กางโรดแมป PTG ลุยแบบ “Drive for Tomorrow” ยกระดับธุรกิจ Oil & Non-Oil ทุกมิติ สร้างประสบการณ์ O2O ที่ไร้รอยต่อ

  • 1
  •  
  •  
  •  
  •  

PTG วางโรดแมป PTG Business Outlook : Drive for Tomorrow ยกระดับสถานีบริการน้ำมัน PT -บริการผ่าน PT Service Master ให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าเพื่อความ อยู่ดี มีสุข ในทุกด้าน เผยปี 2565 ยอดขายน้ำมันสูงสุดเป็นประวัติการณ์

 

พิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) (PTG หรือ บริษัทฯ ) เปิดเผยในงาน PTG Business Outlook : Drive for Tomorrow” ว่า ภายใน 5 ปีข้างหน้า ปี 2027 (2579) บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายไว้ว่า จะมี Retail Oil Market Share กว่า 25% จากปัจจุบันที่เป็นอันดับ 2 ตลาด มีสัดส่วน 17% พร้อมทั้งจะเพิ่มจำนวนสมาชิก Max Card จากปัจจุบัน 19 ล้านสมาชิก เป็นกว่า 30 ล้านสมาชิกซึ่งจะครอบคลุมคนไทยทั่วประเทศ ความสำคัญของ Max Card และ Max Card Plus คือเป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า เพิ่มยอดขาย และเพิ่มความถี่ของการเข้ามาใช้บริการธุรกิจในเครือเพิ่มมากขึ้น และจะเพิ่มมีจำนวนสาขากาแฟพันธุ์ไทยกว่า 5,000 สาขา จากปีนี้ที่จะปิดปีด้วยสาขา 1,523 สาขา พร้อมกันนี้จะพัฒนาและมุ่งหาธุรกิจใหม่ ๆ เพื่อใช้ประโยชน์จากระบบนิเวศของ PTG สร้างประสบการณ์ O2O ที่ไร้รอยต่อ รวมถึงการใช้ Data เพื่อให้เกิด End-to-End Personalization ที่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค

ผลักดันงบฯ ลงทุน 5,000-6,000 ล้าน

สำหรับแผนการลงทุนปี 2566 บริษัทได้เตรียมงบประมาณลงทุน (CAPEX) มูลค่า 5,000-6,000 ล้านบาท แบ่งเป็น น้ำมัน 1,00-1,500 ล้านบาท ธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน (non oil) 2,000-2,500 ล้านบาท และธุรกิจใหม่ 1,500-2,000 ล้านบาท โดยจะขยายสาขาสถานีบริการ จาก 2,149 เป็น 2,206 สาขา จุดทรัชพอยด์นอนออยล์จาก 1,526 เป็น 2,748 สาขา ธุรกิจ LPG จาก 484 เป็น 547 สาขา กาแฟพันธุ์ไทยจาก 511 เป็น 1,500 สาขา

 

นายพิทักษ์ กล่าวว่า  บริษัทจะยกระดับสถานีบริการน้ำมัน PT ใน 3 มิติ ได้แก่

1 Expansion and Renovation โดยเดินหน้าขยายสาขาทั้งหมดปีนี้สู่ 2,206 สาขา

2 Service Innovation โดยการยกระดับการให้บริการ ปัจจุบันบริษัทฯ จัดตั้ง PT Service Master ขึ้นมาเพื่อให้คำแนะนำลูกค้า อีกทั้งยังมี Max Camp ให้ลูกค้าได้เข้าพักผ่อนในระหว่างการเดินทาง โดยให้บริการฟรีสำหรับสมาชิก Max Card ปีก่อนมี 500 คน จะเพิ่มเป็น 1,500 คน

3 Data Optimization โดยการรวบรวมความต้องการของกลุ่มลูกค้าต่าง ๆ ผ่านทางฐานสมาชิก Max Card, Max Card Plus, Max Me และ Max Enterprise Connect เพื่อนำเสนอ Data-Driven Offerings and Promotions ให้ตรงใจและตรงความต้องการลูกค้ามากที่สุด

บริษัทฯ เราจะยกระดับการให้บริการภายในสถานีบริการน้ำมัน PT โดยบริการรูปแบบใหม่ “PT Service Master” ที่พร้อมดูแล แนะนำลูกค้าให้ประทับใจได้รับสิทธิประโยชน์สูงสุด เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้น และสามารถดูแลลูกค้าได้ทั่วประเทศ โดยทุกวันนี้มี 200 กว่าคน และเราจะเพิ่มเป็น 2,500 คน ภายใน 5 ปีข้างหน้านี้” และว่า สำหรับ PT Max Camp เรามีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ไม่ว่าจะเป็นห้องอาบน้ำ เตียงนอน ทีวี เครื่องซักผ้า โดยลูกค้าที่เป็นสมาชิกสามารถใช้บริการได้ฟรี โดยจะเปิดบริการตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมติดตั้งกล้องวงจรปิด เพื่อความปลอดภัยอีกด้วย ซึ่งในปัจจุบันตั้งอยู่ใน 64 สถานี และจะขยายเป็น 141 สถานี ภายในปี 2570

