สมาคมวิจัยการตลาดแห่ง ประเทศไทย สำรวจความเห็นคนกรุงเทพฯ และปริมณฑลกลุ่มตัวอย่าง 500 คน อายุ 18 ปีขึ้นไป และรายได้ครอบครัวมากกว่า 10,000 บาท ในหัวข้อ “ความคิดเห็นต่อสภาวะเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบัน” ระหว่างวันที่ 19-30 สิงหาคม 2552
พบว่า คนกรุงเทพฯ มีความเชื่อมั่นต่อสภาพเศรษฐกิจลดลงจากการสำรวจครึ่งปีแรก โดยเชื่อมั่นมากและค่อนข้างเชื่อมั่นลดลงจากร้อยละ 31 เหลือร้อยละ 19 แต่มีความมั่นคงในอาชีพมากขึ้น โดยเฉพาะความกังวลในปัญหาว่างงานเริ่มลดลง
สาเหตุที่ความเชื่อมั่นลดลงมาจากภาวะการเมืองที่ไม่มั่นคง ราคาสินค้าปรับขึ้น โดยคนที่มีฐานะปานกลางและต่ำมีความเชื่อมั่นเศรษฐกิจน้อยกว่าคนมีฐานะดี แต่เมื่อเทียบกับช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา คนกรุงเทพฯ มีภาระหนี้ต้องชำระมากขึ้น ขณะที่คนที่เก็บออมเงินลดลง
สำหรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ออกมา พบว่า 70% คนกรุงเทพฯ รับทราบ และเชื่อว่าจะกระตุ้นเศรษฐกิจได้ โดย 3 อันดับแรกที่กลุ่มตัวอย่างรู้จักมากที่สุด ได้แก่ มาตรการเรียนฟรี 15 ปี โครงการธงฟ้าและลดราคาน้ำมันดีเซล 2 บาทต่อลิตร ส่วนประเด็นที่คนกรุงเทพฯ ยังอยากให้รัฐบาลช่วยเหลือ คือ การลดราคาน้ำมัน จัดสวัสดิการในยามเจ็บป่วย และแก้ปัญหายาเสพติด รวมถึงการมั่วสุมของเยาวชน
ผลสำรวจดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจไทยกำลังฟื้นตัวรูปตัวยู หลังพบว่าการใช้จ่ายคนกรุงเทพฯ เริ่มมีมากขึ้น โดยสินค้าที่พร้อมจับจ่ายคือ ทองคำ เพราะถือเป็นการลงทุน นอกจากนี้ ยังมีโทรศัพท์เคลื่อนที่ เครื่องใช้ ไฟฟ้าและรถยนต์ ที่มีความพร้อมจะจับจ่ายมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม การสำรวจทางด้านสังคมพบว่า คนกรุงเทพฯ เครียดมากขึ้น จากปัญหาเศรษฐกิจ ความกังวลในอนาคต และเวลาในการเดินทาง ส่งผลให้เกิดความไม่สมดุลในภาวะการทำงานและการใช้ชีวิตส่วนตัว โดยกลุ่มตัวอย่างอายุ 25-49 ปี มีความเครียดสูงที่สุด เนื่องจากต้องรับภาระของตัวเองและครอบครัว
นอกจากนี้ ยังพบว่าคนกรุงเทพฯ ปรับตัวให้เข้ากับภาวะเศรษฐกิจ โดย 88% ของกลุ่มตัวอย่างซื้อเฉพาะสินค้าที่จำเป็น 29% ลดการรับประทานอาหารนอกบ้าน 36% อยู่กับบ้านมากขึ้น 27% ซื้อสินค้าปริมาณมากเพื่อให้ราคาถูกลง และ 19% ลดค่าใช้จ่ายด้านบันเทิงลง
Source: กรุงเทพธุรกิจออนไลน์