กางแผนกลยุทธ์ ออฟฟิศเมท ลุย ‘B2B – Omni-channel’ มั่นใจสิ้นปีฟันรายได้ 8,600 ล้าน ครองเบอร์ 1 ต่อ

  • 574
  •  
  •  
  •  
  •  

ปีนี้เป็นปีที่เราเห็นแนวคิดทางธุรกิจที่เน้นการเดินหน้าควบคู่ไปด้วยกันระหว่าง ออฟไลน์และออนไลน์ หรือที่เรียกว่า Omni-channel ธุรกิจหลายแห่งเข้าใจแล้วว่าการเดินไปข้างหน้าโดยมุ่งแต่ออนไลน์เพียงอย่างเดียว หรือออฟไลน์เพียงอย่างเดียวไม่อาจก้าวไปสู่ความสำเร็จได้

เช่นเดียวกับ ออฟฟิศเมท ที่ปีนี้และปีข้างประกาศแผนกลยุทธ์ที่มุ่งไปพร้อมกันทั้งสองทาง ภายใต้คอนเซ็ปต์ Accelerate Growth Beyond Boundaries’ ฉีกกรอบภาพจำอุปกรณ์สำนักงาน เดินเครื่องเต็มกำลังรุกตลาดใหม่ พร้อมแตกไลน์สินค้าใหม่เพื่อตอบโจทย์ 3 กลุ่มธุรกิจใหญ่ มุ่งสู่ความเป็นที่ 1 ในตลาด B2B Business Solutions  ในปี 2561 พร้อมกับตั้งเป้ารายได้รวม 8,600 ล้านบาท พร้อมเติบโต +15% แต่ ออฟฟิศเมท จะมีกลยุทธ์อย่างไรเพื่อให้ก้าวไปถึงจุดนั้นได้ มาอ่านกันค่ะ

officemate1

ลุย 2 กลยุทธ์ผลักดันให้เป็นตามเป้า

1.แตกไลน์สินค้าใหม่ ตอบโจทย์ 3 กลุ่มธุรกิจใหญ่ ในแบบ B2B

สำหรับสินค้าเพื่อประกอบธุรกิจกลุ่มใหม่ในปี 2561 ได้แก่

  • Factory Supplies คือ อุปกรณ์และเครื่องมือเครื่องใช้อุปโภคหมวดสิ้นเปลืองสำหรับธุรกิจโรงงานและอุตสาหกรรม ครอบคลุมความต้องการของโรงงาน อุตสาหกรรม และธุรกิจก่อสร้าง จัดจำหน่ายสินค้าหลากหลายจากคู่ค้ากว่า 80 ราย  รวมแบรนด์ชั้นนำมากกว่า 140 แบรนด์ เช่น เครื่องมือช่าง อุปกรณ์ซ่อมบำรุง อุปกรณ์จราจรความปลอดภัยทั้งในและนอกอาคาร และอุปกรณ์ป้องกันร่างกายตั้งแต่หัวจรดเท้า
  • HORECA Supplies คือ เครื่องมือเครื่องใช้อุปโภคหมวดสิ้นเปลืองและอุปกรณ์เพื่อการประกอบธุรกิจโรงแรมและร้านอาหาร เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า จำพวก เครื่องบันทึกเงินสด เครื่องชงกาแฟ เครื่องทำความร้อน, ชุดเครื่องครัว จาน ชาม แก้ว, เครื่องใช้อุปโภคหมวดสิ้นเปลืองจำพวก Packaging และอุปกรณ์ทำความสะอาด โดยจัดจำหน่ายมากกว่า 150 แบรนด์
  • Medical Supplies & Equipment คือ กลุ่มสินค้าที่เป็นประเภทเครื่องมือเครื่องใช้อุปโภคหมวดสิ้นเปลืองสำหรับสถานพยาบาล สถานบำบัด และคลินิกต่างๆ ซึ่งมีสินค้าใหม่รวมกว่า 10,000 รายการ เพื่อเน้นให้ครอบคลุมความต้องการของกลุ่มธุรกิจเฉพาะทางมากขึ้น ได้แก่ เครื่องมือและอุปกรณ์สิ้นเปลืองในสถานพยาบาลและคลินิก ครอบคลุมความต้องการตั้งแต่สถานพยาบาลขนาดใหญ่ไปจนถึงคลินิกรายย่อย เช่น เครื่องวัดความดัน อุปกรณ์ในห้องพักผู้ป่วย หูฟังแพทย์ เวชภัณฑ์ ถุงมือแพทย์ หน้ากากอนามัย อุปกรณ์ทำแผล สำลี กระดาษ และอุปกรณ์ทำความสะอาด

