ช่วงนี้ก็เรียกได้ว่าเราต่างก็เหยียบขาเข้าไปในฤดูร้อนกับครึ่งตัวแล้ว ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ตลาดเครื่องดื่มทุกประเภทจะเติบโตอย่างก้าวกระโดดที่สุดของปีเลยทีเดียว อย่างในตลาดเครื่องดื่มเอเนอร์จีดริงก์ ที่มีมูลค่าราว 22,000 ล้านบาทในปี 2567 มีสัดส่วนกว่า 30% มาจากในช่วงหน้าร้อน สะท้อนความต้องการเติมความสดชื่น และพลังงานรับความร้อนแรงของสภาพอากาศประเทศไทย
ปัจจุบัน ตลาดเอเนอร์จี้ดริงก์แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลัก
- ตลาดแมส (Mass Market): แข่งขันกันด้วยราคาที่เข้าถึงง่าย รองรับผู้บริโภคที่ต้องการความคุ้มค่าคุ้มราคา
- ตลาดพรีเมียม (Premium Market): มีมูลค่าราว 2,200 ล้านบาท และกำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ตามเทรนด์รักสุขภาพของผู้บริโภค ซึ่งผู้คนมองหาสินค้าที่มีคุณภาพและตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์เฉพาะตัวมากยิ่งขึ้น ปัจจุบันมี 7-8 แบรนด์ในตลาดนี้
สำหรับการเติบโตในตลาดพรีเมียมไม่ได้แข่งขันกันแค่ “ราคา” แต่เน้นการสร้างนวัตกรรม (NPD) และประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้ลูกค้า ทั้งในแง่ของรสชาติ บรรจุภัณฑ์ และกิจกรรมการตลาดที่เข้าถึงไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่
“Recharge & Refresh” กลยุทธ์ลุยปี 2025 จาก เรดบูล
ด้วยทิศทางตลาดที่ขยายตัวได้ดี โดยเฉพาะกลุ่มพรีเมียม เรดบูลจึงกำหนดกลยุทธ์หลักในปีนี้ว่า “Recharge & Refresh” เพื่อส่งต่อพลังงาน (Recharge) และความสดชื่น (Refresh) ให้กับผู้บริโภค ผ่าน 3 ผลิตภัณฑ์
– Red Bull Extra: สูตรที่ให้พลังงานจัดเต็ม เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความฮึดตลอดทั้งวัน มีน้ำตาลในสูตรเพื่อเร่งพลังงานอย่างรวดเร็ว โดยมีอัตราเติบโตราว 30%
– Red Bull Soda: สูตรไม่มีน้ำตาล (0% Sugar) เอาใจผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพและต้องการเติมความสดชื่นระหว่างวัน เปิดตัวมาได้ 2 ปี พร้อมอัตราเติบโตราว 40% ในปี 2567 ชูความเป็น “พรีเมียม” ตอบโจทย์ทั้งเทรนด์รักสุขภาพ และไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่
– Reddy: เครื่องดื่มเอเนอร์จีดริงก์ที่เจาะกลุ่มผู้หญิงโดยเฉพาะ มีทั้งสูตรน้ำตาลปกติและ 0% เสริมด้วยพรีเซนเตอร์อย่าง “หลิง-ออม” ทำให้แบรนด์เติบโตอย่างต่อเนื่อง แบบ Double Digit
ล่าสุด เรดบูลยังเปิดตัว “เรดบลูเอเนอร์จี้ป็อป” (Red Bull Energy Pop) จุดป็อปเหมือนคาเฟ่ เติมความซ่าและพลังด้วยเครื่องดื่มสูตรโซดา มุ่งสร้างประสบการณ์ใหม่ให้ผู้บริโภคได้เข้าถึงความสดชื่นแบบทันที ตอบโจทย์เทรนด์การแสวงหาประสบการณ์มากกว่าสินค้าเพียงอย่างเดียว
เปิดตัว “แบมแบม กันต์พิมุกต์” ดึงดูดคนรุ่นใหม่และรักษาฐานเดิม
การดึงตัวศิลปินชื่อดังระดับโลก “แบมแบม – กันต์พิมุกต์ ภูวกุล” มาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์คนล่าสุด ถือเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายสำคัญที่เรดบูลต้องการขยายฐานไปสู่ผู้บริโภคอายุ 18-35 ปี ซึ่งให้ความสำคัญกับประสบการณ์และความคุ้มค่ามากกว่าตัวสินค้าเพียงอย่างเดียว
หลายคนอาจมองว่าแบมแบมมีฐานแฟนคลับต่างชาติเป็นหลัก แต่เรดบูลมองว่าการเปิดตัวครั้งนี้จะช่วยให้แบรนด์เข้าถึงกลุ่มคนไทยได้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น พร้อมทั้งขยายการรับรู้ในกลุ่ม Gen Z ที่กำลังมาแรงและมีกำลังซื้อไม่น้อย
อีเวนต์ และกิจกรรมออฟไลน์
นอกจากการสื่อสารผ่านสื่อออนไลน์ การขยายตลาดของเรดบูลยังครอบคลุมกิจกรรมออฟไลน์หลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่
