พลิกไปดูข้อมูลถุงยางอนามัย สินค้าที่ช่วงหลังๆ มีการพูดถึงด้วยน้ำเสียงที่ยอมรับมากขึ้น เพราะถือว่ามีความสำคัญถูกยกให้อยู่ในหมวดเครื่องมือแพทย์ ที่ต้องควบคุมอย่างใกล้ชิดจากอย.
เมืองไทยเคยบันทึกเอาไว้ว่าอาจารย์มีชัย วีระไวทยะ อดีตนักแสดงชาวไทย อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นบุคคลมีชื่อเสียงจากบทบาทการรณรงค์การใช้ถุงยางอนามัยสำหรับการคุมกำเนิด และป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โดยเป็นผู้ก่อตั้งสมาคมพัฒนา ประชากรและชุมชน ตั้งแต่ปี 2517 ทำให้คนไทยช่วงนั้นเรียกติดปากว่า “ถุงมีชัย” กันเลยทีเดียว
ตั้งแต่ที่ถุงยางมีชัยโด่งดัง Durex เบอร์ 1 ถุงยางอนามัยในประเทศไทยยังไม่เกิด สมัยนั้นการ Educate เรื่องการท้องก่อนวัยอันควรยังไม่ดัง แต่หลังจากสังคมมีการเปลี่ยนแปลง ประชาชนรู้จักวิธีป้องกันตนเองมากขึ้น โดยเฉพาะปัจจุบันจากข้อมูลพบว่าผู้หญิงซื้อถุงยางมากกว่าผู้ชาย ประกอบกับในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาอุตสาหกรรมผลิต Condom ได้ย้ายฐานผลิตจากยุโรป อเมริกา ด้วยเหตุผลทางด้าน Labor Intensive มาอยู่ที่ประเทศมาเลเซียเป็นส่วนใหญ่ แต่หลังจากมีการปรับเปลี่ยนพื้นที่หันไปปลูกปาล์มมากขึ้น ฐานผลิตขนาดใหญ่จึงย้ายมาไทยและแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จนประเทศไทยกลายเป็น Hubสำหรับสินค้าหมวดนี้ในปัจจุบัน
ปัจจุบันพบว่า Top 4 แบรนด์ถุงยางชั้นนำของโลกล้วนผลิตในประเทศไทยคือ Durex, One Touch, Ansell Lifestyles และ Okamoto
ความเคลื่อนไหวล่าสุดจากตลาดถุงยางอนามัยมีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ เมื่อโรงงานผลิตถุงยางอนามัยรายใหญ่สุดของไทยคือ บมจ. ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ หรือ TNR เข้าสวมสิทธิ์ สวมสัญญา การขายและการผลิต PLAYBOY แบรนด์ถุงยางชื่อดังของอเมริกา โดยจะเป็นผู้ทำตลาดและหาลูกค้าใหม่ทุกประเทศทั่วโลก รวมทั้งโอนสิทธิ์ลูกค้าเก่ามาอยู่ในมือ เพื่อเป้าหมายแย่งแชร์ตลาดถุงยางทั่วโลกขึ้นเป็นเบอร์ 1 ของตลาดให้ได้จาก Durex ที่ครองตลาดมานานสิบกว่าปีโดยเฉพาะตลาดในเมืองไทย
แผนชิงเบอร์ 1 Condom โลก
TNR หรือไทยนิปปอนฯ สร้างดีลระดับโลก ในการซื้อสิทธิ์จาก PLAYBOY Enterprise โดยจะได้รับสิทธิ์เป็น Agent License จาก IMG และ CIA จากอเมริกาอย่างสมบูรณ์ในส่วนของ Condom และ Lubricant หรือเจลหล่อลื่น ซึ่ง PLAYBOY มีหมวดหมู่สินค้ามากกว่า 300 หมวดทั้งเสื้อผ้า เครื่องสำอางค์ น้ำหอม กางเกงใน รองเท้าแตะ ให้สิทธิ์การขายกับ Agent License ระดับโลกต่างๆ ทำให้ TNR เป็นบริษัทรายแรกของไทยที่เข้าถือสิทธิ์ Agent License สินค้าของ PLAYBOY ซึ่งเป็นแบรนด์สินค้าที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก
