แพลตฟอร์มด้าน Marketing Digital ถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากของธุรกิจในปัจจุบันทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็ก แพลตฟอร์มดังกล่าวจะช่วยให้ธุรกิจสามารถเข้าถึงทั้งโลกออนไลน์และออฟไลน์ แต่ส่วนใหญ่แพลตฟอร์มด้าน Marketing Digital ล้วนแต่เป็นของบริษัทต่างชาติ นั่นหมายความว่าข้อมูลต่างๆ ทั้งของธุรกิจและลูกค้าสามารถรั่วไหลออกนอกประเทศได้ และในความเป็นจริงแพลตฟอร์มด้าน Marketing Digital แทบไม่มีบริษัทของคนไทยเป็นเจ้าของ
PRIMO สตารท์อัพด้าน Omnichannel Marketing Platform สำหรับองค์กรและธุรกิจขนาดใหญ่ เตรียมระดมเงินลงทุนรอบ Pre–Series A จาก Fuchsia VC และ Beacon VC เดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีในทุกผลิตภัณฑ์ทั้งระบบจัดการลูกค้าสัมพันธ์ แพลตฟอร์มข้อมูลลูกค้า และระบบเพื่อการบริหารความสัมพันธ์คู่ค้า (Partnership Management) รวมถึงขยายธุรกิจรองรับการเติบโต เพื่อสร้างประสบการณ์ไร้รอยต่อระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภคในยุคที่ขับเคลื่อนธุรกิจด้วยข้อมูลอย่างแท้จริง
ด้าน คุณวีร์ สิรสุนทร ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรีโมเวิร์ล จำกัด (PRIMO) ชี้ว่า Omnichannel Marketing Platform เติบโตอย่างชัดเจนในยุคโควิด-19 ธุรกิจขนาดใหญ่เห็นความสำคัญของเครื่องมือเพื่อใช้ทำการตลาดในรูปแบบ Omnichannel มากขึ้น ด้วยองค์กรขนาดใหญ่ต่างมองหาแพลตฟอร์มที่จะรวบรวมข้อมูลลูกค้าจากทุกช่องทางเพื่อนำมาประมวลผลและสร้างประสบการณ์ที่เฉพาะเจาะจงสำหรับลูกค้ากลุ่มต่างๆ อย่างไร้รอยต่อ
นับตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงทุกวันนี้ PRIMO Omnichannel Marketing Platform มีความสามารถมากขึ้นและมีความยืดหยุ่นสูง พร้อมทั้งใช้เวลาอันสั้นในการติดตั้ง ช่วยให้นักการตลาดมีเครื่องมือที่ง่ายและมีประสิทธิภาพเพื่อเปลี่ยนผ่านสู่ยุค Data Driven นอกจากนี้ PRIMO ยังสามารถ Engage หรือชวนลูกค้าให้มีส่วนร่วมตามจุดประสงค์ของนักการตลาดและตรงตามกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์ได้
PRIMO ยังได้วางแผนการใช้เงินลงทุนที่ได้รับจาก Fuchsia VC และ Beacon VC 2 แหล่งเงินทุนของสตาร์ทอัพในรอบ Pre–Series A ทั้งหมด 3 ด้าน ประกอบไปด้วย การพัฒนาความสามารถของ Omnichannel Marketing Platform ให้ดียิ่งขึ้น ทั้งการเพิ่มความสามารถของ AI ที่อยู่ในระบบ และการเพิ่ม Engagement Mode ต่างๆ ให้มีวิธีการชวนลูกค้ามีส่วนร่วมกับแบรนด์ได้หลากหลายยิ่งขึ้นกว่าเดิม การขยายธุรกิจและจำนวนทีมงาน ทั้งในพื้นที่กรุงเทพมหานครและภูเก็ตในทุกมิติ เพื่อสนับสนุนลูกค้าให้มากกว่าเดิม รวมถึงการขยายทีมพัฒนาธุรกิจ ทีมพัฒนาผลิตภัณฑ์ ทีม Software Developer รวมถึงทีม Engineer และทีม Customer Support
