Nokia ไม่ได้กลับมา เพราะไม่ได้หายไป? กับเดิมพันครั้งใหม่ บนเป้าหมาย Top Player

  • 568
  •  
  •  
  •  
  •  

nokia-ok

อย่างที่เราทราบกันดีว่า Nokia เคยเป็นเจ้าครองตลาดมือถือทั้งไทยและโลกในอดีต ก่อนที่จะถูก iPhone และ Samsung (รวมถึงอีกหลายเจ้า)มาเขย่าบัลลังก์ครองใจผู้บริโภคแทน หลายครั้งที่ Nokia ลุกขึ้นสู้ โดยยืนหยัดต้านทานด้วยพลังความเป็น Window Phone แต่ก็ยังไม่อาจต้านทานพลังของ iOS และ Android ได้

จนในที่สุด Nokia ก็ตัดสินใจใช้ระบบปฏบัติการ Android เฉกเช่นเพื่อนๆ ในวงการแล้ว และที่สำคัญ Nokia ในส่วนที่เป็นสมาร์ทโฟน ได้แม่ทัพนายกองใหม่ในนาม HMD Global บ้านใหม่ของสมาร์ทโฟนNokia และที่สำคัญก็ประกาศว่า ตลาดไทย คือตลาดที่ตั้งใจจะกลับมาบุกอีกครั้ง ซึ่งเรื่องนี้เราได้รับการยืนยันจาก คุณปาล์มมี่-ธนเดช ช่วงแก้ววิเศษ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เอชเอ็มดี โกลบอล ประเทศไทย

nokia ok2

ทำความรู้จักกับ HMD  

HMD Global มีสโลแกนว่า The Home of Nokia Phonesเป็นบริษัทสัญชาตฟินแลน์ และแน่นอนว่ามีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ฟินแลนด ผู้บริหารส่วนใหญ่ก็เป็นผู้บริหารที่เคยดูแลสมาร์ทโฟนของ Nokia มาก่อน เน้นการทำงานให้มีความเป็น Startup เพราะเชื่อว่ามีความคล่องตัวมากกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับตลาดสมาร์ทโฟนที่มีความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันทำตลาดและวางจำหน่ายอยู่กว่า 40 ประเทศ มี 40 เว็บไซต์ และทำถึง 48 ภาษา ซึ่งรวมทั้งภาษาไทยด้วย

HMD Global ก่อตั้งเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2016 โดยเซ็นสัญญากับ Nokia Technologies บริษัทลูกของ Nokia เพื่อใช้แบรนด์ Nokia สำหรับโทรศัพท์มือถือและแท็บเล็ตเพียงผู้เดียวไปอีก 10 ปี และได้สิทธิบัตรที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีโทรศัพท์มาอีกจำนวนหนึ่งที่สำคัญ ยังซื้อเครื่องหมายการค้า Nokia สำหรับฟีเจอร์โฟนมาจากไมโครซอฟท์ ทำให้แบรนด์ Nokia ในฐานะโทรศัพท์มือถือที่เคยแยกจากกันไปช่วง Nokia ขายธุรกิจโทรศัพท์ให้ไมโครซอฟท์ กลับมารวมกันอีกครั้งใต้ HMD Global และเพิ่งเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นแรกไปได้แก่ Nokia 6

nokia6 ok

สำหรับ Nokia 6 ที่ออกไปก็ได้รับการตอบรับอย่างดีมาก โดยเฉพาะตลาดจีน เพียงแค่เปิดตัวไป 13 วินาทีก็ขายจนหมด และเป็นการขายผ่านระบบ Online เพียงอย่างเดียวอีกด้วย

ตลาดไทย

อย่างที่กล่าวไว้ตอนต้นว่า Nokia ให้ความสำคัญกับตลาดไทยสูงมาก เพราะด้วยความนิยมการใช้สมาร์ทโฟนของไทยที่สูงมาก และที่สำคัญคนไทยยังคงรัก Nokia และยังมีความต้องการใช้ Nokia อยู่

ดังนั้น สิ่งที่บ่งบอกได้ว่า Nokia ให้ความสำคัญกับตลาดไทยนั้น คุณปาล์มมี่ ย้ำว่า อันดับแรกเลย เรามีเว็บไซต์ภาษาไทย 1 ใน 40 เว็บไซต์ที่เราทำขึ้นเพื่อคนไทย ลำดับต่อมาคือ ถ้าเห็นการโปรโมทการถ่ายภาพผ่าน Nokia 8 จะเห็นว่า เรามีการใช้ภาพสถานที่ท่องเที่ยวของไทยด้วย ซึ่งภาพเหล่านี้จะไปปรากฏยังสถานที่ต่างๆ ทั่วโลก ผ่านเว็บไซต์ Global ของเรา