โดย ออฟฟิศเมท เล็งเห็นการเติบโตของทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจนี้ จึงทำให้ตัดสินใจขยายตลาดเพิ่มเติม พร้อมแตกไลน์สินค้าให้ตรงกับความต้องการของกลุ่มธุรกิจทั้ง 3 กลุ่มในแบบ B2B มากขึ้น

2.ชูจุดแข็ง Omni-channel เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายทุกช่องทางในการจับจ่าย

เน้นการเลือกซื้อสินค้าเพื่อธุรกิจและอุปกรณ์สำนักงานให้ได้ครบจบในที่เดียว ไม่ว่าจะเป็น ช่องทางออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ Officemate.co.th หรือ OfficeMate Mobile App ที่สามารถสั่งซื้อได้ตลอด 24 ชม. หรือที่หน้าร้านออฟฟิศเมทกว่า 80 สาขาทั่วประเทศ หรือ การสั่งซื้อผ่านออฟฟิศเมทคอนแทคเซ็นเตอร์ OfficeMate Contact Center 1281 ที่สามารถให้บริการจัดหาสินค้าเพื่อธุรกิจที่นอกเหนือจากแคตตาล็อก พร้อมขยายเวลาให้บริการผ่านพนักงานคอนแทคเซ็นเตอร์ ได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 8.30 -18.00 น. ไม่เว้นวันหยุดเสาร์อาทิตย์

สร้างประสบการณ์การซื้อของที่ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ เพื่อยกระดับการจับจ่ายให้สะดวกยิ่งขึ้น ปีนี้ออฟฟิศเมทมีแผนเพิ่มความครอบคลุมของร้าน โดยเพิ่มสาขาใหม่อีก 8 สาขา รวมมีร้านออฟฟิศเมทกว่า 80 สาขาทั่วประเทศ พร้อมให้ลูกค้าสัมผัสสินค้าจริงและมีพนักงานคอยแนะนำสินค้าอย่างมืออาชีพ, OfficeMate Contact Center 1281 ที่พร้อมให้บริการตลอดสัปดาห์ ผ่านหมายเลขใหม่ที่สามารถจดจำได้ง่าย “1281”  ใช้เทคโนโลยีระบบมาตรฐานสากลที่สามารถให้บริการลูกค้าแต่ละรายได้อย่างตรงใจมากยิ่งขึ้น, ช่องทางออนไลน์ต่างตามที่กล่าวไปและระบบการสั่งซื้อออนไลน์ OfficeMate e-Procurement ที่ออกแบบตามความต้องการของลูกค้าองค์กรโดยเฉพาะ และปีนี้ออฟฟิศเมทมีแผนพัฒนาปรับปรุง E-Commerce ให้ใช้งานง่าย สะดวก และ  ช้อปสนุกมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ตั้งเป้าเติบโตทางออนไลน์มากกว่า 40% ตั้งยอดขายผ่านช่องทางออนไลน์ 1,800 ล้านบาท

