สมัยก่อนเมื่อคิดจะสร้างบ้านสักหลัง อาจใช้เวลาเป็นปี เสียเวลากับการก่ออิฐฉาบปูนนานเกินไป แต่ในปัจจุบันผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ หรือผู้รับเหมาก่อสร้างได้นำระบบ Precast (พรีแคส) มาใช้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในงานก่อสร้าง เพื่อทดแทนแรงงาน ลดเวลาทำงาน และได้ชิ้นงานที่มีมาตรฐาน
ก่อนอื่นมาทำความเข้าใจ ระบบ Precast ก่อนว่าคืออะไร จริงๆ แล้วระบบ Precast ไม่ใช่ของใหม่ซะทีเดียว เพราะเราเชื่อว่าหลายคนคงเคยเห็นแผ่นคอนกรีตสำเร็จรูปกันบ้างแล้ว แต่ไม่ทราบว่ามีข้อดี-ข้อเสียอย่างไร โดยระบบ Precast ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อการหล่อชิ้นงานคอนกรีตสำเร็จรูปจากโรงงาน และนำชิ้นส่วนเหล่านี้ไปประกอบที่ไซต์งานได้ทันที ตอบโจทย์ผู้ประกอบการอสังหาฯ และผู้บริโภคที่ต้องการความรวดเร็ว ทั้งนี้ ระบบ Precast มักถูกนำมาใช้ในงานก่อสร้าง เช่น คอนโดมิเนียม อาคาร หรือโครงการบ้านจัดสรร เป็นต้น
จุดเด่นที่ทำให้ผู้ประกอบการเลือกใช้ระบบ Precast คือ สะดวก ลดการใช้แรงงาน มีมาตรฐาน ด้วยการควบคุมการผลิตทุกขั้นตอนจากโรงงาน และที่สำคัญยังควบคุมเวลาในการทำงานได้ อีกทั้งยังสะอาด เพราะเมื่อไม่ต้องใช้วัสดุในการหล่อการเท ทุกอย่างเป็นชิ้นสำเร็จรูป สามารถเลือกใช้เป็นชิ้นๆ ตามที่ส่งไปหน้าไซต์งานได้
แม้ระบบ Precast จะมีราคาสูงกว่าการก่อสร้างผนังปูนแบบเดิม เมื่อเปรียบเทียบกันด้วยต้นทุนทางตรง (ค่าวัสดุ+ค่าแรง+ค่าเครื่องจักร) แต่หากยิ่งผลิตในจำนวนมากก็ยิ่งมีราคาถูกลง เนื่องด้วยความถูกต้องและรวดเร็วในการผลิตจะช่วยลดต้นทุนแฝงอื่นๆ ได้ อาทิ เศษวัสดุสิ้นเปลือง การแก้ไขงานที่ผลิตเสีย และการพลาดโอกาสในการขายหากผลิตเสร็จช้ากว่าคู่แข่ง ในภาพรวมจึงถือว่าคุ้มค่ากว่า
สำหรับผู้บริโภคอย่างเรา ที่ไม่ได้รู้ลึกรู้จริงเรื่องงานก่อสร้าง จึงมักจะมีความเข้าใจผิดๆ เกี่ยวกับระบบ Precast โดยเมื่อบอกว่าเป็นแผ่นคอนกรีต คนส่วนใหญ่มักเข้าใจว่าต้องเรียบเนียน ไม่มีรอยร้าว ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ผนังคอนกรีต Precast จะมีรอยร้าวที่ถูกออกแบบไว้บริเวณรอยต่อระหว่างแผ่น ทว่า รอยต่อที่ดีต้องมีความยืดหยุ่น ไม่รั่วซึม และใช้วัสดุที่มีความทนทาน และไม่ควรฉาบปิดรอยต่อดังกล่าว
![Pros_concrete_4](https://cdn.marketingoops.com/wp-content/uploads/2017/11/Pros_concrete_4.jpg)
ในส่วนของความแข็งแรง เห็นก่อสร้างรวดเร็ว ต่อประกอบคล้ายตัวต่อของเล่นแบบนี้ โครงสร้างผนังคอนกรีต Precast มีความแข็งแรงมากกว่าโครงสร้างแบบเดิมๆ มาก เนื่องจากพื้นที่ผนังทั้งหมดจะทำหน้าที่เป็นเสา เรียกได้ว่าแข็งแรงทุกอณู
เนื่องด้วยงานก่อสร้างถือเป็นสินค้าที่ต้องใช้งานระยะยาว ความน่าเชื่อถือของผู้ผลิตจึงมีผลต่อการตัดสินใจ “Prosperity Concrete” ผู้เชี่ยวชาญด้านโครงสร้าง Precast และผู้ผลิตชิ้นส่วนคอนกรีตสำเร็จรูป เผยว่า ในต่างประเทศการเลือกใช้ผนัง Precast Concrete เป็นคำตอบของการแก้ปัญหาเรื่องผนังก่ออิฐฉาบปูนเกิดรอยร้าวและรั่วซึม และมองว่าโครงสร้าง Precast Concrete เป็นโครงสร้างที่มีคุณภาพ แม้จะมีราคาสูงกว่าโครงสร้างทั่วไป แต่ก็ทดแทนได้ด้วยคุณภาพการผลิต และการติดตั้งที่อยู่บนมาตรฐานเดียวกัน
เพื่อให้โครงสร้าง Precast Concrete ได้รับความนิยมในไทยมากขึ้น พรอส จึงได้นำความเชี่ยวชาญที่สั่งสมมาเกือบ 20 ปี ผนวกกับความต้องการของลูกค้า มาพัฒนาสินค้าให้ได้มาตรฐาน ปัจจุบันสินค้าของพรอสใช้มาตรฐาน PCI ของประเทศสหรัฐอเมริกา สินค้าทุกชิ้นต้องผ่านกระบวนการทางวิศวกรรมอย่างถูกต้อง และควบคุมมาตรฐานการผลิตตั้งแต่โรงงานจนถึงไซต์งาน
“วิสัยทัศน์” และ “หลักในการทำงาน” เป็นสิ่งที่พรอสยึดถือมาตลอด ไม่ใช่แค่ในแง่ของการทำธุรกิจ แต่รวมถึงการพัฒนาสิ่งต่างๆ ภายในองค์กรและนอกองค์กร ทั้งกระบวนการผลิต เทคโนโลยี การพัฒนาคน และพัฒนาด้านบริการ โดยเชื่อมั่นว่า Precast Concrete สามารถพัฒนาได้ตลอดเวลา
พรอสเชื่อว่า… “ทุกวันของความพยายามในทุกเรื่อง จะทำให้เราดีขึ้นไม่มากก็น้อย ในหนึ่งวันผ่านไป วันนี้ย่อมไม่ได้ดีที่สุด แต่ถ้าเราพยายามอีก พรุ่งนี้เราก็ย่อมเจอสิ่งที่ดีกว่าเสมอ ดีกว่าทั้งด้านงานและด้านองค์กร” ด้วยแนวคิดนี้ ทำให้พรอสเดินหน้าต่อไปได้อย่างไม่มีสิ้นสุด
httpv://youtu.be/r7WV8JWD-ys
ติดตามข้อมูลอื่นๆ ได้ที่ www.pros-concrete.com