นอกจากปลาแซลมอนที่เป็นปลายอดนิยมของคนไทยและทั่วโลก ‘ปลาซาบะ’ หรือบางคนเรียกว่าปลาแมคเคอเรล ก็เป็นอีกหนึ่งชนิดที่หลายคนชื่นชอบในรสชาติของมัน ด้วยคุณประโยชน์มากมายของปลาซาบะ จึงมีหลายสถาบันด้านสุขภาพทั่วโลก หนึ่งในนั้นก็คือ สถาบันสุขภาพแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา (NIH) ที่ยกย่องให้ปลาซาบะ เป็นหนึ่งในปลาที่เฮลตี้ที่สุดในโลก ทั้งยังมีความสำคัญต่อการพัฒนาเซลล์ และการพัฒนาของทารกในครรภ์ด้วย แต่เชื่อหรือไม่ว่าต้นกำเนิดของปลาซาบะ คนส่วนใหญ่ยังเข้าใจผิดว่า ซาบะคือปลาที่มาจากประเทศญี่ปุ่น และยังไม่รู้ความจริงอีกหลายอย่างที่น่าสนใจเกี่ยวกับปลา
ทำความรู้จักกับนอร์วีเจียนซาบะ
คนไทยส่วนใหญ่ยังเข้าใจว่า ซาบะเป็นปลาสัญชาติญี่ปุ่นหรือมีแหล่งกำเนิดมาจากญี่ปุ่น แต่ความเป็นจริงคือ ซาบะคุณภาพสูง ส่วนใหญ่มาจากทะเลทางตอนเหนือ ใกล้กับชายฝั่งประเทศนอร์เวย์ ซึ่งเป็นผู้ส่งออกอาหารทะเลรายใหญ่อันดับ 2 ของโลก
รู้หรือไม่ว่า นอร์วีเจียนซาบะ มีอายุได้ถึง 25 ปี ลำตัวยาวได้ถึง 65 เซนติเมตร เมื่อโตเต็มวัยจะหนักได้มากถึง 3.5 กิโลกรัม แต่สำหรับนอร์วีเจียนซาบะที่จับได้ปกติ น้ำหนักตัวจะอยู่ที่ 400-700 กรัม ลำตัวยาว 30-40 เซนติเมตร และมีอายุประมาณ 2.5 ปี ด้วยลักษณะของนอร์วีเจียนซาบะ ซึ่งเป็นปลาที่ว่ายน้ำเร็วเพราะไม่มีกระเพาะปลาซึ่งเป็นถุงบรรจุลมที่ช่วยในการลอยตัว จึงทำให้ต้องว่ายน้ำตลอดเวลาเพื่อไม่ให้จม
นอกจากนี้นอร์วีเจียนซาบะ ถือว่าเป็นปลาที่มองเห็นได้ง่ายเพราะมีสีสันสวยงาม ลำตัววาดลวดลายเป็นริ้วสีเขียวสลับน้ำเงิน และมีแถบไขว้ลายเหมือนเสือโคร่งอยู่ด้านหลัง มีลำตัวกลมและเพรียวบาง ผิวสัมผัสของนอร์วีเจียนซาบะจะค่อนข้างลื่นและเนียน เพราะเกล็ดเล็กๆ ของมัน
‘นอร์เวย์’ บ้านที่ดีที่สุดของปลาซาบะ
อย่างที่เล่าไปว่า ถิ่นกำเนิดของนอร์วีเจียนซาบะมาจากทะเลทางตอนเหนือ ใกล้กับชายฝั่งประเทศนอร์เวย์ซึ่งเป็นผู้ส่งออกอาหารทะเลรายใหญ่เบอร์ 2 ของโลก คงไม่ต้องอธิบายถึงความอุดมสมบูรณ์ของน่านน้ำที่นี่ นอร์เวย์เป็นประเทศแห่งอาหารทะเล ซึ่งสภาพภูมิอากาศ คุณภาพของน้ำทะเลนอร์เวย์ที่เย็นบริสุทธิ์ ฟยอร์ดที่ใสสะอาดจากการก่อตัวของธารน้ำแข็งนานนับพันปี และชายฝั่งทะเลของนอร์เวย์ที่ทอดยาวเป็นระยะทางกว่า 2,500 กิโลเมตรทางตอนใต้ ไปจนถึงละติจูดที่ 70 องศา ซึ่งห่างจากขั้วโลกเหนือเพียง 2,000 กิโลเมตร เท่านั้น และนี่คือสภาพแวดล้อมที่สมบูรณ์แบบสำหรับการเป็นพื้นที่ที่อยู่อาศัยของปลานานาชนิด