นอกจากนี้ ลูกค้ายังสามารถเลือกรับสินค้าจากออฟฟิศเมท ผ่านบริการจัดส่งฟรี แต่ต้องซื้อสินค้าครบ 499 บาท (*ตามเงื่อนไขที่กำหนด) หรือบริการรับสินค้าที่ร้านออฟฟิศเมทในกรุงเทพและปริมณฑลผ่านบริการ Click & Collect โดยเลือกวิธีชำระเงินได้หลากหลายรูปแบบตามความต้องการ เช่น เครดิตเทอม เงินสด ชำระผ่านบัตรเครดิตกับพนักงานจัดส่ง หรือตัดบัตรเครดิตออนไลน์ นอกจากนี้ลูกค้ายังสามารถติดต่อออฟฟิศเมทผ่านสื่อสังคมออนไลน์ได้อย่างสะดวกที่ Line@ OfficeMate และ OfficeMate Facebook Fan Page

officemate2

วรวุฒิ อุ่นใจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีโอแอล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ที่ผ่านมา ออฟฟิศเมทมีการเติบโตได้ดีอย่างต่อเนื่องทำให้ในปี 2560 มีรายได้รวม 7,521 ล้านบาท เติบโต +7% ซึ่งเป็นผลมาจากการขยายตลาดจับกลุ่มลูกค้า SMEs และได้รับการตอบรับที่ดี โดยยอดขายจากลูกค้า SMEs โตขึ้นถึง 10% จากการเพิ่มสินค้าเพื่อธุรกิจ Business Equipment & Supplies จำพวก เครื่องบันทึกเงินสด เครื่องนับธนบัตร เครื่องสแกนบาร์โค้ด ปริ้นเตอร์ เฟอร์นิเจอร์สำหรับโฮมออฟฟิศและธุรกิจ ทั้งยังเพิ่มบริการที่ตอบโจทย์ผู้ประกอบการรายย่อยอย่าง OfficeMate x Kerry Express บริการรับส่งพัสดุด่วนที่ร้านออฟฟิศเมท ซึ่งมีผู้สนใจมาใช้บริการเติบโตอย่างก้าวกระโดด คิดเป็นสัดส่วนกว่า 7% จากจำนวนลูกค้าของร้านออฟฟิศเมท

“ในปีที่ผ่านมานี้ ออฟฟิศเมทยังได้พัฒนาช่องทางการสั่งซื้อผ่านออนไลน์ตอบรับไลฟ์สไตล์นักธุรกิจยุคดิจิตอล ซึ่งได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องของ Customer Interface & Experience ทั้งเว็บไซต์ Officemate.co.th และ OfficeMate Mobile App ให้มีฟังก์ชั่นการใช้งานที่ทำให้ลูกค้าสะดวกและง่ายในการช้อปปิ้งมากยิ่งขึ้น พร้อมโปรโมชั่นโดนใจและสิทธิพิเศษดีๆ ตลอดทั้งปี ทำให้รายได้ที่มาจากช่องทางออนไลน์เติบโตถึง 46% ทะลุ 1,200 ล้านบาท ในปี 2560 ที่ผ่านมา”

officemate3

วิลาวรรณ ฤกษ์เกรียงไกร  กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจออฟฟิศเมท กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปี 2561   นี้ออฟฟิศเมทตั้งเป้าเติบโต 15% ปักธงรายได้รวม 8,600 ล้านบาท ด้วยแผนงานภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘Accelerate Growth Beyond Boundaries’ มุ่งสร้างการเติบโตโดยการขยายขอบเขตการทำธุรกิจ ด้วยกลยุทธ์หลัก 2 ประการ คือ ได้แก่การแตกไลน์สินค้าครอบคลุมเพิ่มอีก 3 ธุรกิจหลัก ดังที่ได้กล่าวไป และที่สำคัญเลยคือ การจำหน่างสินค้าแบบ ชูจุดขาย Omni-channel เพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ลูกค้าองค์กรและ SMEs ทั่วประเทศ

