นอกจากผลกระทบของ COVID-19 จะกระทบต่อธุรกิจ การท่องเที่ยว การส่งออกและการผลิตแล้ว COVID-19 ยังส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันในตลาดโลก ซึ่งจะเห็นได้ว่าในช่วงวิกฤต COVID-19 ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งนั้นเป็นเพราะกลไกการตลาด เมื่อ Demand ลดลงแต่ Supply มากขึ้น ราคาจึงปรับตัวลดลงเพื่อกระตุ้นให้เกิดการใช้ที่มากขึ้น
นอกจากนี้สาเหตุที่ทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวลดลง เป็นผลมาจากความขัดแย้งระหว่างกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ระดับโลกอย่างกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (OPEC) ซึ่งนำทีมโดยประเทศซาอุดิอาระเบีย เป็นกลุ่มที่มีอำนาจตัดสินใจด้านการผลิตและราคาน้ำมันของโลก กับกลุ่มพันธมิตรเดิมที่แตกออกมาเป็นกลุ่มพันธมิตรประเทศผู้ผลิตน้ำมัน (OPEC+) ที่นำทีมโดยรัสเซีย ซึ่งขัดแย้งกันในเรื่องการปรับลดปริมาณการผลิตน้ำมัน
ส่งผลให้ประเทศซาอุดิอาระเบีย ประกาศปรับลดราคาน้ำมันเพื่อตอบโต้กลุ่ม OPEC+ ส่งผลให้ประเทศผู้ผลิตน้ำมันต้องแบกรับต้นทุนที่เพิ่มมากขึ้น ในระหว่างที่เกิดสถานการณ์ COVID-19 ซึ่งภาคธุรกิจจำนวนมากต้องปิดกิจการชั่วคราว ส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันลดลง ล่าสุด รัสเซียและซาอุดิอาระเบียตัวแทนของทั้ง 2 กลุ่มบรรลุข้อตกลงเรื่องปริมาณการลดกำลังการผลิต
โดยข้อสรุปให้มีการลดกำลังการผลิตลง 9.7 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนพฤษภาคมและมิถุนายน เทียบเป็นสัดส่วนประมาณ 10% ของการผลิตน้ำมันทั่วโลก จากนั้นในช่วงเดือนกรกฎาคมไปจนถึงสิ้นปี 2020 จะมีการปรับลดกำลังการผลิตเป็น 7.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน และจะมีการปรับลดกำลังการผลิตในปริมาณ 5.8 ล้านบาร์เรลต่อวันต่อเนื่องอีก 16 เดือน ไปจนถึงปลายเดือนเมษายน 2022
ซึ่งการปรับลดกำลังการผลิตในครั้งนี้ จะช่วยให้ราคาน้ำมันเป็นไปตามกลไกของตลาดและความต้องการของตลาดในช่วงสถานการณ์ COVID-19 และจะช่วยแบ่งเบาภาระต้นทุนของผู้ผลิตน้ำมัน โดยเลขาธิการโอเปกชี้ว่า แผนดังกล่าวเป็นการปรับลดกำลังการผลิตที่มีขนาดใหญ่ที่สุดและยาวนานที่สุดเป็นประวัติศาสตร์ของการผลิตน้ำมันโลก
ขณะที่กลุ่ม OPEC+ จะมีการประชุมอีกครั้งในวันที่ 10 มิถุนายนนี้เพื่อเตรียมแผนรับมือต่อไปในอนาคต ผลจากการปรับลดปริมาณการผลิตน้ำมันนี้ จะส่งผลกระทบต่อผู้ใช้น้ำมัน โดยจะมีแนวโน้มราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น ตามปริมาณการผลิตน้ำมันที่ลดลง
Source: Fox Business, Xinhua
