คอนเซ็ปเช่ารถหรู “เช่าเท่าที่ใช้” ตอบโจทย์ Pain Point ของผู้บริหารยุคใหม่

หากขึ้นชื่อว่าเป็นผู้บริหาร โดยเฉพาะผู้บริหารยุคใหม่ที่ต้องมีความละเอียดอ่อนมากกว่าเดิม ในเรื่องของความ “คุ้มค่า” ด้านการใช้จ่าย จึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งในช่วง Decision making (ช่วงแห่งการตัดสินใจ)

ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นรถประจำตำแหน่งหรือความชื่นชอบส่วนตัว ล้วนแต่เป็น Pain Point ที่ต้องคอยขบคิดเสมอก่อนจะตัดสินใจ ว่ารถก็อยากได้เพราะเป็นสิ่งที่ควรมีไว้ แต่อีกใจหนึ่งพอมองไปถึงเรื่องความคุ้มค่า พร้อมจินตนาการถึงช่วงที่รถติดหรือตอนรถจอดเฉย ๆ แต่ราคากลับตกลงเรื่อย ๆ ต้องทำอย่างไรดี?

ด้วยคอนเซ็ปเช่ารถ “เช่าเท่าที่ใช้” อาจเป็นคำตอบให้กับ Pain Point นี้ได้ งั้นให้ลองจินตนาการตาม ว่าจะซื้อรถหรูซักคันต้องทำอะไรบ้าง แล้วมันคุ้มจริงมั้ย?

จอดไว้เฉย ๆ แต่เงินในบัญชีไม่เฉยตาม

มีเรื่องเล่าต่อกันมา ว่าเจ้าของรถซุปเปอร์คาร์ในกรุงเทพฯ ต้องคอยนำรถสุดโปรด หรือที่หลายคนมักเรียกว่า “ลูกรัก” เพราะขีดข่วนนิดหน่อยถึงกับรู้สึกเจ็บไปถึงหัวใจ! ออกมาวิ่งได้เต็มที่แค่ช่วงเช้ามืด เพราะเป็นเวลาที่ถนนโล่งมากที่สุด ยิ่งพอรวมกับการที่นาน ๆ ทีขับครั้ง แต่ตัวรถยนต์ไม่ได้อยู่ในสภาพใหม่ตลอดเวลา พอคำนึงถึงมุมมองการเงินแล้ว ต้องมีแอบครุ่นคิดกันบ้าง ว่าสรุปแล้วมันคุ้มมั้ย?

สมมุติว่าซื้อ Mercedes-Benz S Class ที่ 7.59 ล้าน ถ้าดาวน์ที่ 30% ก็ปาไปแล้ว 2.27 ล้าน ยังไม่รวมผ่อนอีกเดือนละ 1 แสน เป็นระยะเวลาประมาณ 4-5 ปี รวมแล้วเกิน 8 ล้าน พอนับค่าเสื่อมตามเวลา ที่เมื่อผ่อนหมดราคาก็หดเหลือไม่ถึง 4 ล้าน และมากไปกว่านั้น คือถ้าดูแลไม่ดีหรือมีปัญหาเยอะ ราคาจะลดลงยิ่งกว่านั้นอีกหลายเท่าตัว พอขยับมาเป็นซุปเปอร์คาร์ ยกตัวอย่างเช่น Lamborghini Huracan EVO ที่มีราคาเบา ๆ เพียง 25 ล้านบาท นอกจากจะต้องวางเงินจองหลักล้าน แถมรอ 1-2 ปีกว่ารถจะมาถึง สิ่งที่ต้องคำนึงถึงมากที่สุด ได้แก่ การดูแลบำรุงรักษา ที่อาจใช้เงินมากกว่า 1 ล้าน ต่อปี ทั้ง ๆ ที่โดยเฉลี่ยแล้ว คนใช้ส่วนมากจะอยู่ที่ 2-3 ครั้งต่อเดือน ไม่เกิน 10,000 กิโลเมตรต่อปี

พูดง่าย ๆ ก็คือ เพียงแค่จอดไว้ก็เผาเงินได้ดีเลยทีเดียว และปัจจัยที่ร้ายสุด คือ “ค่าเสื่อม” นั่นเอง เช่น อีกหนึ่งตัวอย่าง Ferrari 488 GTB ในราคาคันละ 27 ล้าน ตกมาที่ 17 ล้านในเวลา 3-4 ปี เท่ากับเงิน 10 ล้านหายไปแล้วต่อหน้าต่อตา

เช่าเท่าที่ใช้ แล้วเอาเงินไปทำอย่างอื่น!

