การสร้างบ้านขึ้นมาสักหลังจะประกอบด้วยผู้เกี่ยวข้อง 3 ฝ่ายคือ เจ้าของบ้าน ผู้ค้าวัสดุ และดีไซเนอร์ ฝ่ายแรกจะเจอปัญหาค้นหาผู้ออกแบบที่ถูกใจ ฝ่ายหลังจะเจอเรื่องการนำเสนอแบบและวัสดุให้เลือกสรร ส่วนเจ้าของวัสดุตกแต่ง วัสดุก่อสร้าง จะมีปัญหาเรื่องมาร์เก็ตเพลส ต้นทุนเรื่องหน้าร้าน สถานที่จัดแสดง ฯลฯ
ขณะที่การเข้ามาของดิจิทัลที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหลายมิติในแทบทุกอุตสาหกรรม ทั้งแวดวงธนาคาร วงการสิ่งพิมพ์ ฯลฯ ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีเป็นสิ่งที่ยากหลีกเลี่ยง ถ้าไม่รับ ก็ต้องถอย ที่เห็นได้ชัดก็คือการปรับตัวของธุรกิจ Property
ที่ผ่านมานวตกรรมและเทคโนโลยีถูกนำมาใช้เป็นกลยุทธ์การตลาด บริการหลังการขาย เพิ่มความสะดวกสบายของผู้อยู่อาศัย ไปจนถึงการสร้างแบรนด์ Prop Tech (Property Technology) ถูกใช้เป็นเครื่องมือพัฒนาธุรกิจมากขึ้นเรื่อยๆ หลายบริษัทประกาศตัวเป็น Tech Company เกิดความเคลื่อนไหว Joint Venture เพื่อพัฒนานวตกรรมอสังหาริมทรัพย์ ให้การใช้ชีวิตในโครงการสะดวกสบาย เชื่อมต่อสังคมภายนอกด้วยคุณภาพที่ดี
ยิ่งดิจิทัลมีบทบาทเท่าไหร่ Digital Prop Tech ยิ่งถูกนำมาใช้ทำให้เกิดประโยชน์กับธุรกิจมากขึ้นเท่านั้น เช่น สร้างเป็นแพลตฟอร์มในการขยาย channel เพื่อการขายใหม่ๆ, ช่วยให้ลูกค้าหาซื้อง่าย เพียงแค่ Search ด้วยปลายนิ้ว ขณะที่พฤติกรรมการซื้อสินค้าของผู้บริโภคก็ปรับเปลี่ยนไปด้วยอิทธิพลของ RevieWER ซึ่งเข้าไปแทนที่สื่อโฆษณาแบบเดิม เช่น ป้ายโฆษณา บิลบอร์ด ซึ่งเป็นต้นทุนที่สูงกว่าเมื่อเทียบกับปัจจุบัน
คุณชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ควอลิตี้ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) มองว่า ในแง่ของเทคโนโลยีจะทำให้ผู้ประกอบการลดต้นทุนทางด้านโฆษณาได้ จากเดิมใช้ป้ายโฆษณาเป็นหลัก เมื่อมีการใช้เทคโนโลยีเข้ามาเชื่อม 3 ปาร์ตี้ทั้งเจ้าบ้าน ดีไซเนอร์ และเฟอร์นิเจอร์ เข้าด้วยกัน ผ่านเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชั่น ความสะดวกก็จะเกิดขึ้นกับทั้ง 3 ฝ่าย เจ้าของบ้านก็เข้าถึงนักออกแบบ เข้าถึงสินค้าหรือแหล่งผลิต ดีไซเนอร์ก็ทำงานง่าย แลกเปลี่ยนหรือแก้ไขแบบกันได้ทันที ผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งก็สามารถขายสินค้าได้บนหน้าจอ ลดเวลา ลดต้นทุน ในการนำสินค้าไปจัดแสดงตามงานเฟอร์นิเจอร์แฟร์ Market Place ก็ถูกปรับเปลี่ยน ผู้เลือกซื้อสามารถ Search ค้นหาหาตามแฟลตฟอร์มที่คิดค้นขึ้น
เว็บไซต์และแอปพลิเคชั่นของ Homeprise เป็นแพลตฟอร์มที่เชื่อมต่อดีไซเนอร์ทั่วประเทศ ของแต่งบ้านจากผู้ผลิตและผู้นำเข้าทั่วโลก โดยมีแบรนด์วัสดุชั้นนำเข้ามาซับพอร์ท เช่น Mogen ดูราเกรส สตาร์มาร์ค รวมทั้งควอลิตี้เฮ้าส์ ปาร์ตี้ทุกฝ่ายสามารถเข้าถึงเว็บไซต์และแอปพลิเคชั่นได้ทันทีเพียงแค่มีอินเตอร์เน็ต ไม่ว่าจะทำงานที่ไหน หรืออยู่พื้นที่ใดทั่วโลก การตัดสินใจที่จะเลือกแบบ เสนอแบบ และการเลือกใช้วัสดุก็จะมีทางเลือกมากขึ้น เข้าถึงง่าย ควบคุมง่าย คุยกันง่ายและรวดเร็วขึ้น
“Search cost จะลดลงเมื่อมี Digital Prop Tech เข้ามาช่วยสร้างความสะดวกในการค้นหาสิ่งที่ต้องการ เช่น แบบบ้าน เฟอร์นิเจอร์ ดีไซเนอร์ ด้วยแพลตฟอร์มนี้จะช่วยเซฟเวลา ลดค่าใช้จ่ายในการหาของแต่งบ้านหรือหาเฟอร์นิเจอร์ ในมิติของผู้ใช้บริการหรือลูกค้าก็จะจินตนาการออก เพราะจะมีตัวอย่างการออกแบบ มุมจัดวางถูกสร้างขึ้นมาให้เห็นพร้อมๆ กัน สามารถปรับเปลี่ยน แก้ไข รูปแบบการจัดวางได้ แบบที่ร่างเป็นกราฟฟิกของดีไซเนอร์จะถูกส่งเข้าไปในแอป ลูกค้าก็เลือกแบบ หรือปรับเปลี่ยนและตัดสินใจได้ทันที” คุณชัชชาติกล่าว
Digital Prop Tech ทำให้เกิดระบบนิเวศใหม่ๆ จากการเชื่อมต่อเทคโนโลยีเข้ากับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ทำให้ไลฟ์สไตล์ผู้คนมีการปรับเปลี่ยน แอปพลิเคชั่นที่ทันสมัยจะช่วยให้การแต่งบ้านสะดวกอยู่บนมือถือ ที่ใช้เป็นแพลตฟอร์มกลาง ซึ่งรูปแบบเทคโนโลยีดังกล่าวจะถูกจัดเป็นโปรแกรมการเรียนการสอนในคณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ระดับชั้นปีที่ 2 และจะเข้าร่วมเป็นพาร์ทเนอร์ในสถาบันที่มีคณะที่เรียนเรื่องการออกแบบ อาทิ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
