นอกจากเครือข่ายที่มีคุณภาพและราคาแพ็กเกจที่คุ้มค่า เรื่องสิทธิประโยชน์ หรือ Privilege ก็เป็นอีกกลยุทธ์สำคัญที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญและใช้ประกอบการตัดสินใจเลือกใช้บริการ วันนี้ เราจึงได้เห็นการปรับตัวสู้ศึกอย่างดุเดือดของผู้ให้บริการเครือข่ายหลัก 3 ราย ทั้ง AIS, dtac, Truemove H มุ่งสร้างประสบการณ์การใช้งานแบบเหนือระดับ จนเรียกว่า “ให้มากกว่าที่รายอื่นจะให้ได้” เพื่อหวังรักษาฐานลูกค้าไม่ให้ไหลออกจากระบบ
“การเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในปีนี้ คือ จำนวนร้านค้าในกลุ่ม Privilege จะเพิ่มขึ้นเป็น 30,000 ร้าน จากเดิม 25,000 ร้าน ซึ่ง dtac ไม่ได้ขยายแค่กลุ่ม Retail Chain แต่ในปีนี้จะเพิ่มเติมในส่วนร้านค้าและร้านอาหารโลคัลมากขึ้น เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าท้องถิ่น วันนี้คุณจะได้เห็นภาพลูกค้า dtac ใช้สิทธิ์รับส่วนลดหรือของแถมจากร้านดังทุกประเภทในกลุ่มโลคัล ตั้งแต่ร้านสุกี้ ร้านหมูกระทะ ร้านอาหารพื้นเมือง หรือร้านของฝาก ถือเป็นการทำ Loyalty campaign โดยเน้นการดูแลลูกค้าเป็นอย่างดี นำเสนอความคุ้มค่า ผ่านความใจดีซึ่งถือเป็น DNA ของ dtac” คุณเพ็ญพงา สุทธิมณฑล ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารลูกค้า dtac
คงสิทธิ์ลด ฟรี แถม มอบ Rewards ต่อเนื่อง
สิทธิประโยชน์ที่เรามอบให้ลูกค้า dtac อยู่ในแคมเปญลด ฟรี แถม มาโดยตลอด เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของลูกค้าทั้ง 23.5 ล้านเลขหมาย แบ่งเป็นกลุ่ม BLUE MEMBER 2.5 แสนเลขหมาย, GOLD MEMBER 2.3 ล้านเลขหมาย, SILVER MEMBER 10 ล้านเลขหมาย รวมถึงลูกค้า dtac ทั่วไปที่ใช้บริการทั้งรายเดือนและเติมเงินอีกราว 10 ล้านเลขหมาย ก็สามารถรับ Rewards ได้ตามสิทธิ์
อัดงบ Privilege ปีละ 500 ล้านบาท
“เราใช้งบประมาณราว 500 ล้านบาทต่อปี เพื่อมอบสิทธิประโยชน์แก่ลูกค้า dtac ซึ่งสิทธิ์ที่ได้รับความนิยมจากลูกค้าเป็นอันดับแรก คือซื้อเครื่องดื่มราคาพิเศษ 10 บาท จากร้าน Cafe Amazon ซึ่งมอบให้ถึง 200,000 สิทธิ์ต่อเดือนและมีลูกค้าใช้สิทธิ์เต็มจำนวนทุกเดือน”
เมื่อคู่แข่งมี แต่เราไม่มี…
นอกจากการพัฒนาในส่วนของเราให้ดีขึ้น บริษัทก็มองถึงสิ่งที่รายอื่นทำเช่นกัน ยกตัวอย่างบริการสำรองที่จอดรถตามศูนย์การค้า ซึ่งคู่แข่งมีบริการแก่ลูกค้าแต่เราไม่มี สิ่งเหล่านี้ขอยืนยันว่าบริษัทไม่ได้นิ่งนอนใจ แต่เรามองถึงความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก ประกอบกับบริการรูปแบบดังกล่าวใช้งบประมาณสูงแต่สามารถให้บริการลูกค้าได้จำนวนน้อย เราจึงเลือกใช้งบประมาณเพื่อลงทุนกับการมอบความคุ้มค่าตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ลูกค้าจำนวนมากได้มากกว่า
ส่วน Privileges ที่ลูกค้า dtac ชื่นชอบใช้งาน 3 กลุ่มแรก คือ อาหารและเครื่องดื่ม, ความบันเทิง โดยเฉพาะส่วนลดตั๋วชมภาพยนตร์ และส่วนลดอีคอมเมิร์ซ ซึ่งมีทั้งสินค้าและบริการจากผลผลิตในโครงการ dtac accelerate เช่น SKOOTAR, Seekster, Indie Dish เป็นต้น และพาร์ทเนอร์อีคอมเมิร์ซ เช่น Lazada, ZALORA, Shopee เป็นต้น โดยบริษัทจะขยายความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ในทุกกลุ่มบริการเพื่อตอบสนองความต้องการและมอบสิทธิประโยชน์แก่ลูกค้าต่อไป