ปลูกต้นไม้เริ่มที่ต้นอ่อน สร้างบุคลากรชั้นดีก็ต้องเริ่มที่ยังเป็นรุ่นเยาว์ ด้วยแนวคิดนี้ถ้าเราต้องการสร้างทรัพยากรบุคคลชั้นเลิศเพื่ออนาคตของประเทศชาติ ก็ต้องเริ่มปลูกฝังตั้งแต่เป็นเด็กๆ กัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคดิจิทัลที่ทุกอย่างเปลี่ยนผันอย่างรวดเร็ว ความต้องการทรัพยากรบุคคลด้านนี้จึงเป็นที่ต้องการเป็นอย่างยิ่ง นั่นจึงทำให้หลักสูตรใหม่ที่เรียกว่า STEM ได้รับความนิยมและเป็นที่พูดถึงในแวดวงการศึกษาระดับโลกอย่างมาก
ทำความรู้จัก STEM
แล้ว STEM คืออะไร? สำหรับผู้ที่ยังไม่ทราบ STEM ย่อมาจาก Science, Technology, Engineering and Mathematics หรือการบูรณาการความรู้ระหว่าง 4 สาขาวิชา ซึ่งได้แก่ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์ ดังนั้น STEM Education หรือ “สะเต็มศึกษา” คือการนำเอาทักษะ STEM มาจัดเป็นรูปแบบการศึกษา ที่ผสานรวมหรือบูรณาการความรู้ทั้ง 4 สาขาเข้าด้วยกัน
STEM เริ่มต้นได้รับความสนใจในสหรัฐอเมริกาเนื่องมาจากรายงานทางการศึกษาที่สำคัญหลายฉบับในช่วงต้นยุค 2000 ชี้ให้เห็นว่ามีการบูรณาการความรู้ในสาขาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์ เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ รวมถึงปัญหาจากผลการทดสอบความรู้ของนักเรียนวัย 15 ปีในโครงการประเมินผลระดับนานาชาติหรือ PISA (Programme for International Student Assessment) ซึ่งชี้ให้เห็นว่ามีนักเรียนจำนวนมากในสหรัฐฯ ที่ทำผลงานได้ต่ำกว่ามาตรฐานในแง่ความสามารถและความรู้ทางวิทยาศาสตร์ ส่งผลให้รัฐบาลมีนโยบายมุ่งมั่นสนับสนุนการศึกษาด้าน STEM เพื่อเพิ่มศักยภาพของเยาวชนและความสามารถในการแข่งขันกับประเทศอื่น ๆ
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา หลักสูตรที่มุ่งเน้นไปยังทักษะ STEM ได้รับการเผยแพร่และเป็นที่รู้จัก รวมถึงได้รับความนิยมในหลายประเทศทั่วโลกเพิ่มเติมจากในสหรัฐอเมริกา ไม่ว่าจะเป็นออสเตรเลีย จีน ฝรั่งเศส เกาหลีใต้ รวมถึงสหราชอาณาจักร และแน่นอนประเทศไทย แวดวงการศึกษาไทยเริ่มหันมาให้ความสนใจกับ STEM เช่นกัน เพื่อสอดรับกับเทรนด์โลกที่เกิดขึ้น
สร้างเยาวชนสู่ความเป็นเลิศ
แม้ว่า STEM ยังไม่ได้ถูกบรรจุอย่างเป็นทางการในหลักสูตรการเรียนการสอนบ้านเรา แต่ก็มีภาคเอกชนที่มองการณ์ไกล และเล็งเห็นความสำคัญของการพัฒนาเยาวชนในด้านนี้เพื่อพัฒนาประเทศชาติในอนาคต ล่าสุดเราได้เห็นค่ายเยาวชนจาก กลุ่ม ปตท. ซึ่งดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจัง และได้รับการตอบรับจากสถาบันการศึกษาและบุคลากรผู้เชี่ยวชาญจากด้านต่างๆ เข้ามาร่วมในค่ายแห่งนี้
บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) จัดโครงการ PTT Group STEM Camp 2024 เมื่อวันที่ 5-6 ตุลาคม และวันที่ 12-13 ตุลาคมที่ผ่านมา ที่โรงเรียนกำเนิดวิทย์ จ.ระยอง เพื่อมุ่งสร้างแรงบันดาลใจในการเรียนรู้ด้าน STEM ให้กับเยาวชนในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นจากทั่วประเทศ โดยมีเป้าหมายที่จะสร้างอาชีพสาย STEM ป้อนสู่ตลาดแรงงานและอุตสาหกรรมไทย เพราะ STEM คือทักษะที่จำเป็นแห่งโลกอนาคต ที่วันนี้พิสูจน์แล้วว่าหลายอาชีพมีโอกาสที่จะถูกดิสรัพท์ได้หากไม่เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของโลกที่นับวันจะหมุนเร็วขึ้นทุกขณะ
มากไปกว่านั้น ยังเล็งเห็นความสำคัญของการสร้างแรงบันดาลใจให้กับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นทั่วประเทศ ได้ค้นหาตัวตนกับการศึกษาต่อในสายวิทยาศาสตร์ และมีโอกาสได้เรียนรู้ทักษะด้าน STEM อาทิ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรม และการคิดวิเคราะห์ ผ่านฐานกิจกรรมการทดลองจริงและสถานการณ์จำลอง พร้อมการสอดแทรกความรู้ ควบคู่ไปกับความสนุกสนาน รวมทั้งเปิดโอกาสให้นักเรียนได้รับการแนะแนวอาชีพสาย STEM ที่จะเป็นสาอาชีพและทักษะที่จำเป็นในอุตสาหกรรมแห่งโลกอนาคตอีกด้วย
ค่ายที่เปิดโอกาสในการฝึกคิด ทดลอง และลงมือทำจริง พร้อมสัมผัสเทคโนโลยีขั้นสูง
สำหรับโครงการ PTT Group STEM Camp 2024 ได้รับความสนใจจากโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนต้นจากทั่วประเทศกว่า 1,250 ทีม และมีนักเรียนสนใจสมัครกว่า 3,750 คน แต่คัดเลือกเหลือเพียง ครั้งละ 20 ทีมมาร่วมโครงการนี้ นอกจากนี้ทาง ปตท. ได้ร่วมกับพาร์ทเนอร์อย่าง The White Room ซึ่งเป็นทีมพัฒนาและเชี่ยวชาญด้าน STEM โดยเฉพาะ ซึ่งจะช่วยสร้างและพัฒนาทักษะและองค์ความรู้ให้กับน้องๆ ที่เข้าร่วมโครงการ ให้มีความกล้าคิด กล้าตัดสินใจ กล้าตั้งคำถาม และกล้าทดลองเพื่อหาคำตอบ รวมถึงสามารถบูรณาการความรู้ในศาสตร์ต่างๆ ได้อย่างเข้าใจ
นักเรียนที่เข้าร่วมโครงการจะได้พบกับสถานการณ์จำลองที่ท้าทาย ซึ่งจะช่วยเปิดโลกทัศน์และขยายขอบเขตความคิด ในบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความสนุกสนานน่าตื่นเต้น นักเรียนจะได้เรียนรู้จากการลงมือทำและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเพื่อน ๆ ที่มาจากหลากหลายโรงเรียน การเรียนรู้ในรูปแบบนี้จะช่วยให้เข้าใจถึงความสำคัญของวิทยาศาสตร์ในชีวิตประจำวัน และเห็นความเชื่อมโยงระหว่างทฤษฎีกับการนำไปใช้ในโลกจริง อาทิ