ทั้งนี้ ความมีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักทั่วโลกของนอร์วีเจียนซาบะ ไม่ว่าจะเรื่องของรสชาติ ลักษณะของเนื้อที่แน่น ฉ่ำ อร่อย และเต็มไปด้วยสารอาหารที่จำเป็นและมีประโยชน์ ทุกคำที่ทานจึงมีรสชาติสด และเข้มข้น จึงทำให้ความต้องการนอร์วีเจียนซาบะทั้งในญี่ปุ่นและทั่วโลกสูงขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งนอร์วีเจียนซาบะ เป็นซาบะที่มีคุณภาพสูง ตัวจะค่อนข้างใหญ่กว่าซาบะชนิดอื่น ที่เรานิยมทานกันนั้น ไม่ได้มาจากญี่ปุ่นแต่เป็นนอร์วีเจียนซาบะที่นำเข้าจากนอร์เวย์
ปลาซาบะอาจสามารถพบเจอได้ทั่วไปตามมหาสมุทรหลายแห่งเพราะจำพวกปลาทะเลจะว่ายน้ำเป็นระยะทางไกลเพื่ออพยพ ซึ่งพวกมันว่ายน้ำได้เร็วผ่านชายฝั่งและแหล่งน้ำเปิด บ่อยครั้งที่ฝูงปลามีน้ำหนักรวมหลายร้อยตัน แต่สำหรับนอร์วีเจียนซาบะจะไม่เหมือนใคร เพราะสภาพแวดล้อมยังไม่มีที่ไหนเหมือนกับน้ำทะเลที่เย็นและใสสะอาดของนอร์เวย์
นอร์วีเจียนซาบะ คือ แหล่งโปรตีนชั้นเยี่ยม
ลักษณะของนอร์วีเจียนซาบะที่มีคุณภาพแบบโตเต็มวัยจะอุดมไปด้วยสารอาหารที่ครบ นอร์วีเจียนซาบะ 100 กรัมจะมีโปรตีนถึง 18.6 กรัม นอกจากสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย ยังมีกรดไขมันจำเป็นในปริมาณสูง เต็มไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า-3 EPA/DHA โปรตีน และวิตามินดี สามารถช่วยเพิ่มความทนทานและการฟื้นฟูร่างกายหลังออกกำลังกายได้ดี ทั้งยังมีประสิทธิภาพในการซ่อมแซมความสวยของผิว เป็นอีกหนึ่งชนิดปลาที่มีคุณสมบัติไม่แพ้ปลาแซลมอน
เกือบ 50% ของปลาซาบะคุณภาพทั่วโลกมาจากนอร์เวย์
พอพูดถึงเมนูเด่น ๆ ของปลาซาบะที่มีอยู่หลายเมนู โดยเฉพาะปลาซาบะย่างซีอิ้วที่เป็นเมนูยอดนิยมของคนไทย คนญี่ปุ่น คนเกาหลี และอีกหลายประเทศ สำหรับปลาซาบะที่เราเห็นตามร้านอาหารญี่ปุ่นนั้น คนไทยมักจะเข้าใจผิดว่าเป็นปลาซาบะของญี่ปุ่นแท้ๆ แต่ความเป็นจริงคือ ในแต่ละปีญี่ปุ่นเองได้นำเข้านอร์วีเจียนซาบะจากนอร์เวย์กว่าแสนตันต่อปี และไม่ใช่แค่ญี่ปุ่น แต่ประเทศอื่นทั่วโลกก็มีการนำเข้านอร์วีเจียนซาบะด้วย โดยเฉลี่ยต่อปีนอร์เวย์ส่งออกนอร์วีเจียนซาบะไปประเทศอื่นอยู่ที่ประมาณ 45-50% ของการส่งออกปลาซาบะทั้งหมดทั่วโลก
เรียกได้ว่า นอร์วีเจียนซาบะ เป็นปลาที่เป็นที่นิยมมากในตลาดเอเชีย และนอร์เวย์เป็นแหล่งที่มาของซาบะที่มีคุณภาพสูงของโลก
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดของนอร์วีเจียนซาบะ
สภาพความเป็นอยู่ที่เหมาะสมกับฝูงปลาทะเล ผสมผสานกับน้ำทะเลที่ใสสะอาด บวกกับสภาพภูมิอากาศของทะเลทางตอนเหนือที่อยู่ใกล้กับชายฝั่งของประเทศนอร์เวย์ คือบ้านที่ดีที่สุดของนอร์วีเจียนซาบะ
นอกจากปัจจัยของแหล่งที่อยู่อาศัย การจับปลาอย่างถูกต้องและในช่วงเวลาที่ดีที่สุด ล้วนเป็นองค์ประกอบรวมทั้งหมดที่ทำให้เราได้ลิ้มรสชาติของนอร์วีเจียนซาบะที่ดีที่สุด