การลงทุนและทดลองในผลิตภัณฑ์หรือธุรกิจใหม่ เพื่อให้ PRIMO มีความพร้อมในการเป็นโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูลลูกค้าในองค์กรต่างๆ และกลายเป็นแพลตฟอร์มที่ทุกๆ บริษัทในประเทศไทยจำเป็นต้องมี พร้อมทั้งสนับสนุนให้ทุกองค์กรหันมาให้ความสำคัญกับการเก็บรวบรวมข้อมูลของลูกค้า และนำข้อมูลลูกค้าเหล่านั้นมาใช้ประโยชน์ให้ได้อย่างเป็นระบบเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า
ขณะที่ คุณนาเดีย สุทธิกุลพานิช Head of Fuchsia Venture Capital (Fuchsia VC) เห็นว่า ยุคดิจิทัลธุรกิจจะถูกขับเคลื่อนด้วยข้อมูล ธุรกิจที่สามารถนำข้อมูลมาวิเคราะห์และสามารถเข้าใจในตัวลูกค้าได้ จะมีความได้เปรียบทางการแข่งขันที่สูงกว่าคู่แข่ง ซึ่ง PRIMO มีเครื่องมือในการช่วยธุรกิจในด้านข้อมูลเหล่านี้ ตั้งแต่ขั้นตอนการจัดเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบ การวิเคราะห์ข้อมูล ไปจนถึงการนำข้อมูลเชิงลึกที่ได้ไปใช้ในด้านการตลาดและบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า PRIMO จึงมีความสำคัญและสามารถเติบโต รวมถึงในอนาคตยังมีบทบาทในการช่วยธุรกิจไทยให้สามารถปรับตัวในยุคดิจิทัลได้ดียิ่งขึ้น
ส่วน คุณธนพงษ์ ณ ระนอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท บีคอน เวนเจอร์ แคปิทัล จำกัด (Beacon VC) เชื่อว่า PRIMO จะช่วยยกระดับขีดความสามารถของผู้ประกอบการไทยในการวิเคราะห์และนำเสนอผลิตภัณฑ์หรือบริการต่างๆ ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น และจากความร่วมมือครั้งนี้ ธนาคารกสิกรไทยในฐานะบริษัทแม่ของ บีคอน เวนเจอร์ แคปิทัล จะสามารถนำเทคโนโลยีจาก PRIMO มาต่อยอดในธุรกิจเพื่อให้เข้าใจและเข้าถึงลูกค้าได้อย่างถูกต้องและแม่นยำมากยิ่งขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้ยังได้ SOSV ซึ่งเป็น 1 ใน VC ระดับ Top 5 ของโลก และ Infinity Technologies VC ที่เป็นผู้ลงทุนใน PRIMO รอบ Pre-Seed มาร่วมลงทุนในรอบนี้อีกด้วย
ด้าน PRIMO มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยเติบโตเฉลี่ย 2 เท่าทุกปี ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา และมีพนักงานเพิ่มขึ้นจาก 18 คนมาเป็น 108 คนในปี 2564 พร้อมให้บริการ Omnichannel Marketing Platform แก่ลูกค้าใน 3 อุตสาหกรรม ทั้งกลุ่มค้าปลีก กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค และกลุ่มธุรกิจการเงิน ไม่ว่าจะเป็นธนาคารหรือประกันประเภทต่างๆ ด้วยจุดแข็งด้านผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการยอมรับ ระบบมีความยืดหยุ่น และเติบโตไปตามแบบที่ลูกค้าต้องการได้ อีกทั้งยังสามารถให้คำปรึกษาลูกค้าอย่างเชี่ยวชาญและกล้าเห็นต่าง ซึ่งสามารถตอบสนองความต้องการทางธุรกิจขององค์กรขนาดใหญ่ได้หลากหลาย ในอนาคต PRIMO ยังมีแผนที่จะขยายธุรกิจไปต่างประเทศอีกด้วย