หลังจาก “เซ็นทรัลพัฒนา” ประกาศวิสัยทัศน์ใหม่ “Imagining better futures for all” เมื่อต้นปี2565 ที่ผ่านมา เพื่อสร้าง Sustainable Ecosystem ที่แข็งแกร่งและยั่งยืน ด้วยบทบาทของการเป็น “Place Maker” นักพัฒนาพื้นที่แห่งอนาคตที่บุกเบิกสร้างเมืองและความเจริญทั่วประเทศ หนึ่งในยุทธศาสตร์สำคัญ คือ Retail-Led Mixed-Use Development ผนึกกำลังทุกองค์ประกอบที่แข็งแกร่งของเซ็นทรัลพัฒนาเข้าด้วยกัน ทั้งศูนย์การค้า, ที่อยู่อาศัย, อาคารสำนักงาน และโรงแรม โดยให้ “ศูนย์การค้า” เป็นธุรกิจหลัก
โดยตั้งเป้าภายในปี 2569 มีโครงการจากทุกธุรกิจรวมกันกว่า 180 โครงการใน 30 กว่าจังหวัดทั่วประเทศ มูลค่างบลงทุนรวมกว่า 120,000 ล้านบาท
MarketingOops! ชวนมาเจาะลึกรายละเอียดแผนพัฒนาโครงการ Retail-Led Mixed-Use Development ของทั้ง 4 ธุรกิจหลัก ตอกย้ำการเป็น “Center of Life” หรือ ศูนย์กลางการใช้ชีวิตของทุกคนและทุกชุมชนที่โครงการไปตั้งอยู่
“ศูนย์การค้า” ลุยสร้างศูนย์การค้าใหญ่ 50 โครงการ – คอมมูนิตี้ มอลล์ 16 โครงการ
การพัฒนาโครงการรูปแบบ Retail-Led Mixed-Use Development ในส่วนรีเทล เป็นหัวใจสำคัญที่เชื่อมโยงทุกองค์ประกอบ Synergy เข้าหากัน เพื่อมอบ New Solutions ที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน ชุมชน และประเทศ ครอบคลุมทั้งศูนย์การค้าขนาดใหญ่ 50 โครงการทั่วประเทศไทย และต่างประเทศ รวมทั้งคอมมูนิตี้ มอลล์ (Community Mall) 16 แห่ง บุกทำเลศักยภาพสูง CBD Bangkok ด้วย 3 กลยุทธ์สำคัญคือ
- Develop District บุกเบิกสร้างย่าน เปิดเมือง นำพาความเจริญไปยังทุกที่ที่โครงการศูนย์การค้าของเซ็นทรัลพัฒนาไปถึง
- Strong Synergy and Ecosystem การมี Ecosystem ระหว่างทุกองค์ประกอบในโครงการ มอบความสะดวกสบายและ privilege ให้กับผู้ใช้งานในทุกส่วน รวมไปถึงการผนึกกำลังในกลุ่มเซ็นทรัลทั้งการแบ่งปันความเชี่ยวชาญและการใช้ Big Data จาก The 1 ทำให้เราเข้าใจตลาดทั่วประเทศ
- Community at heart ยึดหลักการ Co-create กับท้องถิ่น ทั้งในด้านการสร้าง Local Wealth และการส่งเสริม Local Essence ของท้องถิ่นนั้นๆ”
ขณะที่ “โครงการคอมมูนิตี้ มอลล์” ยังคงอยู่ภายใต้แนวคิดหลักคือ “Center of Life” เพื่อยกระดับไลฟ์สไตล์ให้เข้าถึงลูกค้าและชุมชนมากขึ้น ซึ่งการขยายมาบุกธุรกิจ Small Retail นี้จะเข้ามาเสริมความแข็งแกร่งให้กับโครงการขนาดใหญ่ที่เซ็นทรัลพัฒนามีอยู่แล้ว ทำให้ขยายไปสู่ทำเลศักยภาพสูงและย่าน CBD ได้อย่างทั่วถึงมากขึ้น โครงการใหม่ที่จะเปิดให้บริการในไตรมาส 4/65 นี้คือ โครงการ Marche Thonglor ที่จะตอบโจทย์ neighborhood ที่ดีที่สุดในย่านทองหล่อ
สำหรับแผนขยายโครงการในต่างประเทศ เซ็นทรัลพัฒนาตั้งเป้าเป็น “Regional Retail Platform”นำพาธุรกิจต่างๆ ต่อยอดความสำเร็จร่วมกัน
โดยปัจจุบันได้เปิดโครงการศูนย์การค้าไทยแห่งแรกคือ “เซ็นทรัล ไอ-ซิตี้” ที่มาเลเซีย นอกจากนี้ยังคงศึกษาโอกาสใหม่ๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะมาเลเซียและเวียดนาม ต่อยอดจากที่กลุ่มเซ็นทรัลได้เข้าไปบุกเบิกการทำธุรกิจ
