ในแวดวงเทคโนโลยีคงไม่มีใครไม่รู้จัก Apple โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสมาร์ทโฟนยอดฮิตอย่าง “iPhone” ที่เรียกได้ว่าเข้ามาปฏิวัติอุตสาหกรรมการสื่อสารแบบพลิกโฉมครั้งใหญ่ ตลอดระยะเวลากว่า 17 ปีที่ผ่าน iPhone ถือเป็นแบรนด์ที่ครองใจผู้ใช้งานทั่วโลก แต่ไม่ใช่ในยุคปัจจุบันที่ iPhone กำลังเผชิญความท้าทายจากผู้เล่นรายใหญ่อย่าง Samsung และผูเล่นหน้าใหญ่อย่างแบรนด์ต่างๆ จากจีนที่ขนทัพเทคโนโลยี AI กันแบบเต็มอัตราศึก
iPhone สร้างประวัติศาสตร์ด้วยเทคโนโลยี
ย้อนกลับไปกลางปี 2007 iPhone เปิดตัวครั้งแรกโดยมหาเทพ Steve Jobs ในขณะที่ทั่วโลกยังแลก Pin เพื่อใช้สื่อสารผ่าน BlackBerry ซึ่งความโดดเด่นของ iPhone ในครั้งนั้นคือการเป็นสมาร์ทโฟนที่เป็นแบบ Touch Screen เต็มระบบเครื่องแรก และนำโปรแกรมที่สำคัญต่างๆ ในระบบคอมพิวเตอร์มายัดใส่เครื่องในรูปแบบแอปพลิเคชัน ชนิดที่เรียกว่าใช้สมาร์ทโฟนทำงานแทนคอมพิวเตอร์เลยทีเดียว
ที่สำคัญยังมีพัฒนาระบบปฏิบัติการจาก MacOS มาสู่ iOS ช่วยให้การใช้งาน iPhone ไม่ต่างจากการใช้เครื่อง Macintosh แบบย่อส่วน และอีกหนึ่งจุดเด่นที่สำคัญคือการเชื่อมต่อกับโลกอินเทอร์เน็ตที่แสดงผลออกมาเหมือนคอมพิวเตอร์ในรูปแบบ “เว็บ (Web)” ในขณะที่สมาร์ทโฟนช่วงเวลานั้นยังเข้าสู่อินเทอร์เน็ตผ่านเทคโนโลยีที่เรียกว่า “แวบ (Wab)”
เรียกได้ว่าการมี iPhone หนึ่งเครื่องเทียบเท่าการพกพาคอมพิวเตอร์ทั้งเครื่องไปด้วย สามารถทำงานได้ทุกที่ทุกเวลา เชื่อมต่อกับโลกอินเทอร์เน็ตได้ทุกเมื่อโดยแสดงผลเช่นเดียวกับคอมพิวเตอร์ ด้วยรูปลักษณ์ที่ไม่มีปุ่มกดโดยใช้ระบบ Touch Screen ทำให้เกิดความแตกต่างในตลาด ยิ่งในเวลาต่อมาเมื่อเกิด Social Media ยุคแรกๆ อย่าง Hi5 และ Facebook ยิ่งช่วยให้ iPhone ได้รับความสนใจมากขึ้น
พัฒนาจนถึงจุดเปลี่ยนใหญ่ของ iPhone
ในเวลาต่อมาหลายแบรนด์ต่างพยายามมองหาความแตกต่าง แต่รูปแบบ Touch Screen ก็กลายเป็นเทรนด์ที่ค่ายมือถือทั่วโลกต่างก็พัฒนา จนกระทั่งเมื่อยุคของ 3G มาถึง iPhone ก็ไม่รอช้าที่จะกระโดดเข้าจับสัญญาณ ยิ่งช่วยให้ประสิทธิภาพการใช้งานเพิ่มขึ้นอย่างมาก ควบคู่กับการพัฒนาเทคโนโลยีอื่นๆ ควบคู่อย่าง กล้องถ่ายรูปที่สามารถถ่ายออกมาได้หลากหลายรูปแบบ แอปพลิเคชันใหม่ๆ ที่ช่วยให้ใช้งานได้เพิ่มขึ้น และระบบปฏิบัติการ iOS