เร่งสร้างยอดฐานสมาชิกในออนไลน์

นอกจากนี้เรามีเครื่องมือ Max Me ที่เป็น Application และ e-Wallet ที่จะช่วยต่อยอดฐานสมาชิกในโลกออนไลน์ โดยภายในปีนี้คาดว่าลูกค้าจะสามารถชำระเงินผ่าน Max Me กับ Partner ของเรากว่า 1 ล้าน Touchpoints อีกทั้งเรายังมีบริการสินค้าดิจิทัล Financing และ Lifestyle ที่จะมาเชื่อมต่อกับ Max Me อีกด้วย

ที่สำคัญ เรายังมีการใช้ Digital Platform เพื่อตอบโจทย์ B2B ได้แก่ Max Enterprise Connect ซึ่งเป็น Fuel Management Platform ที่ช่วยในการบริหารต้นทุนน้ำมันอย่างมีประสิทธิภาพ แก้ปัญหาได้ตรงจุด และลดความยุ่งยากที่เกี่ยวกับเอกสาร เหมาะสำหรับผู้ประกอบการและองค์กรธุรกิจทุกขนาด โดยที่สามารถดู Real Time Data ได้ตลอด 24 ชม. และเราสามารถเชื่อมต่อ Microservices เพื่อเพิ่มสิทธิประโยชน์สำหรับองค์กรได้ในอนาคต” นายพิทักษ์ กล่าว

ที่ผ่านมาในปี 2565 มีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นมากมาย โดยธุรกิจ Oil ของ PTG มีปริมาณการจำหน่ายน้ำมันผ่านทุกช่องทางสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จำนวน 5,316 ล้านลิตร เติบโตขึ้น 5.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า (YoY) โดยการเติบโตหลัก ๆ มาจากช่องทางการค้าปลีกผ่านสถานีบริการที่ 6.5% YoY

นอกจากนี้ ยังได้เปิดตัวสถานีบริการน้ำมัน PT ครบวงจร (PT Max Park Salaya) ซึ่งเป็น Flagship รูปแบบแรกที่ได้รับการออกแบบให้มีความทันสมัย ติดตั้งหัวจ่ายน้ำมันระบบดิจิทัล พร้อมทั้งจัดให้มีพนักงาน PT Service Master เข้ามาอำนวยความสะดวกในส่วนของการให้บริการจำหน่ายน้ำมัน ซึ่งทุกคนจะได้รับการฝึกอบรมเป็นพิเศษ เพื่อมาเสริมด้านการบริการให้สร้างความพึงพอใจสูงสุดแก่กลุ่มลูกค้า

 

ลุยธุรกิจ Non-Oil ‘Elex by EGAT Max-กาแฟพันธุ์ไทย-Max Me- Max Card’

ในส่วนของธุรกิจ Non-Oil บริษัทฯ ได้ร่วมมือกับทางการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ในการติดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ภายในสถานีบริการน้ำมัน PT ภายใต้นามว่า Elex by EGAT Max โดย ณ สิ้นปี 2565 Elex by EGAT Max ได้ติดตั้งไปแล้ว 35 สถานี และมีแผนที่จะ ติดตั้งเป็น 65 สถานีในปี 2566 กระจายตามจุดสำคัญทั่วประเทศ

 

สำหรับ การขยาย ร้านกาแฟพันธุ์ไทย จะสร้างการเติบโตตามแผนกลยุทธ์ 4 ด้าน คือ

  1. มุ่งขยายสาขาร้านกาแฟพันธุ์ไทยในรูปแบบของ “แฟรนไชส์” ทั้งภายในและนอกสถานีบริการน้ำมัน PT
  2. รังสรรค์เครื่องดื่มใหม่ ๆ โดยใช้วัตถุดิบที่มีรสชาติดีและหาทานได้ยากจากทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย
  3. เน้น Delivery Platform ให้มากขึ้น ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มการรับรู้ (Awareness) การมองเห็น (Visibility) และการเข้าถึงแบรนด์ของลูกค้า (Accessibility)
  4. นำข้อมูลลูกค้าจากบัตรสมาชิก PT Max Card และ PT Max Card Plus มาเป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์พฤติกรรมการบริโภคของลูกค้า เพื่อเพิ่มยอดขายและความถี่ของการเข้าใช้บริการร้านกาแฟพันธุ์ไทย

 

