรียมงบไว้ 1 พันล้านบาท สำหรับสาขาใหม่ของโรบินสัน ในรูปแบบโรบินสันไลฟ์สไตล์ที่ชื่อว่า ศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ สาขาชลบุรี (สาขาแห่งที่ 3 ในชลบุรีสาขาก่อนหน้าคือ แปซิฟิค พาร์ค ศรีราชา และเซ็นทรัลพลาซ่า ชลบุรี) อยู่บริเวณด้านหลังนิคมฯ อมตะนคร ภายในไตรมาส 3 นี้ ซึ่งถือเป็นสาขาลำดับที่ 47 (46 คือกำแพงเพชร ซึ่งเป็นสาขาเล็กที่สุดใน Format ไลฟ์สไตล์มอลล์) และเป็นสาขาลำดับที่ 21 ในรูปแบบห้างโรบินสันไลฟ์สไตล์ ขนาดความสูง 2 ชั้น มีพื้นที่ทั้งหมด 3.6 หมื่นตารางเมตร

ทั้งนี้โรบินสันยึดครองพื้นห้างทั่วประเทศไว้ทั้งหมด 20 โลเคชั่น ด้วยปริมาณ 7.9 ล้านคนต่อเดือน ลูกค้า 70% อยู่ในเขตนอกปริมณฑล ปิดยอดขายปีที่ผ่านมาที่ 2.6 หมื่นล้านบาท เติบโต 2.8% ซึ่งในปีนี้มั่นใจที่จะขยายส่วนแบ่งการตลาดอย่างมีกำไรต่อไป โดยฉพาะในพื้นที่ภาคตะวันออกเช่นชลบุรี ที่มีการสนับสนุนจากภาครัฐตามนโยบายอีอีซี มีการแก้ไขกฏหมาย มีการเสริมเรื่องอินฟาสตรัคเจอร์ ฯลฯ เช่น การเชื่อมต่อแอร์พอร์ตลิงค์มายังภาคตะวันออก รวมทั้งโครงการอื่นๆ ที่เอื้อให้พื้นที่มีการเติบโต กลายเป็น S-Curve ใหม่ ทำให้ SupplySpace มีมากพอที่จะลงทุนด้านช้อปปิ้งมอลล์หรือดีพาร์ทเมนท์สโตร์ โดยเฉพาะฝั่งตะวันตกของจังหวัดชลบุรี ถือว่าเป็นเมืองที่มีอัตราเติบโตสูงด้านเรสซิเดนช์เชียล ทิศทางการขยายตัวออกไปทาง อ.พนัสนิคม ในบริเวณใกล้เคียง แหล่งนิคมอุตฯ ประเภทต่างๆ มีประชากรราว 4 แสนคน มีรายได้ประจำ ถือเป็นพื้นที่มีศักยภาพในอนาคต

ส่วนสาขาใหม่อีกแห่งคือที่จ.ชัยภูมิ ใช้รูปแบบโรบินสันไลฟ์สไตล์ ซึ่งถือเป็นลำดับที่ 48 ของโรบินสัน และเป็นสาขาลำดับที่ 22 ในรูปแบบโรบินสันไลฟ์สไตล์ใช้เงินลงทุน 800 ล้านบาท มีพื้นที่ทั้งหมด 3.2 หมื่นตารางเมตรถือเป็นสาขาที่ได้รับประสบการณ์การเรียนรู้จากสาขากำแพงเพชร และพร้อมเปิดให้บริการได้ในสิ้นปีนี้ ซึ่งชัยภูมิเป็นจังหวัดที่มีอัตราขยายตัวที่ดีทางด้านเศรษฐกิจ จากเรื่องของสิ่งทอและด้านการเกษตร และเป็นหัวเมืองที่ภาครัฐมีแผนกระตุ้นภาคการท่องเที่ยว จึงโอกาสเติบโตทัดเทียมเมืองหลัก โดยการต่อยอดพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจ และกระจายความเจริญสู่เมืองรองของไทย R_2