การให้สิทธิ์กับโรงงานของ TNR โดยตรง ทำให้ United Medical Devices หรือ UMD ที่ได้รับใบอนุญาตจาก PLAYBOY Enterprises และเป็นเจ้าของสิทธิ์เดิมจะได้รับประโยชน์ ซึ่งปัจจุบัน UMD ทำการตลาดอยู่แล้วใน 34 ประเทศ โดยว่าจ้างให้ TNR เป็นผู้ผลิตในรูปของ OEM
ทำให้ต่อจากนี้เป็นต้นไป TNR จะได้รับสิทธิในการขาย และทำการตลาดถุงยางอนามัยและเจลหล่อลื่นภายใต้แบรนด์ PLAYBOY ไปใน 188 ประเทศทั่วโลก ทั้งในฐานะผู้ผลิต ทำการตลาด และเป็นผู้จัดจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียว
คุณอมร ดารารัตนโรจน์ Chief Executive Officer (CEO) บมจ. ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ กล่าวว่า TNR ผู้ผลิตและจำหน่ายถุงยางและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องภายใต้แบรนด์ ONETOUCH(TM) และ Niptex(TM) ได้เข้าซื้อสิทธิ์สัญญาช่วงต่อจาก UMD ที่ได้รับใบอนุญาตจาก PLAYBOY ด้วยงบลงทุน 15 ล้านเหรียญสหรัฐ (471 ล้านบาท) โดยคาดว่าจะให้ผลตอบแทนที่ดีจากการประเมินอัตราผลตอบแทนภายในจากการลงทุน (Internal Rate of Return: IRR) ได้ไม่ต่ำกว่า 15% ซึ่งคำนวณจากฐานลูกค้า 34 ประเทศที่ UMD ทำการตลาดในปัจจุบัน และจะส่งผลดีต่อภาพรวมยอดขายของ TNR คาดการณ์ว่าปี 2561 นี้ยอดขายจะเติบโต 30% จากปีก่อน ที่มียอดขายรวม 1,294 ล้านบาท
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2561 คณะกรรมการบริษัทฯ อนุมัติการซื้อสิทธิ์การขายและทำการตลาด PLAYBOY ต่อจาก UMD โดยว่าจ้าง BakerMckenzie เป็นที่ปรึกษา ทำให้ TNR ได้สิทธิ์การขายในแบรนด์ PLAYBOY ทั่วโลก 10 ปี (และต่อสัญญาอัตโนมัติทุกๆ ปี) จากเดิม TNR เป็นผู้ผลิตถุงยางแบรนด์ PLAYBOY และเป็นตัวแทนจำหน่ายของ UMD ในไทย
“เราผลิตถุงยางและเป็นตัวแทนจำหน่ายให้ PLAYBOY ที่เป็นลูกค้าของ UMD มานาน มองเห็นโอกาสขยายตลาดในระดับโลก จึงขอซื้อสิทธิ์จาก UMD ซึ่งทาง PLAYBOY Enterprises ก็เชื่อมั่น TNR ทั้งคุณภาพการผลิตและการตลาด ทำให้เรามีความแข็งแกร่งมากขึ้นหลังจากได้ PLAYBOY เข้ามาทำตลาดเพิ่ม จากที่มีมี ONETOUCH และ Niptex ซึ่ง PLAYBOY เองก็เป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงชั้นนำระดับโลก มีประวัติศาสตร์ยาวนานเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก ทำให้เราสามารถขยายตลาดต่างประเทศและมียอดขายจากสินค้าที่ผลิตภายใต้แบรนด์ของตนเองเพิ่มขึ้น” คุณอมร กล่าว
การเข้าสวมสิทธิ์แทนที่ UMD ภายใต้สัญญาการอนุญาตให้ใช้สิทธิ์ช่วง (Sub-license Agreement) คาดว่าจะทำให้ TNR ได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนเป็นรายได้ประมาณ 1,500 ล้านบาทสำหรับ 5 ปีแรก (เฉพาะสัดส่วนของบริษัท) รวมทั้งการได้รับสิทธิ์ในการขายและทำการตลาดทั่วโลกกับลูกค้าเดิมตามสัญญาที่ต่อเนื่องจาก UMD ซึ่งจะช่วยให้ TNR มีรายได้และได้รับผลตอบแทนจากการประกอบการมากขึ้น รวมถึงการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับ TNR อีกด้วย