อีกหนึ่งทางเลือกที่เหมาะสมแก่บรรดาผู้ชื่นชอบในรถหรูหรือซุปเปอร์คาร์ คือการเลือกที่จะเช่ารถแทนการซื้อเป็นเจ้าของ คือ “เช่าเท่าที่ใช้”

ส่วนช่วงเวลาที่ “ไม่ได้ใช้” ก็สามารถนำเงินที่มีไปทำอย่างอื่นได้อีกมากมาย หรือลงทุนกับสิ่งที่มีโอกาสทำให้เงิน งอกเงย (appreciate in value) อย่างที่ดินหรือหุ้น ไม่ใช่ตรงกันข้ามที่มี ค่าเสื่อมเป็นหลัก (depreciate in value) เช่น รถยนต์ ที่นับตั้งแต่วินาทีถอยออกจากโชว์รูม เท่ากับราคาตกทันที

แนวคิดนี้ได้ถูกนำมาต่อยอด เพราะใส่ใจที่จะกำจัดปัญหายิบย้อยต่าง ๆ ที่ได้กล่าวไปแล้วในเบื้องต้น ซึ่งคำตอบก็คือการนึกไปถึง customer experience (CX) เลยจริง ๆ ที่ได้สัมผัสถึงปัญหาของผู้ที่มีรถหรูและซุปเปอร์คาร์ ก่อนนำมาวิเคราะห์ให้เห็นถึงปัญหาที่แท้จริง จนกลายเป็นแนวคิดที่ว่า จะใช้ก็ค่อยเช่า พร้อมกับการได้รับ “peace of mind” หรือจิตใจที่สงบสุขไปด้วย เพราะไม่ต้องมัวว้าวุ่นกับปัญหาต่าง ๆ ที่จะตามมาภายหลังครอบครองรถหรูหรือซุปเปอร์คาร์

ดังนั้นแนวคิดเช่าเท่าที่ใช้ จึงเป็นอะไรที่ลงตัวสำหรับผู้ที่มีเทสต์ในรถหรูหรือซุปเปอร์คาร์ อยากขับแต่ไม่อยากผูกมัด และที่สำคัญ สามารถตอบโจทย์ได้ตามอารมณ์ที่ต้องการ กำจัดปัญหารักพี่เสียดายน้องให้อยู่หมัด และอีกปัจจัยที่สำคัญมาก คือการอาศัยอยู่ในกรุงเทพที่รถติดแบบมหาโหด ถ้าเป็นช่วงสิ้นเดือนและฝนตก บอกได้เลยว่าถึงกับขนลุกกันเลยทีเดียว

Prime Cars เช่ารถหรู จะโอกาสไหน ๆ ก็ตอบโจทย์ได้หมด

แบรนด์เช่ารถหรู Prime Cars ได้เข้ามาตอบโจทย์ช่องว่างในใจ ให้รู้สึกเติมเต็มขึ้นมาโดยไม่ต้องกังวลถึงปัญหาจุกจิก ซึ่งรวมไปถึงค่าเสื่อมอีกด้วย เพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมง ทาง Prime Cars ก็นำรถมาส่งให้ถึงที่ และมีให้เช่าตั้งแต่ Mercedes-Benz C-Class หรือ BMW 3 Series ไปจนถึง Mercedes-AMG, Rolls-Royce, Porsche, Ferrari และ Lamborghini

วันไหนอยากดูคูลมาดแมน ฟีลขับแล้วรู้สึกรถหนักแน่นทรงพลัง ก็จัด BMW ได้ อย่างเช่น ออกไปเที่ยวที่เขาใหญ่หรือขับไปพักผ่อนแถวพัทยา ก็ลองเลือก BMW 430i Convertible G23 รถเปิดประทุน หลังคาผ้าใบ ขับรับลมชมวิวกันไปเลย หรือถ้าใครอยากพักผ่อนข้ามจังหวัด เช่น ขับรถแอ่วภาคเหนือที่เชียงใหม่ ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องเส้นทางเลย เพราะด้วยเทคโนโลยีที่มากับ BMW 430i Convertible อย่างพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันพร้อมระบบสร้างแผนที่แบบ Virtual 3D สามารถช่วยพาขับขี่ไปที่ไหนก็ได้พร้อมมอบประสบการณ์ที่ราบรื่น

แน่นอนว่านอกจาก BMW ก็ยังมีตัวเลือกอื่น ๆ ให้ได้ลิ้มลอง เพราะไม่ว่าจะบุคลิกแบบไหน อยากสะท้อนตัวตนอะไรที่บ่งบอกถึงความเป็นตัวเรา ก็สามารถสลับไปมาได้ง่าย ๆ ตามคอนเซ็ปต์ที่ตัวเองต้องการ