- ห้องปฏิบัติการ Lab เรียนรู้การใช้เครื่องมือและอุปกรณ์วิทยาศาสตร์ที่จำเป็น
- Escape Room ฝึกทักษะการคิดวิเคราะห์ แก้ปัญหาเฉพาะหน้า และการทำงานแบบ Team Work
- Innovator Night พัฒนาต่อยอดไอเดียนักวิจัยอย่างสร้างสรรค์
- Influencer Talk แลกเปลี่ยนมุมมองการเรียนและอาชีพในสาย STEM กับนักวิจัยอาวุโส พนักงานบริษัท เมฆา วี จำกัด
และตลอดการเข้าร่วมกิจกรรมตลอด 2 วัน 1 คืน น้องๆ เยาวชนที่มาร่วมโครงการในค่ายแห่งนี้ จะได้ทำการฝึกคิด ลงมือทำ ทดลองจริง ตามฐานความรู้ต่างๆ มากมาย รวมถึงได้เยี่ยมชนพื้นที่เขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ EECi ซึ่งเป็นพื้นที่อุตสาหกรรมที่เน้นใช้เทคโนโลยีขั้นสูง รวมถึงยังเป็นโอกาสอันดีที่ได้เข้าร่วมในโรงเรียนชั้นนำอย่างโรงเรียนกำเนิดวิทย์ ซึ่งถือเป็นโรงเรียนชั้นนำด้านวิทยาศาสตร์ระดับประเทศ ทำให้เสริมสร้างความรู้ด้านต่างๆ เพิ่มขึ้นอีกมากมาย
เปิดโลกเปิดใจ พัฒนาทักษะองค์ความรู้และเติบใหญ่ด้วย Mind set ที่ดี
อย่างไรก็ตาม มากไปกว่าองค์ความรู้ที่ได้รับ สิ่งที่สำคัญและหาไม่ได้จากห้องเรียนไหนๆ คือการที่น้องๆ ที่เข้าร่วมโครงการได้เรียนรู้แลกเปลี่ยนความคิดและแชร์ไอเดียกับเพื่อนๆ ต่างโรงเรียนในระดับชั้นเดียวกันหลายคน เป็นการเปิดรับมุมมองใหม่ๆ และฝึกฝนทักษะในเชิง Soft skill อีกด้วย เพราะแต่ละฐานแต่ละกิจกรรม มิได้มีเพียงเนื้อหาทางด้านวิชาการเท่านั้น แต่ยังแฝงไปด้วยกิจกรรมที่ให้แง่คิดเรื่องการทำงานร่วมกัน การยอมรับและให้เกียรติกันในการทำงานบนความเห็นที่แตกต่าง เป็นการเสริมสร้างทักษะพิสัยและจิตพิสัย โดยเฉพาะในกิจกรรมเตรียมฐานสำหรับน้องๆ นักเรียน เรียกง่ายๆ ว่าได้พัฒนาทักษะทั้งด้าน IQ และ EQ ไปพร้อมกันนั่นเอง ซึ่งถือเป็นทักษะที่จำเป็นมากกับโลกการทำงานในปัจจุบัน
ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ กลุ่ม ปตท. ที่เล็งเห็นความสำคัญในเรื่องการศึกษา เพื่อบ่มเพาะและปลูกฝังทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพ สร้างให้เยาวชนไทยเติบโตและแข็งแกร่ง พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงไปสู่โลกอนาคตได้
และหากวันนี้คุณเห็นความสำคัญของการสร้างคน สร้างอนาคตของชาติ โครงการ PTT Group STEM Camp 2024 น่าจะเป็นแบบอย่างที่ดี ที่คุณสามารถแนะนำคนรอบตัวให้ส่งลูกหลานเข้าร่วมโครงการได้ หรือมาเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนโครงการนี้ได้เช่นกัน เราขอชื่นชมโครงการดีๆ อย่างนี้ของ ปตท. และหวังว่าจะจัดต่อเนื่องหลายๆ ปี เพื่อเยาวชนและประเทศชาติต่อไปในอนาคต.