PLAYBOY แมทช์ ลิขสิทธิ์แท้อเมริกา
ดีลมูลค่า 15 ล้านเหรียญจะถูกแบ่งจ่ายเป็น 2 งวดๆ แรกจำนวน 10 ล้านเหรียญและงวดที่ 2 อีก 5 ล้านเหรียญภายใน 1 ปี โดยจะพิจารณาจากผลกำไรที่เกิดจากการขายสินค้า โดยเงินลงทุนจะมาจากเงินทุนหมุนเวียนและเงินกู้ส่วนหนึ่ง อนาคตคาดว่าจะสร้างผลกำไรเพิ่มขึ้นให้กับ TNR จากสัดส่วนรายได้ที่แบ่งเป็น 1. งานประมูล (Tender) 20% 2. รับจ้างผลิต (OEM) 70% และ 3. ธุรกิจผลิตและจำหน่ายถุงยางอนามัยและเจลหล่อลื่น (Own Brand) 10%
CEO ของ TNR กล่าวว่า แผนการตลาดนับจากนี้ได้วางตำแหน่งแบรนด์ PLAYBOY ในต่างประเทศเป็นสินค้าระดับบน One Touch ระดับกลาง-บน และ Niptex เป็นสินค้าระดับกลาง ซึ่งปัจจุบันวางจำหน่ายในประเทศเวียดนาม จากแผนดังกล่าว จะทำให้ TNR มีสินค้าจับตลาดได้หลากหลายเซกเมนต์ หลังจากสัญญากับ UMD เสร็จเรียบร้อย มีแผนจัดทีมด้านงานขายและการตลาด เข้าไปช่วยคู่ค้าในประเทศต่างๆ ที่เปรียบเสมือนพาร์ทเนอร์ ให้การสนับสนุนด้านการตลาด และร่วมกันพัฒนาตลาดอย่างจริงจัง เพื่อเพิ่มยอดขายสินค้าในแต่ละประเทศ
ขณะเดียวกัน ก็วางแผนพัฒนาสินค้าใหม่ภายใต้แบรนด์ PLAYBOY เจาะต่างประเทศ ทั้งถุงยางและเจลหล่อลื่นเพื่อเพิ่มรายได้ ซึ่งยังมีโอกาสทางการตลาดอีกมาก
คุณเกศณี วรรณเกษม Chief Marketing Officer (CMO) TNR กล่าวว่า เราเป็นโรงงานผลิตอยู่ในธุรกิจมา 25 ปี มีประสบการณ์ การเข้าถึงตลาดจะมีมากกว่า UMD ซึ่งเมื่อก่อนจะรับจ้างผลิตให้ UMD ทำตลาดเอง ต่อไปเราจะเป็นผู้เข้าทำตลาดโดยใช้โมเดล One Touch ซึ่งสิบกว่าปีที่ทำ One Touch มาจนสามารถเบียดขึ้นสู่ตลาดได้เป็นอันดับสอง จาก Nobody ขึ้นเป็น Somebody ในตลาด ต่อไป PLAYBOY ก็จะสื่อความเป็น Global ทั้งของตัวเองรวมทั้งแบรนด์ One Touch ไปด้วย ซึ่งต่อไปเราก็จะให้ความสำคัญของทั้งสองแบรนด์ไปพร้อมๆ กัน
“จุดแข็งของเจ้าตลาดคือ ชื่อ และทำมานานกว่า เรามองเรื่องของควอลิตี้และแบรนด์ต้องมาก่อน ถ้าชื่อไม่สำคัญทำไมเราต้องซื้อแบรนด์ PLAYBOY เรื่องของความเชื่อมั่นก็ต้องสร้าง One Touch เราก็สร้างของเราเองจากศูนย์ จาก 15 ปี เรามีส่วนแบ่ง25% ขณะที่ผู้นำลด 51% เพราะฉนั้นภายใน 10 ปีเราว่าเราไหวที่จะขึ้นเป็นเบอร์ 1 ประเทศพัฒนามากขึ้น ปริมาณการใช้ถุงยางก็มากขึ้น จากตัวเลข 3 ปีที่ผ่านมาตัวเลขผู้หญิงซื้อมากกว่าผู้ชาย สังคมมีความทันสมัยขึ้น ปัจจุบันมีการ Educate เรื่องเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร รวมทั้งความรู้เกี่ยวกับโรคต่างๆ ผลเสียจากการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่อันควร”
วัดขุมกำลัง Top 4 บิ๊กเพลเยอร์
