หากพูดถึงความต้องการที่พักอาศัยของแต่ละคนแล้ว เชื่อว่ามีความชอบและความจำเป็นที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นอาคารพาณิชย์, ทาวน์โฮม, บ้านเดี่ยว, ตึกแถว, และคอนโดมิเนียม ซึ่งจุดประสงค์ของการใช้งานแต่ละประเภทก็จะมีความหลากหลาย บางคนใช้แค่พักอาศัย บางคนเอาไว้ค้าขาย หรือว่าจะเลือกทำทั้งสองอย่างเลยก็เป็นได้
แต่ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไป Trend และ Lifestyle การใช้ชีวิต รวมถึงสภาพแวดล้อมในปัจจุบันหลายๆคนจึงหันมามองที่พักอาศัยประเภทคอนโดมิเนียมกันมากขึ้น เนื่องจากสามารถตอบโจทย์การใช้ชีวิตเรื่อง “การเดินทาง” ซึ่งนั้นคือเหตุผลว่าทำไมอสังหาประเภทนี้เป็นสิ่งที่น่าสนใจ
ลองนึกภาพดูว่าหากเราอยู่บ้านที่ไกลจากที่ทำงานของเราพอสมควร แล้วทุกวันต้องเสียเวลาเดินทางทั้งไปและกลับเฉลี่ยประมาณ 2-4 ชม. ไหนจะเรื่องค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียเพิ่มมากขึ้น ซึ่งก็เป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่น้อยเลยทีเดียว บางคนโชคดีมีรถขับแต่ก็ต้องมารถติดบนท้องถนน(ซึ่งประเทศไทยก็ติดโผอันดับ 1-10 ของโลกที่รถติดที่สุดในโลกเชียวนะครับ) บางคนไม่มีรถก็ต้องพึ่งขนส่งสาธารณะ ไหนจะวินมอเตอร์ไซต์, แท็กซี่, รถเมล์, สองแถว,หรือ เรือด่วน เป็นต้น ซึ่งบางครั้งต้องนั่งกัน 2-3 ต่อเลยทีเดียวกว่าจะถึงที่ทำงานกันได้ เชื่อว่าที่พูดมาทั้งหมดนี้คงเป็นปัญหาที่ใครหลายๆคนกำลังเผชิญกันอยู่อย่างแน่นอน
ในปัจจุบันจึงมีคอนโดมิเนียมต่างๆผุดขึ้นมากันอย่างมากมายหลากหลายโครงการและกระจายตัวกันออกไปตามแต่ละพื้นที่ ยิ่งถ้าใกล้ BTS หรือ MRT แล้วก็ดูน่าสนใจมากยิ่งขึ้น ส่วนใหญ่แล้วที่มีเลือกเยอะหน่อยคงหนีไม่พ้นโซนที่เป็น Prime Area หรือ CBD (Central business district) เพราะเป็นย่านที่มีอาคารสำนักงาน, ห้างสรรพสินค้า, โรงเรียน, สาธารณูปโภคต่างๆ และที่สำคัญคือ BTS และ MRT ที่ตัดผ่านเป็นส่วนใหญ่ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกเรื่องการเดินทางมากยิ่งขึ้น อาทิ สีลม, สาทร, ราชเทวี, พญาไท, พระราม 9-รัชดา, หลังสวน, ชิดลม, และสุขุมวิท
หลายคนคงมีคำถามเกิดขึ้น – ฟังดูแล้วเยอะเหลือเกิน เลือกไม่ถูกแล้วแบบนี้จะเลือกดูที่ไหนดีล่ะ?
