ศึกษา realme’s Style กับการต่อยอด Success Period ของแบรนด์สมาร์ทโฟนที่โตเร็วที่สุดในโลก

  • 17
  •  
  •  
  •  
  •  

 

ไม่ว่าสภาวะเศรษฐกิจและสังคมจะสั่นคลอนกำลังซื้อผู้บริโภคมากแค่ไหน สมาร์ทโฟน ก็ยังเป็นหนึ่งในโปรดักท์ที่เติบโตเสมอ บางส่วนอาจมาจากดีมานด์ของผู้คน ที่ต้องการอัพเดทรุ่นใหม่ ซื้อทดแทนเครื่องเดิม หรือแม้แต่การตลาดที่แต่ละแบรนด์แข่งขันกันอย่างดุเดือด กระตุ้นให้ผู้บริโภคต้องการจับจองสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ ๆ อยู่เสมอ

หากวิเคราะห์ถึงการเติบโตและการแข่งขันในกลุ่มสมาร์ทโฟน นอกจากชื่อแบรนด์ที่ผุดขึ้นในความคิด เพราะเป็นแบรนด์ที่คุ้นเคยหรือแบรนด์ใหม่ที่กำลังสนใจ แต่ถ้าชวนคุณให้นึกถึง แบรนด์ที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก และทำยอดขายครบ 100 ล้านเครื่องได้เร็วที่สุดในโลก คุณรู้หรือไม่ ว่าเป็นแบรนด์ใด

ตามข้อมูลของ Canalys Estimates ที่อ้างอิงตัวเลข Top 5 แบรนด์สมาร์ทโฟนในประเทศไทย ประจำไตรมาส 2 ของปีนี้ จะพบว่าแต่ละแบรนด์มีสัดส่วนในตลาดไล่เลี่ยกัน แต่ความน่าสนใจคือ realme (เรียลมี) ซึ่งครองส่วนแบ่งอยู่ในอันดับที่ 5 ด้วยสัดส่วนแบบ Single Digit ที่ถึงแม้จะเป็นเลขหลักเดียวแต่ก็เป็น High Single Digit ที่น่าจับตา ว่าแบรนด์เดินเกมอย่างไรท่ามกลาง Red Ocean แห่งนี้

 

 

 

realme กับการเป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนที่โตเร็วที่สุดในโลก

ประเด็นที่ทำให้แบรนด์ realme น่าสนใจ ต้องย้อนไปถึงช่วงก่อตั้งแบรนด์ซึ่งก่อตั้งอย่างเป็นทางการเมื่อ พ.ศ. 2018 โดยกลุ่มคนรุ่นใหม่อย่าง Sky Li และทีมงานอีกจำนวนหนึ่ง ที่มีประสบการณ์และคลุกคลีในวงการสมาร์ทโฟนมาตลอด ซึ่งผ่านมาเพียงปีเดียว realme ก็เปิดเผยว่ามีจำนวนผู้ใช้งานรวมกว่า 25 ล้านคนแล้ว จึงกลายเป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก โดยใช้เวลาเพียง 4 ไตรมาสเท่านั้น จากเดิมที่ตั้งเป้าหมายว่าจะใช้เวลา 3 ปี

อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จของ realme ในฐานะแบรนด์ที่เติบโตอย่างรวดเร็วยังคงต่อเนื่อง จนถึงไตรมาสที่ 3 ของปี 2020 ที่สถิติของ Counterpoint ระบุว่า realme สามารถขึ้นเป็นสมาร์ทโฟนอันดับ 7 ของโลก พร้อมกับขยายตลาดไปได้ 61 ประเทศ ทั้งยังมีแบรนด์เลิฟนับ100 ล้านคนทั่วโลก และกลายเป็นความสำเร็จต่อเนื่องที่ทำให้ realme ยังคงเป็นแบรนด์ที่เติบโตมากที่สุดถึงปัจจุบัน (สถิติประจำไตรมาส 2 / 2021) ซึ่งคิดเป็นอัตราเติบโตถึง 149% ต่อปี