การเติบโตในแง่ของจำนวนชิ้นปีที่แล้ว TNR ผลิตได้ 72 ล้านชิ้น ปีนี้เติบโต 15% คาดว่าจะผลิตได้ 85 ล้านชิ้นตามการเติบโตของประเทศ วอลุ่มโดยรวมเติบโตประมาณ 9-10% ส่วนตลาดในประเทศจีนสินค้าของ TNR จะเป็นเบอร์ 5 ของตลาด ด้วยยอดขายประมาณ 200 ล้านบาท เพราะการแข่งขันสูงจากการคลี่คลายของนโยบาย One Child Policy
TNR ใช้เงินไปราว 400 ล้านบาทแลกกับตลาด PLAYBOY ในเกือบ 200 ประเทศ จัดอีเวนท์ครั้งเดียวสามารถทำตลาดได้ทั่วโลก เป้าหมายแรกคือตลาดที่มีขนาดใหญ่อย่างอเมริกา จากนั้นก็จะขยายมาที่เอเชียโยเฉพาะจีน และยุโรป โดยแจ้งตลาดตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่าอาจมีการจัดตั้งบริษัทใหม่เพื่อประโยชน์สูงสุดของบริษัท
แต่ละประเทศจะเชื่อมพาร์ทเนอร์เพื่อสนับสนุน Activity แต่ละประเทศ ใช้กิจกรรม PLAYBOY เป็นตัวส่งเสริมการขาย เช่น ผลิตเสื้อ PLAYBOY ในลาสเวกัส ซึ่งภายในเดือนพฤษภาคมนี้มีแผนที่จะจัดตั้งออฟฟิศในนครลอสแอนเจลีสเพื่อทำตลาดในอเมริกา นอกจากนี้ก็ติดต่อหาตัวแทนวงการคอนซูเมอร์ โมเดิร์นเทรด หรือคอนวีเนี่ยนสโตร์ เพื่อกระจายสินค้า
จึงถือว่าเป็นโอกาสที่ดีที่ TNR เข้าถือสิทธิ์ใน PLAYBOY ซึ่งเป็นสัญญลักษณ์ที่คนทั่วโลกรู้จัก ถึงแม้ว่าจะห่างไกลพอสมควรจากเบอร์ 1 ของโลกสัญชาติอังกฤษอย่าง Durex แต่เมื่อได้แบรนด์ที่ดีเข้าร่วมทำตลาด น่าจะช่วยผลักดันไปได้ดีเพื่อการแข่งขันกับเบอร์ 1 โดยใช้จุดแข็งในการมีฐานโรงงานผลิตเป็นของตัวเองและอยู่ในตลาดต่างประเทศเป็นหลัก ซึ่งที่ผ่านมา 95% เป็นการผลิตเพื่อส่งออก (ขณะที่ตลาดภายในประเทศเล็กมาก) ขณะที่ One Touch ก็ส่งออก 90% ซึ่งฐานการผลิตของ TNR อยู่ที่แหลมฉบังก็เป็นการผลิตแบบ OEM ถึง 80%
เรียกได้ว่าบิ๊กเพลเยอร์ทั้ง 4 แบรนด์ระดับโลกล้วนมีโรงงานผลิตอยู่ในประเทศไทย นั้นคือ Durex (นิคมฯ เวลโก) One Touch (นิคมฯ แหลมฉบัง) Ansell Lifestyles (ใหญ่สุดในอเมริกา-สุราษฏร์ธานี) และ Okamoto (นวนคร)
PLAYBOY สัญลักษณ์ความบันเทิง
“PLAYBOY คือสัญลักษณ์ของความบันเทิง ส่วนตัวแล้วเป็นอะไรที่คู่ควร สัญลักษณ์ของ Sex Symbol เป็นโปร์ดักส์ที่คู่ควรกับเราๆ สนใจมาตั้งแต่เริ่มแรกเพราะ UMD เป็นคู่สัญญาเป็นเพื่อนที่ไว้ใจกัน เมื่อ UMD มอบสัญญาที่มีกับ PLAYBOY Enterprises International, Inc. (“Playboy”) ประเทศสหรัฐฯ ให้กับเรา เราเป็นโรงงานผลิตให้ UMD อยู่แล้ว ความมั่นใจของ PLAYBOY Enterprises ก็เกิดขึ้น” คุณอมร กล่าวย้ำ
PLAYBOY ถือกำเนิดมาตั้งแต่ปี 1953 ปัจจุบันมีอายุครบ 65 ปี ถือเป็นประวัติศาสตร์ที่ยาวนานจนเป็นที่รู้จักระดับโลก เทียบเท่า RED BULL ที่เป็นแบรนด์ระดับโลก จากผลการวิจัยโลโกกระต่าย 97% คนที่เห็นจะรู้แค่เห็นหูกระต่าย ซึ่งเป็น Icon ของงานปาร์ตี้
นอกจากนี้ PLAYBOY ยังมีการพัฒนาให้อินกับคนรุ่นปัจจุบันอยู่เสมอ นั่นคือ ไลฟ์สไตล์วัยรุ่น เซ็กซี่ น่ารัก ทันสมัย จากรุ่นสู่รุ่น ถือเป็นวัฒนธรรมร่วมสมัยของคนทุกชาติ แต่ละ SKU มีความหลากหลายและได้รับความนิยมทุกยุคทุกสมัยอีกด้วย