ในปี 2561 เรายังมุ่งมั่นเพิ่มความครบครันและสร้างความสะดวกในการซื้อสินค้าที่ใช้ในการดำเนินธุรกิจแบบ ‘One Stop Business Solutions’ ให้แก่ลูกค้าปัจจุบันกว่า 500,000 ราย และในขณะเดียวกัน เราต้องการตอบโจทย์การทำธุรกิจเฉพาะทางมากยิ่งขึ้น เพื่อขยายตลาดสู่ฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ คือ ลูกค้ากลุ่มที่ทำธุรกิจโรงงานและอุตสาหกรรมต่างๆ  ลูกค้าที่ทำธุรกิจโรงแรม โฮสเทล หรือร้านอาหาร และ ลูกค้ากลุ่มที่ทำธุรกิจประเภทสถานพยาบาลต่างๆ ซึ่งในประเทศไทยนั้น ลูกค้ากลุ่มธุรกิจดังกล่าวมีจำนวนมาก และมีแนวโน้มเติบโตขึ้น

“จากข้อมูลกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ในปี 2560 มีลูกค้าที่จดทะเบียนใน 3 กลุ่มนี้ ได้แก่  233,000 โรงงาน และ 25,000 โรงแรม/ร้านอาหาร และ 21,000 สถานพยาบาล ออฟฟิศเมทจึงเล็งเห็นโอกาสในการเพิ่มยอดขายจากสินค้าดังกล่าวข้างต้น ซึ่งฐานลูกค้าปัจจุบันของออฟฟิศเมท มีลูกค้าที่เป็นกลุ่มธุรกิจนี้อยู่แล้วกว่า 20% สำหรับกลุ่มลูกค้าโรงงาน, 19% สำหรับกลุ่มลูกค้าโรงแรมร้านอาหาร และ 7% สำหรับลูกค้ากลุ่มสถานพยาบาล ตามลำดับ ทั้งนี้ หากเราสามารถนำเสนอสินค้าใหม่ต่างๆ เหล่านี้ให้แก่ลูกค้าฐานเดิมของเรา ก็จะเป็นการเพิ่มทั้งยอดขายของออฟฟิศเมทและเพิ่มความสะดวกให้แก่ลูกค้าที่สามารถสั่งซื้อสินค้าในหมวดใหม่ๆ นี้ได้ครบครันที่ออฟฟิศเมทที่เดียว”

สร้าง Warehouse ขนาดใหญ่ รองรับการเติบโต

และเพื่อรองรับการเติบโต ในปี 2561 ออฟฟิศเมท เพิ่มมาตรฐานระบบโลจิสติกส์ สร้างคลังสินค้าอัจฉริยะแห่งใหม่มาตรฐานสากล ด้วยงบลงทุนกว่า 1,000 ล้านบาท พื้นที่กว่า 45 ไร่ ที่ถนนสุวินทวงศ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา ภายในคลังสินค้ามีพื้นที่ถึงกว่า 22,000 ตารางเมตร รองรับสินค้าพร้อมส่งมากกว่าเดิมถึง 5 เท่า บริหารคลังสินค้าด้วยเทคโนโลยีญี่ปุ่น ผ่านเครื่องจักรแขนกลอัจฉริยะ ที่นอกจากจะลดต้นทุนแล้วยังทรงประสิทธิภาพอีด้วย นอกจากนี้ ยังบริหารการจัดส่งด้วย Route Planning System ทำให้สินค้าถึงมือคุณอย่างถูกต้อง แม่นยำ และรวดเร็ว พร้อมเปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบกลางปี 2561

และจากกลยุทธ์และแผนงานทั้งหมดที่ ออฟฟิศเมท วางไว้ที่การเติบโต +15% ก็ไม่น่าจะเกินความสามารถ น่าติดตามไม่น้อยเลยทีเดียว.


  • 574
  •  
  •  
  •  
  •  
pigabyte
การเรียนรู้ไม่มีวันจบสิ้น มาเรียนรู้และสนุกไปกับบทความ จาก MarketingOops! กันนะคะ แล้วเราจะได้ค้นพบว่าโลกของ Marketing นั้น So Sexy and Cool!