- กิจกรรมบาสเก็ตบอล 3×3: กีฬายอดนิยมของคนรุ่นใหม่ ที่สะท้อนความกระฉับกระเฉงและต้องใช้พลังงานสูง
- E-Sports: การสนับสนุนทีมเกมเมอร์อย่าง Bacon Time ซึ่งสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ดิจิทัลของคนรุ่นใหม่
- อีเวนต์ใหญ่ “RED BULL WORLD OF ENERGY”: กำหนดจัดขึ้นวันที่ 5-6 เมษายน ที่ลานหน้าเซ็นทรัลเวิลด์ เปิดโอกาสให้ทุกคนได้สัมผัสความ “ซ่า อย่า หยุด ใส่สุดเอเนอร์จี้” พร้อมกระทบไหล่แบมแบม และร่วมกิจกรรมการตลาดสุดพิเศษตลอดปี
การผสานกิจกรรมเหล่านี้เข้ากับกลยุทธ์ “Recharge & Refresh” ช่วยกระชับความสัมพันธ์กับฐานลูกค้าเดิมและดึงดูดลูกค้าใหม่ โดยให้ความรู้สึกใกล้ชิดและสนุกไปกับแบรนด์ได้มากขึ้น
รับมือภาษีน้ำตาลและเทรนด์สุขภาพ
แม้ว่าจะมีการปรับโครงสร้างภาษีน้ำตาลสำหรับเครื่องดื่ม แต่เรดบูลเตรียมความพร้อมมาอย่างต่อเนื่อง เพราะผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ในเครือได้ลดปริมาณน้ำตาลลงแล้ว เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์เป็นสูตรลดน้ำตาลหรือน้ำตาล 0% จึงไม่มีแผนขึ้นราคาในขณะนี้ อีกทั้งผู้บริโภคก็ตอบรับเทรนด์สุขภาพในทิศทางที่ดี จึงเป็นโอกาสให้ตลาดพรีเมียมเอเนอร์จี้ดริงก์เติบโตยิ่งขึ้น

เป้าหมายและทิศทางในอนาคต
- ยอดขายช่วงฤดูร้อน: คาดว่าจะสูงขึ้นเป็นพิเศษ เครื่องดื่มหลายประเภทเติบโตมากในหน้าร้อน โดยเฉพาะเกลือแร่และเครื่องดื่มที่ให้ความสดชื่น
- ขยายและรักษาฐานลูกค้า: เรดบูลเน้นขยายฐานลูกค้าอายุ 18-35 ปี ซึ่งสนใจสินค้า 0% น้ำตาลและประสบการณ์ที่สนุก พร้อมกันนั้นยังรักษาฐานเดิมด้วยผลิตภัณฑ์แมสที่เน้นให้พลังงานคุ้มค่า
- เน้นกลุ่มพรีเมียม: การแข่งขันในตลาดแมสยังรุนแรงด้วยราคา แต่ในตลาดพรีเมียมมีพื้นที่ให้สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ได้มากกว่า ตอบรับเทรนด์รักสุขภาพและไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
ต่อยอดผลิตภัณฑ์นอกเหนือจากเครื่องดื่ม
ด้านนายวรวุฒิ พงศ์ชินภัค ประธานผู้บริหารสายงานขายและการตลาด ประเทศไทย กลุ่มธุรกิจ TCP เผยว่าทุกวันนี้เกมราคาที่แข่งกันตัดให้ถูกกว่า อาจไม่ใช่สิ่งเดียวที่ลูกค้าต้องการ แต่เป็นเรื่องของประสบการณ์ การส่งต่อเรื่องราวของแบรนด์ที่แข็งแกร่งจะช่วยให้เกิดความผูกพันในระยะยาวระหว่างลูกค้า และธุรกิจได้ดีกว่า
นอกจาก ไลน์สินค้าเครื่องดื่มแล้ว จะเห็นได้ว่าทางเรดบูลยังมีการเปิดตัวคาเฟ่ ที่นำผลิตภัณฑ์เสริมเครื่องดื่มเอเนอร์จีดริงก์มาสร้างสรรค์เป็นเมนูต่างๆ มากมาย โดยยึดถือว่าจะไม่มีแอลกอฮอล์เด็ดขาด ทั้งนี้ นอกจากเมนูเครื่องดื่มแล้ว ยังมีการแตกไลน์ออกไปเป็นอาหาร และของหวานเมนูต่างๆ ด้วย
ใครที่สนใจอยากลองก็สามารถทดลองชิมได้ที่ ‘Red bull Energy Pop’ สาขา Central World
ในฐานะผู้นำตลาดพรีเมียมเอเนอร์จี้ดริงก์ เรดบูลยังคงเดินหน้าเติมเต็มพลังและความสดชื่น ให้ผู้บริโภคพร้อมออกไปทำกิจกรรมที่แอ็กทิฟได้อย่างเต็มที่ ภายใต้กลยุทธ์ “Recharge & Refresh” โดยมี “แบมแบม – กันต์พิมุกต์” เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการเข้าถึงคนรุ่นใหม่ ด้วยการจัดกิจกรรมออฟไลน์และอีเวนต์ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคดิจิทัล
จากภาพรวมตลาดที่ยังคงเติบโต การมุ่งเน้นผลิตภัณฑ์สุขภาพ การรับมือกับภาษีน้ำตาล และการสร้างประสบการณ์รูปแบบใหม่ๆ ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้แบรนด์เรดบูลแข็งแกร่งและขยายตัวได้ต่อเนื่อง การตั้งเป้าเติบโตสองเท่าในปีนี้จึงไม่ใช่เรื่องไกลเกินเอื้อม ตราบใดที่สามารถเชื่อมโยงความต้องการของผู้บริโภค กับความเป็นแบรนด์พรีเมียมที่มอบคุณค่าและประสบการณ์ได้อย่างลงตัว.