 

 

เมื่อสามารถสร้างความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง นับแต่ก่อตั้งแบรนด์ realme จึงย้ำกลยุทธ์ธุรกิจด้วยแนวคิด Dare to Leap กล้าที่จะก้าวกระโดด จากบุคลากรที่เป็นคนรุ่นใหม่ มีความเชื่อมั่น เข้าใจโปรดักท์และการตลาดเพื่อคนรุ่นใหม่เป็นอย่างดี จึงยิ่งสานต่อความสำเร็จให้แบรนด์ไปได้ไกลกว่าที่เคย พร้อมตอกย้ำภาพลักษณ์ให้แบรนด์เป็นโปรดักท์เพื่อคนรุ่นใหม่ ซึ่งแบรนด์ได้ตั้งเป้าหมายท้าทายครั้งใหญ่ไว้ว่า จะมียอดขายสมาร์ทโฟน 300 ล้านเครื่อง ภายในปี 2023

 

 

 

 

ภารกิจ Trendy & Overstanding กับบทพิสูจน์ภาพลักษณ์แบรนด์รุ่นใหม่

กลยุทธ์ที่เห็นจาก realme ถือว่ามีความชัดเจนโดยไม่ต้องตีความ เพราะแบรนด์สื่อสารอย่างตรงไปตรงมา ผ่านภาพลักษณ์และโปรดักท์ ซึ่งเน้นความทันสมัยและโดดเด่นด้วยเทคโนโลยี เพื่อทำให้ภาพลักษณ์ของ realme เป็นแบรนด์ของคนรุ่นใหม่อย่างแท้จริง โดยไม่ได้มีแค่เป้าหมายเติบโตทางธุรกิจ แต่ยังรวมถึงการเอาใจใส่ทางเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคได้ตรงใจไปพร้อมกัน

หลังจากสร้างชื่อให้เป็นที่รู้จักในหมู่คนรุ่นใหม่ realme ก็พยายามพัฒนาและนำเสนอสมาร์ทโฟนที่ล้ำสมัยอยู่ตลอด โดยเฉพาะการนำเทคโนโลยี AIoT เข้ามาใช้งาน จนทำให้แบรนด์ได้การยอมรับในวงกว้างยิ่งขึ้น ประกอบกับการเลือกใช้ออนไลน์ เป็นช่องทางจัดจำหน่ายหลัก ก็ยิ่งเป็นการสนับสนุนให้ชื่อของ realme เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายหลักได้ง่ายดายและรวดเร็วขึ้น

นอกจากนี้ แบรนด์ยังใช้กลยุทธ์ด้านราคา ในการเข้าถึงคนรุ่นใหม่ที่ตัดสินใจเลือกเทคโนโลยีที่มีความคุ้มค่าให้กับตนเอง โดยเมื่อ เร็วๆ นี้ realme เพิ่งเปิดตัวสมาร์ทโฟนซีรีส์ล่าสุดของ GT Series ในรุ่น realme GT Master Edition Series ที่ผสมผสานความเรียบหรูในการออกแบบให้เข้ากับเทคนิคต่างๆ ได้อย่างลงตัว เพื่อเพิ่มความสามารถของคนรุ่นใหม่ในการสำรวจและสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ด้วยสมาร์ทโฟนระดับไฮเอนด์ในราคาที่คุ้มค่ารุ่นนี้ อีกทั้งยังมีการออกแบบที่โดดเด่นเสมือนกับกระเป๋าเดินทาง โดย Naoto Fukasawa นักออกแบบชื่อดังแห่งวงการอุตสาหกรรมของประเทศญี่ปุ่น