ถ้าให้พวกเรานึกถึงทำเลที่หลายคนใฝ่ฝันอยากมีบ้านหรือที่อยู่อาศัยซักแห่ง เชื่อได้ว่าคนส่วนใหญ่คงต้องนึกถึงสุขุมวิทเป็นอันดับต้นๆแน่ เพราะในบริเวณนี้มีสิ่งอำนวยความสะดวกและสาธารณูปโภคอย่างครบครัน โดยมองในแง่ของ
•การเดินทาง เรียกได้ว่าสุขุมวิทแทบจะเป็นศูนย์กลางของกรุงเทพอีกแห่งหนึ่งได้เลย เพราะมีรถไฟฟ้า ยาวตามแนวถนนสุขุมวิททั้งเส้น เดินทางไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวกสบาย เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่สามารถเลี่ยงปัญหารถติดได้
•สภาพแวดล้อม บริเวณโดยรอบเป็นที่ตั้งของอาคารสำนักงานต่างๆที่สำคัญอาทิ Exchange Tower, Grammy, Interchage, Shino-Thai ทั้งยังมีโรงพยาบาล, โรงแรม, ห้างสรรพสินค้า, โรงเรียนและมหาวิทยาลัยเก่าแก่อย่าง มศว และร.ร.วัฒนา เป็นต้น และในเรื่องของอาหารการกินก็มีมากมายอุดมสมบูรณ์ทั้งร้านอาหาร, ร้านนั่งชิว, และร้านกาแฟต่างๆ
•Lifestyle มีสวนสาธารณะถึง 2 แห่งด้วยกันในย่านนี้คือ สวนเบญจกิติและสวนเบญจสิรี รวมไปถึงมีห้างสรรพสินค้าให้เดินเล่นและช้อปปิ้งได้ทั้ง Emporium, Emquartier, และ Emsphere (เรียกรวมว่า The Em District) มาเติมเต็มความสมบูรณ์ให้กับพื้นที่แถบนี้มากยิ่งขึ้นไปอีกด้วย
ด้วยเหตุนี้ย่านสุขุมวิทนอกจากคนไทยอย่างเราที่ชื่นชอบแล้ว ชาวต่างชาติโดยเฉพาะญี่ปุ่นและเกาหลีก็ชอบมาทำงานและพักอาศัยในบริเวณนี้เช่นเดียวกัน เพราะมีทั้งร้านค้า ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว โรงเรียนและสังคมความเป็นอยู่ที่ใกล้เคียงกับวิถีชีวิตที่เค้าเคยอาศัยกันมาจนกลายเป็นความเคยชินและอยู่กันนาน ซึ่งเหตุผลต่างๆที่กล่าวมาข้างต้นนั้นก็ตอบโจทย์ทั้งในแง่ของการใช้ชีวิตและอยู่อาศัยจึงทำให้ย่านสุขุมวิทนี้เป็นสถานที่ๆน่าอยู่อาศัยของ “ทุกคน” อย่างแท้จริง
และอย่างที่เราทราบกันในปัจจุบันด้วยกระแสความต้องการคอนโดมิเนียมมีค่อนข้างสูง ทำให้บริษัทต่างๆแข่งขันกันกว้านซื้อที่ดินเพื่อนำมาพัฒนา จนทำให้ที่ดินทำเลดีๆมีเหลือน้อยลงโอกาสเกิดโครงการใหม่ก็ยากขึ้น
ล่าสุดถือว่าเป็นข่าวดีสำหรับผู้ที่สนใจอยากมีที่พักอาศัยแถวสุขุมวิท มีคอนโดเกิดใหม่ Ashton residence 41 ซึ่งตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 41 เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ ตัวโครงการนั้นจัดอยู่ในระดับ luxury Class เพราะมีการออกแบบที่หรูหราและอยู่ในทำเลที่เป็น Prime area เอามากๆ อยู่ใจกลางเมืองสะดวกต่อการเดินทางใกล้ BTS พร้อมพงษ์และแหล่งห้างสรรพสินค้าอย่าง The Em District อีกด้วย (ขาช้อปกระเป๋าหนักทั้งหลายคงชื่นชอบเป็นแน่)
ฟังชื่อทำเลบางคนจะกลัวพลุกพล่านไม่เป็นส่วนตัว แต่จริงๆแล้วตัวโครงการตั้งอยู่ในซอย สุขุมวิท 41 ซึ่งเป็นซอยตัน มีข้อดีที่ว่าจะไม่มีรถวิ่งสวนไปมาเป็นประจำทำให้มีความสงบเป็นอย่างมาก จึงหมดกังวลปัญหานี้ไปได้อย่างแน่นอน แต่ในทางกลับกันถ้าเกิดหิวขึ้นมาแต่ไม่อยากเดินไปไกล ก็สามารถมาหาซื้อของกินและฝากท้องได้เลยที่บริเวณหน้าปากซอยที่ชื่อว่า Miracle Mall และที่ติดกันคือ Tops supermarket ที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดีอีกด้วย