“โครงการที่อยู่อาศัย” ลงทุนโครงการแนวราบ – แนวสูง 68 โครงการทั่วประเทศ
อีกหนึ่งจิ๊กซอว์สำคัญในการเติมเต็ม Retail-Led Mixed-Use Development คือ ธุรกิจโครงการที่อยู่อาศัย (Residential Business) ธุรกิจที่สร้างความแข็งแกร่งให้กับเซ็นทรัลพัฒนามากกว่า 8 ปี ถึงวันนี้ก้าวสู่การเป็น Top Developer พัฒนาโครงการที่มีคุณภาพ ทั้งแนวราบด้วยโครงการบ้าน และแนวสูงด้วยโครงการคอนโดมิเนียม บนทำเลศักยภาพสูงที่อยู่ติดหรือใกล้กับศูนย์การค้า เพื่อมอบคุณภาพชีวิตในการอยู่อาศัยที่ดีที่สุด – ความสะดวกสบายครบทุกไลฟ์สไตล์ให้กับคนไทย และสร้างมูลค่าเพิ่มขึ้นในระยะยาว
สำหรับกลยุทธ์และเป้าหมายการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย มี 3 ด้านสำคัญคือ
- พัฒนาโครงการคุณภาพภายใต้แบรนด์ และฟอร์แมตที่หลากหลายทั้งแนวสูงและแนวราบ ได้แก่ คอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม และโฮมออฟฟิศ โดยมีทั้งโครงการต่อยอดกับโลเคชั่นของศูนย์การค้าเซ็นทรัลพัฒนา ซึ่งล้วนแล้วแต่อยู่ในทำเลที่มีศักยภาพสูง และการพัฒนาโครงการเดี่ยวอีกมากในทำเลที่ดีที่สุดของย่านและเมืองนั้นๆ จึงมั่นใจได้ว่าจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเสมอ
- จับมือกับโครงการต่างๆ ร่วมกับเครือกลุ่มเซ็นทรัล ด้วยความที่เซ็นทรัลกรุ๊ปดำเนินธุรกิจหลากหลาย ที่มีตั้งแต่เชนค้าปลีก, ร้านอาหาร, โรงแรม เป็นจุดแข็งสำคัญในการใช้พลัง Synergy กลุ่มธุรกิจในเครือ เพื่อสร้างประสบการณ์ให้กับลูกบ้านมากไปกว่าการซื้อโครงการบ้าน หรือคอนโดมิเนียมเพื่ออยู่อาศัย แต่คือ การใช้ชีวิตได้อย่างครบวงจร สะดวกสบาย และปลอดภัย
- ปัจจุบัน Central Pattana Residential มีทั้งหมด 22 โครงการรวมมูลค่ากว่า 30,000 ล้านบาท มียอดโอนแล้ว 10,000 ล้านบาท และยอดรอรับรู้รายได้ 3,700 ล้านบาท มีลูกบ้านเซ็นทรัลแล้วกว่า 10,000 ราย
ตั้งเป้าขยายโครงการทั้งแนวราบและแนวสูงรวม 68 โครงการทั่วประเทศ ส่งมอบคุณภาพชีวิตของการอยู่อาศัยที่ดีที่สุด และการลงทุนระยะยาว นี่จึงทำให้การเป็นลูกบ้านเซ็นทรัลแตกต่างด้วย “คุณภาพการอยู่อาศัยที่ดี ลงทุนก็มั่นคง” ให้บ้านเซ็นทรัลเป็นบ้านที่ดีที่สุดในทุกย่าน ทุกเมือง และทุกจังหวัดของไทย
“ธุรกิจโรงแรม” เสริม Brand Portfolio – สร้างมาตรฐานใหม่การพักผ่อนและการท่องเที่ยวของไทย
ด้วยความที่เมืองไทยเป็นประเทศแห่งการท่องเที่ยว และกลุ่มธุรกิจ Hospitality ของไทยมีชื่อเสียงในระดับโลก หนึ่งในนั้นคือ “ธุรกิจโรงแรม” เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่เซ็นทรัลพัฒนามีความเชี่ยวชาญ โดยปัจจุบันมี “เซ็นทารา อุดรธานี” และ “ฮิลตัน พัทยา”
ทว่าเซ็นทรัลพัฒนาได้เล็งเห็นถึงการเพิ่มศักยภาพของธุรกิจโรงแรมในทุกจังหวัดให้มีมาตรฐาน ยกระดับให้เป็นเมืองท่องเที่ยวได้ จึงเตรียมขยายธุรกิจโรงแรมทั่วประเทศ พร้อมทั้งสร้างมาตรฐานใหม่ ด้วยการพัฒนาฟอร์แมตใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ทุกการพักผ่อนและการท่องเที่ยว
ขับเคลื่อนกลยุทธ์และเป้าหมายใน 3 ด้านสำคัญคือ