“ที่สำคัญคือ Nokia จะเน้นการทำการตลาด Local มากขึ้น โดยเน้นความเข้าถึงและเข้าใจง่าย”

ส่วนการทำการตลาดที่ผ่านมา

–         เปิดตัว Nokia 3, 5 และ 6 ก็มีการทำแคมเปญแบบร่วมกับ KOL (Key Opinion Leader)

–         เปิดตัว Nokia 8 collaborate กับภาพยนตร์ดัง Justice League มีกลุ่มเป้าหมายเป็นคนรุ่นใหม่ Young Generation

nokia ok1

ปัญหาความหายากของสินค้าและของเลียนแบบ

แม้จะบอกว่า Nokia ให้ความสำคัญกับตลาดไทยสูงมาก แต่ปราฏว่า Nokia 3310 ที่นำกลับมาใหม่ ก็พบปัญหาว่าสินค้าขาดตลาด หายากมาก ที่สำคัญยังพบว่าบางร้าน (ร้านตู้) ก็กลับขายสินค้าเกินราคาบ้าง และหากตรวจสอบดีๆ จะพบว่า เป็นโทรศัพท์หิ้วมาจากประเทศอื่น ซึ่งยังเป็นระบบ 2G ไม่ใช่ 3G

คุณปาล์มมี่ อธิบายว่า ปัญหาคือเราได้มีการแพลนว่าความต้องการของตลาดไทยน่าจะเป็นประมาณเท่านี้ แต่ปรากฏว่าดีมานด์ของไทยเยอะมาก เยอะกว่าที่คาดการ์เอาไว้ ทั้งๆ ที่เรามีก็ช่องทางในการจัดจำหน่ายที่ครบถ้วน ทุก Telco หรือจะเป็นร้านค้าไอทีอื่นๆ เช่น TG FONE  ร้านJaymart Big C ฯลฯ รวมแล้วกว่า 2,500 จุดทั่วประเทศ แต่ต้องเรียนว่าดีมานด์สูงมากจริงๆ ส่วนปัญหาการที่สินค้าซื้อขายกันเกินราคานั้น ก็ต้องบอกว่าเป็นการที่ลูกค้ากับพ่อค้าไปตกลงซื้อขายกันด้วยราคานั้นเอง ไม่ใช่ราคาที่เราตั้งขายไว้

อีกปัญหาคือเรื่องสินค้าเลียนแบบและของปลอม คุณปาล์มมี่ ระบุว่า ข้อสังเกตง่ายๆ Nokia ที่จำหน่ายในไทยล้วนเป็นเครื่องที่รองรับ 3G เครื่องที่เป็น 2G เป็นเครื่องมาจากประเทศอื่น และไม่มีภาษาไทยด้วย ปุ่มกดก็ไม่ใช่ภาษาไทย ดังนั้น สินค้าเหล่านี้จะไม่มีการการันตีคุณภาพจากทางบริษัท ดังนั้น ขอให้ผู้ซื้อชาวไทยตรวจสอบให้เรียบร้อยก่อนซื้อ

เทรนด์ปุ่มกดกลับมาอีกหรือ

จากความนิยมของ Nokia 3310 ทำให้สงสัยว่าเป็นเพราะเหตุใด คุณปาล์มมี่ วิเคราะห์ว่า น่าจะเป็นเพราะยังมีความต้องการการใช้มือถือแบบปุ่มกดอยู่ ยังมีคนกลุ่มที่โหยหาอะไรที่เป็นเรทโทร ต้องการสินค้าที่ตอบสนอง Emotional มากกว่าความต้องการทางด้านเหตุผล

“เราตั้งใจที่จะผลิตมือถือออกมาเพื่อเป็นมือถือสำหรับคนทุกคน เพราะฉะนั้นเราจึงออกมือถือมาหลากหลายมาก”

ดังนั้น เพื่อรองรับกับคนทุกคน HMD จึงวางสัดส่วนไว้ ดังนี้

–         25% เป็นกลุ่ม Hi-End มือถืออยู่ในราคา 19,000-20,000 บาท

–         40% เป็นกลุ่มตลาดที่รองลงมา มือถืออยู่ในราคา 7,000-8,000 บาท

–         35% เป็นกลุ่ม Low-End มือถืออยู่ในราคา 2,000-4,000 บาท

nokia ok3

มือถือทุกรุ่นของ Nokia คือ Pure Android

และดั่งเจตนารมณ์ของการเข้าถึงทุกกลุ่มเป้าหมาย จึงเป็นที่มาของการที่ได้นำระบบ Android มาใช้ และที่สำคัญคือ โทรศัพท์สมาร์ทโฟนของ Nokia ทุกเครื่อง ตั้งแต่ราคาถูกสุดไปแพงสุด เป็น Pure Android ทั้งหมด เช่นเดียวกับ Pixel มือถือในค่าย Google ต้นฉบับของระบบปฏิบัติการ Android อีกด้วย และที่เหนือไปกว่านั้นคือ จะได้รับการอัปเดทระบบ Android พร้อมๆ กับของ Pixel เลย เรียกว่าก่อนเพื่อนๆ มือถือยี่ห้ออื่นที่ใช้ระบบ Android เลยล่ะ