ทั้งหมดนี้ ยังไม่รวมถึงกลยุทธ์การพัฒนาโปรดักท์อันมีเอกลักษณ์ในคอนเซปต์ 1+5+T ซึ่งแบรนด์ต่อยอดจากแนวคิดว่า 1 มาจากสมาร์ทโฟนของ realme คือศูนย์กลางของ AIoT Ecosystem ส่วน 5 มาจากหมวดหมู่หลักของ AIoT ของ realme ที่ประกอบด้วย True Wireless Stereo, อุปกรณ์สวมใส่, ทีวี, ลำโพงอัจฉริยะ และแล็ปท็อป ขณะที่ T ย่อมาจาก TechLife ซึ่งเน้นที่ 3 หมวดหมู่ คือ Smart Entertainment, Smart Care และ Smart Connect ซึ่งทั้งหมดนี้มี realme Link แอปพลิเคชันเชื่อมต่อระหว่างกัน ซึ่งเป็นศูนย์กลางของ realme’s AIoT Ecosystem ซึ่งในอนาคตโปรดักท์ทั้งหมดจะสามารถเชื่อมต่อกับ realme Link เพื่อประสบการณ์ AIoT ที่สมบูรณ์ให้กับผู้บริโภค

 

AIoT Ecosystem กับการเป็น TechLife เพิ่มประสบการณ์และความหลากหลาย

แม้จะเป็นแบรนด์สมาร์ทโฟน แต่พันธกิจของ realme ยังให้ความสำคัญกับประเด็น AIoT Ecosystem ด้วยการพัฒนาระบบนิเวศ AIoT ให้เป็น TechLife เพื่อส่งต่อประสบการณ์ทางเทคโนโลยี ให้สอดคล้องกับการใช้งานของผู้คน ผ่าน 3 ประเด็น คือ ดีไซน์ มาตรฐานคุณภาพ และเครือข่ายการเชื่อมต่อ โดยแบรนด์ยังมีเป้าหมายสร้างไลฟ์สไตล์ในแบบฉบับผู้นำเทรนด์ AIoT สำหรับคนรุ่นใหม่ทั่วโลก เพื่อทำให้ผู้บริโภคได้มีโอกาสใช้งานโปรดักท์ประสิทธิภาพที่มาพร้อมกับดีไซน์ล้ำสมัยภายใต้ราคาที่เหมาะสมอีกด้วย

อย่างล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวไป realme book แล็ปท็อปเครื่องแรกของ realme ที่จะมาเสริมทัพในหมวดหมู่ผลิตภัณฑ์ TechLife พร้อมตั้งเป้าที่จะเป็นแบรนด์ที่เติบโตเร็วที่สุดในสินค้าประเภทนี้ และเป็นผู้เขย่าวงการในสินค้านี้ด้วย โดยมาพร้อมจอแสดงผล 2K และการเชื่อมต่อแบบ “PC Connect” ของ realme ช่วยให้ผู้ใช้สามารถซิงค์เข้ากับสมาร์ทโฟนและแล็ปท็อป เพื่อสัมผัสประสบการณ์การใช้งานได้อย่างง่ายดาย ทำให้การทำงานและการเรียนสะดวกมากยิ่งขึ้น

 

ขยายความสำเร็จระยะยาว ด้วยการสร้าง Fan – Brand Love

การเลือกกลยุทธ์และทำตลาดอย่างชัดเจนกับกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เป็นเป้าหมายหลัก realme ก็ยังใช้กลยุทธ์การมีส่วนร่วมผ่านแคมเปญ เข้ามาสนับสนุนแบรนด์ให้สามารถสื่อสารกับผู้บริโภคอย่างแข็งแกร่ง พร้อมกับเพิ่มจำนวนกลุ่มแบรนด์เลิฟหรือแฟนพันธุ์แท้ของแบรนด์ยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น แคมเปญ Empower The Next Gen เพื่อเสริมพลังและสร้างแรงบันดาลใจแก่คนรุ่นใหม่ ตามคอนเซปต์ของแบรนด์ที่ต้องการย้ำว่าโปรดักท์ล้ำสมัยไม่ได้มาพร้อมเทคโนโลยีแต่ยังพร้อมสนับสนุนและสร้างการเปลี่ยนแปลง หรือแคมเปญ How Dare You Be You โปรเจคฉลอง 100 ล้านผู้ใช้ realme ที่จะชวนผู้กล้าให้ร่วมถ่ายทอดเรื่องราวผ่านสมาร์ทโฟน realme ในคอนเซปต์เป็นพลังคนรุ่นใหม่ที่เป็นตัวของตัวเอง ขับเคลื่อนเทคโนโลยีพร้อมกับความกล้าในแบบฉบับของแต่ละคน เพื่อเฟ้นหาเรื่องราวที่โดนใจทีมงาน realme Global เพื่อนำไปโปรโมทกับ realme ในเวทีนานาชาติ ทั้งในปารีส ลอนดอน และบาเซโลน่า