เข้ามาในช่วงกลางซอย(ตามรูป)จะเห็นว่าบรรยากาศค่อนข้างร่มรื่นสบายตามีต้นไม้ค่อนข้างเยอะตามแนวรั้วบ้านต่างๆของผู้พักอาศัยตลอดทั้งซอย ส่วนเรื่องการเดินรถในซอยก็สามารถวิ่งสวนกันได้ไม่คับแคบหรือแออัดจนเกินไป (มักจะมีรถจอดประจำอยู่ 1 เลน แต่ส่วนถนนที่เหลือรถก็ยังวิ่งสวนกันได้อย่างดีเหมือนกันนะครับ)
ก่อนจะเข้ามาดูในส่วนของภายในตัวโครงการ ขอบอกไว้ก่อนเลยว่า “จัดเต็ม” ขึ้นชื่อว่าแบรนด์ Ashton ที่เป็นตัวท๊อปของอนันดาแล้วคงไม่ให้เสียชื่ออย่างแน่นอน เริ่มด้วยบริเวณหน้าทางเข้าโครงการในส่วนของ Façade นั้นใส่เป็นบานกระจกขนาดใหญ่แบบเต็มอิ่มดูโดดเด่นขึ้นมาจากอาคารบริเวณโดยรอบอย่างแน่นอน ซึ่งให้อารมณ์ความรู้สึกดูหรูหราสวยงามตามแบบอาคารโมเดิร์นสมัยใหม่อย่างแท้จริง
ในส่วนของ Landscape ด้านในโครงการได้มีการออกแบบให้น่าสนใจ โดยในส่วนของสระว่ายน้ำเป็นแบบสไตล์ Creek pool ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจาก Barton Springs Pool ซึ่งตัวสระว่ายน้ำนี้ จะมีบันได้ไล่ลงไปของทั้งสองฝั่ง มีประโยชน์ในการนอนเล่น พักผ่อน ซึ่งสำหรับใครที่อยู่บริเวณชั้น 1 ที่เป็นห้อง Duplex ยังสามารถเดินลงสระว่ายน้ำได้เลยอีกด้วย เปรียบเสมือนอยู่บ้านส่วนตัวเลยก็ว่าได้…เห็นแล้วฟินน่าดูเลย
นอกจากนี้แล้วยังเพิ่มความสวยงามให้ดูเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้นและลดทอนความแข็งกระด้างลงโดย Vertical Garden ซึ่งหาโครงการที่ทำออกมาเป็นแบบนี้ได้ค่อนข้างยากในปัจจุบัน โดยเรียกแบบเท่ๆว่า “Cliff Garden” ตั้งแต่ชั้น 1-8 เชื่อมต่อไปถึงบริเวณชั้นดาดฟ้าซึ่งทำเป็น Roof top garden ให้เป็นพื้นที่ส่วนกลางสำหรับพักหย่อนใจ ใช้ชีวิตแบบ Slow life ได้อีกด้วย
อีกทั้งในส่วนของการวาง Plan อาคารของตึก A และ B ได้ออกแบบห้องให้ทำมุม 45 องศา กับห้องฝั่งตรงข้าม เพื่อเปิดมุมมองการพักอาศัยให้มากยิ่งขึ้นกว่า 21 เมตร ต่างกับอาคาร Low rise ทั่วไปที่มักจะออกแบบอาคารให้ขนานกันซึ่งจะดูแน่นและอึดอัดมากกว่าแบบนี้ และสำหรับคงรักสัตว์คงต้องรับโครงการนี้ไว้พิจารณาอีกหนึ่งตัวเลือก เพราะที่นี่มีทำ Pet Area เตรียมไว้ให้และสามารถเลี้ยงสัตว์ไว้ได้ (แต่คงไม่ใช่สัตว์ใหญ่เกินไปนะครับ เอาแค่น่าน่ารักๆพอ จะได้ไม่รบกวนเพื่อนบ้านกัน)
สิ่งหนึ่งที่สำคัญสำหรับคอนโดมิเนียม ที่มักจะเกิดปัญหาในหลายๆโครงการก็คือเรื่อง “ที่จอดรถ” แต่สำหรับที่นี่ คงจะหายกังวลไปได้เลยด้วยจำนวนที่จอดถึง 200% จากจำนวนยูนิตทั้งหมด 79 ยูนิต โดยแบ่งเป็นการจอดแบบธรรมดาและแบบจอดอัตโนมัติ (Mechanic Parking) ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกสบายให้กับผู้พักอาศัยได้ดีอีกด้วย
สุดท้ายนี้การเลือกซื้อที่อยู่อาศัยซักที่ไม่ใช่ตัดสินกันเพียงแค่ราคาเพียงอย่างเดียว แต่อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญยิ่งกว่าคือ “คุณภาพชีวิต” เพราะการซื้อบ้านซักหลังเปรียบเสมือนการเลือกซื้อ “ความสุข” หากเราเลือกของที่ดีจริง ครอบครัวของเราก็จะมีความสุขไปด้วยเช่นเดียวกันครับ
ใครอยากทราบรายละเอียดเพิ่มเติมก็ลองไปดูกันได้ที่นี่ http://www.ananda.co.th/condo/projects/Ashton-Residence41/sem.php