นอกจากนี้ ยังมี Enabler สำคัญที่ได้เข้ามาช่วยเสริม ธุรกิจ Oil และ Non-Oil ก็คือ Max Me ที่ได้เปิดตัวเมื่อไตรมาส 3 ปี 2565 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็น Application ที่จะเข้ามาช่วยตอบโจทย์ลูกค้าสมาชิกบัตร PT Max Card ที่มีอยู่ในปัจจุบันกว่า 19 ล้านสมาชิก ให้สามารถทำธุรกรรมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการสะสมแต้มเสมือนบัตร PT Max Card อีกทั้งยังมีฟังก์ชัน e-Wallet ให้สามาถใช้จ่ายผ่านโทรศัพท์มือถือในยุคดิจิตอลไลฟ์สไตล์ สอดคล้องกับยุคสังคมไร้เงินสด

ธุรกิจ Non-Oil ของ PTG เติบโตในทุกมิติ

 

รังสรรค์ พวงปราง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในส่วนของจำนวนสถานีบริการน้ำมัน PT สิ้นปี 2565 ที่ผ่านมา อยู่ที่ 2,149 สถานี แบ่งเป็น สถานีบริการฯ ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทฯ (COCO) จำนวน 1,809 สถานี และสถานีบริการฯ ที่เป็นของผู้ประกอบการที่ได้รับสิทธิ์จากบริษัทฯ (DODO) จำนวน 340 สถานี

 

สำหรับจำนวนสาขาของธุรกิจ Non-Oil สิ้นปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 1,526 สาขา แบ่งเป็น 1.ร้านกาแฟพันธุ์ไทย จำนวน 511 สาขา 2.ธุรกิจ LPG แบ่งเป็น สถานีบริการ Auto LPG จำนวน 231 สถานีบริการ และร้านจำหน่ายก๊าซ LPG บรรจุถัง (Gas Shop) จำนวน 253 สาขา 3.ร้านสะดวกซื้อ Max Mart จำนวน 309 สาขาท 4.ร้านคอฟฟี่ เวิลด์ จำนวน 26 สาขา 5.ศูนย์บริการซ่อมแซมและบำรุงรักษารถยนต์ Autobacs จำนวน 45 สาขา 6.ศูนย์เปลี่ยนถ่ายน้ำมัน Maxnitron Lube Change จำนวน 52 สาขา 7.จุดพักรถ Max Camp จำนวน 64 จุด 8.สถานีอัดประจุไฟฟ้า (EV Charging) จำนวน 35 จุดชาร์จ

 

“ธุรกิจ Non-Oil ของ PTG มีการเติบโตในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็น จำนวน Touchpoint ที่เติบโต 36% YoY และมี CAGR 5 ปีเฉลี่ยสะสมที่ 34% รายได้เติบโต 68% YoY และ CAGR 5 ปี ที่ 37% กำไรขั้นต้นเติบโต 50% YoY และ CAGR 5 ปี ที่ 36% และสัดส่วนกำไรขั้นต้นที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดย ณ สิ้นปี มีสัดส่วนกำไรขั้นต้นในธุรกิจ Non-Oil ที่ 18.5% ซึ่งเป็นไปตามที่เรามองไว้ว่าจะอยู่ที่ระดับ 15-20%” นายรังสรรค์ กล่าว

 

ส่วนโครงการ Solar Rooftop เป็นการลงทุนผ่าน บริษัท พีทีจี กรีน เอ็นเนอยี จำกัด (PTGGE) ปัจจุบันกำลังอยู่ในระหว่างลงทุนและซื้อขายไฟฟ้าในรูปแบบ Private PPA กับบริษัทฯ และจะขยายการลงทุนในประเทศและต่างประเทศต่อไปในอนาคต ปัจจุบันโครงการนี้มีมูลค่าเงินลงทุนจำนวน 300 ล้านบาท และมีกำลังการผลิตไฟฟ้า ทั้ง Phase 1-4 โดยรวมประมาณ 8.171 MW

 

โดยในปัจจุบัน Phase 1 และ 2 ได้ดำเนินการติดตั้งเสร็จสิ้นแล้ว โดยปีนี้มีแผนติดตั้งเพิ่มอีก 6.291 MW คาดว่าปี 2567 จะลดปริมาณการใช้ไฟฟ้า 9.5 ล้านหน่วยต่อปี และคาดว่าจะลดค่าใช้จ่าย 40-50 ล้านบาท รวมทั้งช่วยลดปริมาณการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 4.237 ล้านตันต่อปี (EPPO ref:การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่อหน่วยการใช้ไฟฟ้า (kWh) :0.446)


  • 1
  •  
  •  
  •  
  •  
pigabyte
การเรียนรู้ไม่มีวันจบสิ้น มาเรียนรู้และสนุกไปกับบทความ จาก MarketingOops! กันนะคะ แล้วเราจะได้ค้นพบว่าโลกของ Marketing นั้น So Sexy and Cool!