โดยช่วงเวลาการจับที่ดีที่สุดคือ ระหว่างเดือนกันยายนถึงพฤศจิกายน เพราะเป็นช่วงเวลาที่ปลาจะว่ายน้ำกลับจากพื้นที่ที่เป็นแหล่งอาหารของมันไปยังพื้นที่วางไข่ ซึ่งช่วงเวลานี้เองที่นอร์วีเจียนซาบะจะมีไขมันเยอะที่สุดถึงกว่า 30% ทำให้มีรสชาติดีที่สุด และสารประโยชน์ครบมากที่สุด ซึ่งเนื้อนอร์วีเจียนซาบะที่แน่นไปด้วยไขมันเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้นอร์วีเจียนซาบะมีชื่อเสียงไปทั่วโลก
การประมงที่ยั่งยืน และเรือประมงที่ทันสมัย
อย่างที่บอกไปว่า นอร์เวย์คือประเทศแห่งอาหารทะเล ดังนั้นเศรษฐกิจของนอร์เวย์ที่เชื่อมโยงกับมหาสมุทรแทบจะเป็นเนื้อเดียวกัน โดยชาวนอร์เวย์ให้ความใส่ใจและคำนึงถึงเรื่องห่วงโซ่อาหารที่ยั่งยืนเป็นอันดับแรกๆ ซึ่งหมายถึงการดำรงอยู่ของธรรมชาติเป็นสำคัญ นอร์เวย์เป็นหนึ่งในผู้ผลิตอาหารทะเลเพื่อการพาณิชย์ที่ยั่งยืนที่สุดในโลก
ขณะที่เรือประมงที่ทันสมัยของนอร์เวย์ได้รับการออกแบบมาเพื่อการจับปลาที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด นอร์เวย์ลงทุนในเรื่องของเทคโนโลยีเพื่อรักษาคุณภาพนอร์วีเจียนซาบะ ทั้งอุปกรณ์จับปลา การเคลื่อนย้าย และระบบระบายความร้อนถูกพัฒนาขึ้นเพื่อถนอมปลาระหว่างการขนส่ง เนื่องจากอุตสาหกรรมการประมงของนอร์เวย์มีข้อบังคับให้ปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับความปลอดภัยด้านอาหารของสหภาพยุโรป (EFSA) อย่างเคร่งครัด สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่ https://mackerel.fromnorway.com/
นอร์เวย์ ได้นำเทคโนโลยีในการทำประมงที่ทันสมัยมาใช้ในการจับนอร์วีเจียนซาบะ เช่น
- การคำนวนช่วงเวลาการจับปลาที่ดีที่สุด
- การติดตั้งอวนขนาดใหญ่ไว้ด้านข้างของเรือประมง เพื่อค่อย ๆ ดึงปลาขึ้นจากน้ำทะเล และใช้ปั้มพลังงานสูงในการถ่ายปลามาบนเรือ
- การแช่เย็นปลาที่จับขึ้นมาทันทีเพื่อให้อยู่ที่อุณหภูมิ 0˚c ในเวลาไม่กี่นาที (เพื่อขนส่งปลาจากในน้ำสู่ชายฝั่ง)
- ปั๊มสุญญากาศที่ออกแบบพิเศษเพื่อเร่งกระบวนการขนถ่ายนอร์วีเจียนซาบะออกจากเรือ ไปจนถึงโรงงานผลิต
- ระบบระบายความร้อนเพื่อถนอมปลาระหว่างการขนส่งเพื่อควบคุมคุณภาพปลา
- ระบบตรวจสอบการขนส่งปลาในแต่ละครั้งระหว่างโรงงานผลิตและเรือขนส่ง
จากทะเลทางตอนเหนือใกล้ชายฝั่งของนอร์เวย์ สู่นอร์วีเจียนซาบะในอาหารจานโปรด
ปัจจัยทั้งหมดตั้งแต่ภูมิอากาศ สภาพแวดล้อม การคำนวนช่วงเวลาการทำประมง ไปจนถึงขั้นตอนการขนส่งให้ถึงมือผู้บริโภคทั่วโลก จะทำให้เราเข้าใจว่าวัตถุดิบอาหารที่เราเลือกทานนั้นมาจากทุกความใส่ใจของอุตสาหกรรมประมงนอร์เวย์ อย่างน้อยๆ การซื้อความสบายใจและอิ่มท้องในแต่ละครั้งนั้นจำเป็นต้องรู้เรื่องราวของแหล่งกำเนิดบ้าง ยิ่งในยุคสมัยนี้ที่เทรนด์การบริโภคที่ไม่เบียดเบียนธรรมชาติกำลังมาแรง ดังนั้น การเพิ่มความสุขจากอาหารจานโปรดได้มากขึ้น เราก็ควรเข้าใจถึงคำว่า คุณภาพและวัฏจักรอาหารที่ยั่งยืนไปพร้อมกัน เขาถึงจะเรียกว่า Happy Ending ที่แท้จริง