#Bothie สุดยอดฟีเจอร์ ที่ภาคภูมิใจ

Nokia ใช้ Motto กับฟีเจอร์นี้ว่า “ถ่ายเซลฟี่น้อยลง ถ่าย #Bothie มากขึ้น” เป็นฟีเจอร์ลิขสิทธิ์เจ้าเดียวเท่านั้นของ Nokia โดยเปิดตัวครั้งแรกกับ Nokia 8 โดย Bothie (อ่านว่า โบธี้) เป็นการใช้งานกล้องสองตัวถ่ายได้ทั้งด้านหน้าและด้านหลังในรูปแบบวีดีโอ

อย่างไรก็ตาม แม้ Nokia จะบอกว่าไม่แข่งกับการพัฒนาเทคโนโลยีล้ำๆ ใส่มือถือ แต่จะเน้นเฉพาะสิ่งที่จำเป็นกว่าแก่ผู้บริโภค แต่ Nokia ก็แสนภูมิใจกับฟีเจอร์นี้ โดยให้เหตุผลในการพัฒนาออกมาว่า เป็นเพราะเห็นเทรนด์การเพิ่มขึ้นของวิดีโอจากบรรดา Content Creatorทั้งหลาย ซึ่ง Bothie จะช่วยขยายขอบเขตของการสร้างสรรค์ผลงานให้น่าทึ่งยิ่งขึ้นได้ มากกว่าแค่ Selfie เพียงอย่างเดียว ซึ่งจะทำให้ผู้ชมของเหล่าครีเอเตอร์ได้เห็นภาพทั้งสองด้าน ซึ่งฟีเจอร์นี้ยังสามารถลงได้ทั้งใน Facebook และ Youtube พร้อมกันได้เลย อีกทั้งไมค์ยังเป็นแบบเซอร์ราวด์รอบทิศทาง ทำให้สามารถเก็บรายละเอียดของเสียงไดอย่างดีอีกด้วย เหมาะมากกับนักสร้างสรรค์วิดีโอคอนเทนต์

nokia ok4

เป้าหมายและทิศทางในอนาคต

สำหรับเป้าหมายของ Nokia ในการทำตลาดครั้งนี้ คุณปาล์มมี่ระบุว่า ตั้งเป้าที่จะเป็น Top Player ในตลาด Android ในอีก 2-3 ปีนี้ จะเน้นการทำตลาดที่หลายหลาย ทั้ง KOL, PR. และออนไลน์ โดยเน้นความเป็น Local มากขึ้น

“และเชื่อว่าเทรนด์ของสมาร์ทโฟนตั้งแต่ปีนี้ และปีหน้า สิ่งที่จะผู้เล่นทุกคนจะบุกคือ การพัฒนาประสิทธิภาพของกล้องให้ดียิ่งๆ ขึ้น อย่างไรก็ตาม หลายคนบอกว่า Nokia หายไป หรือ Nokia กลับมาแล้ว แต่จริงๆ เรามองว่าเราไม่เคยไปไหน เพราะทุกคนรู้จัก Nokia เป็นอย่างดี การเล่นกับเทคโนโลยีเยอะแยะมากมาย ถามว่ามันตอบโจทย์ผู้ใช้งานจริงหรือ Nokia เราไม่เล่นตามเกมแบบนั้น”

และสุดท้าย บทสนทนาในทุกๆ ครั้งของคุณปาล์มมี่ จะย้ำกับเราเสมอว่า การทำตลาดและการพัฒนาโปรดักส์ต่างๆ ที่ผ่านมา ไม่ได้เป็นการกลับมา ไม่ใช่การคัมแบ็คแต่อย่างใด นั่นเป็นเพราะ “์Nokia ไม่ได้กลับมา เพราะไม่เคยหายไปไหน” 

 

จากนี้ สิ่งที่ Nokia ตั้งเป้าหมายเอาไว้จะสำเร็จหรือไม่ คงต้องมองกันยาวๆ.

Copyright © MarketingOops.com


  • 568
  •  
  •  
  •  
  •  
pigabyte
การเรียนรู้ไม่มีวันจบสิ้น มาเรียนรู้และสนุกไปกับบทความ จาก MarketingOops! กันนะคะ แล้วเราจะได้ค้นพบว่าโลกของ Marketing นั้น So Sexy and Cool!