“เราไม่ได้สร้างแค่เพียงช้อปปิ้งมอลล์ แต่เราได้สร้างคอมมูนิตี้ขึ้นมาด้วย สนับสนุนด้านประชารัฐหรือองค์กรท้องถิ่น ในภาคตะวันออกเรามีโรบินสันใน 4 จังหวัด 6 สาขา ทั้งในจันทบุรี ระยอง ฉะเชิงเทราและชลบุรี ดูจากสปีดของเมือแล้วยังมีศักยภาพเพียงพอที่จะเปิดสาขาเพิ่มได้อีก เพราะเป็นเมืองที่กำลังซื้อดี ผู้คนส่วนใหญ่มีรายได้ประจำ มีประชากรแฝงเยอะ ทั้งนักท่องเที่ยว นักธุรกิจ มีการค้าการลงทุน มีอุตสาหกรรมหลายแขนง สะท้อนภาพใหญ่หลักการเลือกโลเกชั่นของโรบินสัน คือจะเลือกเมืองที่มีโอกาสเติบโต มองที่การขยายตัวของเมืองในอีก 5 ปี 10 ปีจะเป็นอย่างไร มองที่ขนาดของพื้นที่ เป็นลูกค้ากลุ่มไหน พื้นที่ในย่านอีอีซีค่อนข้างจะตกผลึกแล้วเป็นไปตามแนวทางของเรา ที่เวลาจะไปลง ที่ๆ จะไปต้อง ใช่ ไม่งั้นเสี่ยง เพราะลงทุนเยอะ พื้นที่ๆ ใช้ในการทำช็อปปิ้งมอลล์ตั้งแต่ 2.9-3.7 หมื่นตารางเมตร ส่วนดีพาร์ทเมนท์สโตร์ก็จะอยู่ราว 30% ของพื้นที่”

พื้นที่ห้างของโรบินสันนอกจากส่วนฟูดส์ที่เป็นแม่เหล็ก ยังมีพื้นที่เอ็นเตอร์เทน แผนกทอยส์ มีมุมเล็กๆ ให้เด็กๆ เล่น และพื้นที่ช้อปปิ้ง ซึ่งทั้ง 3 ส่วน Eat Shop Play เป็ส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของผู้คน ทานข้าวนอกบ้าน หาความบันเทิง คอนเซ็ปต์นี้ยังใช้ได้ดี ซึ่งจะมีพื้นที่ราว 15% ที่เหลือเป็นส่วนช้อปปิ้ง โรบินสัน ท็อป ซุปเปอร์สปอร์ต เอ็นเตอร์เทน อาจจะเหลือ 10% เพราะไซส์ของมอลล์มีความแตกต่างกันไปแต่ละสาขา ซึ่งภายในอีก 5 ปีข้างหน้าจะมีพื้นที่ราว 1.2 ล้านตารางเมตร ในจำนวน 59สาขาและภายในสิ้นปีนี้จะมีสาขาทั้งหมด 48 สาขา ใน 34 จังหวัด

R_1

ปี 60 มีกำไรสุทธิ 2,742 ล้านบาท

ผลประกอบการของบริษัทในปี 2560 มีกำไรสุทธิ 2,742 ล้านบาท เติบโต 8.7% (เมื่อไม่รวมรายการพิเศษ ที่มีการบันทึกรายการพิเศษจากการกลับรายได้หนี้สูญและรับเงินค่าชดเชยอุทกภัยที่เกิดขึ้นในไตรมาส 4 ของปี 2559) ซึ่งเป็นผลจากการเติบโตของรายได้ค่าเช่า อัตราการเช่าพื้นที่ศูนย์การค้า (Occupancy) ที่ 99% รวมทั้งจากการเพิ่มของรายได้อื่น การบริหารจัดการค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการขยาย 3 สาขา ทั้งศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ เพชรบุรี (พฤษภาคม 2560) ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน มหาชัย (พฤศจิกายน 2560) และศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ กำแพงเพชร (ธันวาคม 2560) ซึ่งในส่วนศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์มีจำนวนผู้ใช้บริการ 7.9 ล้านคนต่อเดือน เพิ่มขึ้น 12.9% และคาดว่าการลงทุนขยาย 2 สาขาใหม่ในปีนี้ จะส่งผลทิศทางบวกกับบริษัทเหมือนปีที่ผ่านมา