- จุดแข็งของทำเลที่ตั้งอยู่บนทำเลโดดเด่นใจกลางเมืองเป็นจุดเริ่มต้นของทุกการเดินทางท่องเที่ยวพักผ่อน อีกทั้งการเชื่อมโยงกับศูนย์การค้ายังมอบความสะดวกสบายครบครัน
- มุ่งตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าในแต่ละพื้นที่ภายใต้ 3 แบรนด์ ได้แก่
– Centara แบรนด์ระดับ Upscale ที่มาพร้อมส่วนสัมมนาและการจัดเลี้ยง
– Lifestyle Midscale ที่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้ทุกแบบทั้งทำงานและพักผ่อน
– Premium budget อยู่ในทำเลที่โดดเด่น สะดวก สะอาด ปลอดภัย
- พัฒนาโรงแรมที่ได้ระดับมาตรฐาน พร้อมทั้งคุณภาพและการให้บริการ ภายใต้การบริหารของเชนโรงแรมให้กับทุกจังหวัด โดยมีทั้งแผนเปิดในโครงการศูนย์การค้าของเซ็นทรัลพัฒนาในจังหวัดต่างๆ และพัฒนาร่วมกับศูนย์การค้าในเซ็นทรัลกรุ๊ป ตั้งเป้า 37 โครงการ 4,000 ห้อง ครอบคลุมทุกเซ็กเมนต์
“อาคารสำนักงาน” ตั้งเป้าเป็น The Most Preferred Workplace ของทั้งบริษัทผู้เช่า – คนทำงาน
ด้วยประสบการณ์กว่า 40 ปี “ธุรกิจอาคารสำนักงาน” ของเซ็นทรัลได้รับความเชื่อมั่นจากธุรกิจชั้นนำตั้งแต่องค์กรขนาดใหญ่ไปจนถึงบริษัทและสตาร์ทอัพรุ่นใหม่ โดยสามารถครองความเป็น Leading Player ในย่าน Bangkok CBD และ Prime Locations เชื่อมต่อเข้ากับพื้นที่ศูนย์การค้าที่ตั้งอยู่บนFinancial & Business District ที่สำคัญ ทำให้ที่ผ่านมาอาคารสำนักงานของเซ็นทรัลพัฒนามีOccupancy Rate ได้มากกว่า 90% มาโดยตลอด
แผนการดำเนินงานธุรกิจอาคารสำนักงานของเซ็นทรัลพัฒนา เพื่อตอบโจทย์การทำงานยุคใหม่ด้วยความเชี่ยวชาญในการพัฒนา Space รูปแบบใหม่ๆ ประกอบด้วย
- ปรับปรุงโครงการเดิมอย่างต่อเนื่อง โดยโฟกัสสำคัญในปีนี้คือการปรับโฉม “The Offices at centralwOrld”
- มุ่งมั่นพัฒนาอาคารสำนักงานใหม่ โดยวางแผนขยายโครงการในอนาคต ได้แก่ Central Park Office ภายในโครงการดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค ที่จะพลิกโฉมสู่ Professional Hub ระดับโลก และโครงการภายใต้บริษัท GLAND ในย่านพระราม 9 CBD ศักยภาพสูง
- ปักธงเป็นอาคารสำนักงานเป็น LEED Green Building ภายใต้วิสัยทัศน์ด้าน Sustainability ของเซ็นทรัลพัฒนา
ขยายการลงทุนธุรกิจใหม่ เสริมความแข็งแกร่ง Business Ecosystem
เพื่อตอบรับเทรนด์แห่งอนาคต นอกจาก 4 ธุรกิจหลักภายใต้ Retail-Led Mixed-Use Development“เซ็นทรัลพัฒนา” ยังมีกลุ่มธุรกิจ “Alternative Assets” เพื่อมองหาโอกาสในการขยายและลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ ที่จะเติมเต็ม Ecosystem และเชื่อมโยงกับธุรกิจหลัก
อาทิ การร่วมทุน Grab ที่เป็น Delivery Platform และ Common Ground ที่เป็น Co-Working Space และเตรียมศึกษาการลงทุนใน Venture Capital ที่เตรียมเปิดเผยรายละเอียดเร็วๆ นี้
จากยุทธศาสตร์ Retail-Led Mixed-Use Development ที่ผนึกกำลังทั้ง 4 กลุ่มธุรกิจหลักเข้าด้วยกัน เพื่อก้าวไปสู่เป้าหมายตามเจตจำนงค์ของเซ็นทรัลพัฒนาคือ “Imagining better futures for all” สร้างและพัฒนาพื้นที่ที่มีคุณภาพเพื่อดูแลคนและชุมชน รวมถึงสิ่งแวดล้อม เติบโตควบคู่ไปกับการเดินหน้าทางเศรษฐกิจและขับเคลื่อนประเทศไทย