 

 

สำหรับงาน realme Fan Festival 2021 จัดขึ้นในแคมเปญที่เรียกว่า ‘Daring Heroes Wild Poster Event’ โดยแฟนๆ ทั่วโลกได้ส่งภาพถ่ายพร้อมบอกเล่าเรื่องราวที่แสดงให้เห็นถึงความกล้าในแบบฉบับของตัวเอง ในหัวข้อ: ‘How Dare You Be You’  ซึ่งเป็นการสนับสนุนให้ทุกคนดำเนินชีวิตตามความคิดของตนเอง แม้จะต้องเผชิญกับการตัดสินและปัญหาอุปสรรคต่างๆ ก็ตาม โดยภาพถ่ายที่แฟนๆ ส่งมานั้น จะนำไปจัดแสดงใจกลางเมืองสำคัญของลอนดอน มอสโก มาดริด และเซินเจิ้น เพื่อส่งเสริมให้แฟนๆ ทุกคนเปลี่ยนเสียงภายนอกที่เป็นลบให้กลายเป็นพลังบวก

Sky Li ผู้ก่อตั้ง realme กล่าวด้วยว่า “คนรุ่นใหม่ ทั้งกลุ่มผู้ใช้งานและพนักงานของเราทุกคน ล้วนสอนให้เรากล้าที่จะเป็นผู้นำเทรนด์ กล้าที่จะก้าวไปสู่ในโลกอนาคต และกล้าที่จะเป็นผู้นำในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอย่างแท้จริง และความสำเร็จของ realme ยังแสดงให้เห็นด้วยว่า แม้จะตลาดสมาร์ทโฟนจะมีการแข่งขันสูงก็ตาม แต่ด้วยทีมงานที่มีศักยภาพ ย่อมทำให้เรากล้าที่จะพิชิตเป้าหมายที่ตั้งไว้ และไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้สำหรับพวกเรา ดังที่เห็นได้จากยอดขายที่ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องในช่วงสามปีที่ผ่านมา

สำหรับ realme FanFest ในประเทศไทย ทาง realme ร่วมกับ Shopee จัดแคมเปญสุดพิเศษ ‘realme Fan Fest X Super Brand Day’ โดยมอบส่วนลดพิเศษให้กับแฟนๆ realme ในประเทศไทย โดยได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีสามารถปิดยอดขายสินค้ารวมโต 500% และยอดจำหน่ายโตขึ้น 300% รวมทั้งมีฐานแฟนคลับสูงขึ้นกว่า 500%

ขณะเดียวกัน ช่องทางโซเชียลมีเดียที่ใกล้ตัวผู้บริโภคอย่าง Facebook ก็ยังคงเป็นสื่อหลักที่ realme ใช้สื่อสารและทำตลาดกับกลุ่มเป้าหมาย โดยจะเห็นได้ว่าแบรนด์มีการอัพเดทความเคลื่อนไหว ผ่าน realmeTH อย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็นความเคลื่อนไหวของสมาร์ทโฟน หรือโปรดักท์นวัตกรรมอื่น ๆ ก็ตาม


  • 17
  •  
  •  
  •  
  •