ปี 61 รุกออนไลน์ ก้าวสู่ Omni Channel สมบูรณ์แบบ

โรบินสันมีแผนรุกตลาดค้าปลีกใน 2 แผนงานการตลาดทั้ง 1 พัฒนาการตลาดออนไลน์ และ Omni Channel ปรับตัวตามพฤติกรรมของลูกค้าในปัจจุบันที่นิยมใช้ช่องทางในการซื้อที่หลากหลาย โดยนำจุดแข็งของจำนวนสาขาที่กระจายทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ และระบบช้อปปิ้งออนไลน์ Click and Collect ที่ Shopping.robinson.co.th มาช่วยเติมเต็มและรวมประสบการณ์การช้อปปิ้งทั้งออนไลน์และออฟไลน์เข้าไว้ด้วยกัน เมื่อดูสินค้าก็มีเวลาตัดสินใจ เมื่อต้องการซื้อแต่ไม่มีแบรนด์หรือขนาดที่ต้องการ ก็กลับไปสั่งซื้อทางออนไลน์ได้ หรือสนใจช้อปปิ้งทางออนไลน์ แต่ต้องการเห็นของจริงก่อนตั้งสินใจซื้อ ก็สามารถเลือกดูก่อนที่ห้างได้ ทั้งนี้ปัจจุบันบริษัทมีอัตราเติบโตของธุรกิจออนไลน์ราว 150% และคาดว่าจะสามารถเพิ่มจำนวนลูกค้ากลุ่มออนไลน์ได้มากขึ้น R_3

โรบินสันจะมีการทำกลยุทธ์ CRM ด้วยการแบ่งกลุ่มลูกค้าที่ชัดเจน (Personalization) ให้เข้าถึง ตอบสนองความต้องการในไลฟ์สไตล์ลูกค้าแต่ละกลุ่มอย่างมีประสิทธิภาพบนโซเชียล มีเดีย ทั้งไลน์ เฟซบุค จากฐานข้อมูลสมาชิกเดอะวันการ์ด คาดว่าจะกระตุ้นการจับจ่ายของลูกค้าได้ดี โดยมีแผนเปิดบริการ Social E-Commerce หรือฝากขายสินค้าบนโซเชียลมีเดียของโรบินสันในไตรมาส 3 น่าจะเรียกความคึกคักจากกลุ่มนักธุรกิจออนไลน์ จากการมี Social Media Platform ที่แข็งแรง จากปัจจุบันมีผู้ติดตามเฟซบุคกว่า 9 แสนคน Line Official อีก 15 ล้านคน ร่วมไปกับนำเสนอแคมเปญการตลาดของทั้งห้างฯ และศูนย์การค้าฯ ตลอดทั้งปี จาก 11 แคมเปญ ที่จะมาพร้อมโปรโมชั่นและสิทธิพิเศษต่างๆ และปีนี้ก็มีแผนเน้นสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าศูนย์การค้า โรบินสันไลฟ์สไตล์ ตั้งเป้าให้เป็นศูนย์กลางของจังหวัดที่ยั่งยืน โดยจะวางงบประมาณส่งเสริมการขายตามแผนงานประมาณ 600 ล้านบาท

ส่วนแผนงานด้านการบริหารแบรนด์สินค้า จะมีการชูสินค้าที่ทำการตลาดและจัดจำหน่ายโดยโรบินสัน หรือ กลุ่มสินค้า Private Label ซึ่งใน 2560 มีสัดส่วนยอดขายอยู่ที่ 11.3% อาทิ Just Buy Payless ShoeSource Baby shop F.O.F. Home&Co เป็นต้น ถือเป็นการเติมเต็มกลุ่มสินค้าให้หลากหลายเพื่อเพิ่มฐานลูกค้าใหม่ๆ โดยจะมีการพิจารณากลุ่ม Private Label มากขึ้นต่อไป โดยตั้งเป้าเติบโตของสินค้ากลุ่มนี้ไว้ที่ 13%


  • 219
  •  
  •  
  •  
  •