รวมไปถึงการพัฒนาระบบ Security อย่างบัญชี iCloud ที่ช่วยให้สามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัย แล้วก็มาถึงจุดเปลี่ยนเมื่อผู้สร้าง iPhone อย่างมหาเทพ Steve Jobs มีอันต้องยุติบทบาทเพราะโรคมะเร็งแล้วกลับขึ้นสวรรค์ในปี 2011 หลังการเปิดตัว iPhone 4S ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่คู่แข่งรายใหญ่อย่าง Samsung ก็เริ่มเปิดตัวสมาร์ทโฟนตระกูล Galaxy และขึ้นมาหายใจรดต้นคอ iPhone ในช่วงระยะเวลาหลายปีต่อมา
การพัฒนาของ iPhone ก็ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการพัฒนาในแง่ของ ecosystem การใช้งาน เพื่อให้เกิดความคล่องตัว แต่คู่แข่งรายใหญ่ก็มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเช่นกัน รวมไปถึงระบบปฏิบัติการคู่แข่ง iOS อย่าง Android ก็พัฒนาระบบอย่างมาก ยังไม่นับรวมกับการเกิดแบรนด์ใหม่ๆ ที่ทรงพลังจากจีนอย่าง Huawei และ Xiaomi ที่ยิ่งพัฒนาก็ยิ่งโต
Siri จุดเริ่มต้นของการแข่งขันด้าน AI
ขณะที่การพัฒนาเทคโนโลยีเน้นไปที่เรื่องของการใช้งานที่หลากหลายและระบบความปลอดภัย เทคโนโลยีอย่าง AI ก็ก้าวเข้ามาและพลังของ AI เริ่มเข้าไปมีส่วนอย่างมากต่อหลายชีวิต ซึ่งในอดีต iPhone เคยได้ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ปฏิวัติเทคโนโลยี โดยเฉพาะการมาของ Siri เทคโนโลยี AI เวอร์ชันแรกที่มหาเทพ Steve Jobs ได้มีโอกาสเปิดตัวก่อนจะกลับสู่สวรรค์ใน iPhone 4S
Siri เป็นเทคโนโลยีที่ Apple ซื้อมาจากผู้พัฒนาในนอร์เวย์ โดยชื่อ Siri เป็นภาษานอร์เวย์ที่แปลว่า สาวงามผู้นำคุณไปสู่ชัยชนะ จากนั้นการพัฒนาเทคโนโลยี AI บนสมาร์ทโฟนก็เริ่มขึ้น โดยในฝั่งของ Android ก็มีการพัฒนา Google Assistant ขณะที่ทาง Samsung เองก็มีการพัฒนาเทคโนโลยีในนาม Bixby ซึ่งความสามารถเทคโนโลยี AI จะขึ้นอยู่กับการใช้งาน หมายความว่ายิ่งใช้งานบ่อย AI จะยิ่งฉลาดมากยิ่งขึ้น
แต่เมื่อดูจำนวนผู้ใช้งานจากทั้ง 3 เทคโนโลยี AI จะพบว่า จำนวนผู้ใช้งาน Android มีจำนวนมากกว่าฝั่ง iPhone ทำให้การเรียนรู้ของ Google Assistant สามารถทำได้ดีกว่าและพัฒนาความฉลาดมากขึ้น ที่สำคัญดูเหมือนว่า Apple จะหันไปพัฒนาระบบ ecosystem มากกว่าการพัฒนาเทคโนโลยี AI ถือเป็นช่องว่างสำคัญที่ทำให้คู่แข่งมองเห็นและหันมาจับเทคโนโลยี AI เต็มรูปแบบอย่าง Samsung AI ยังไม่รวมถึงค่ายจีนที่โดดเด่นเรื่องของเทคโนโลยี AI อยู่แล้ว
จับมือ OpenAI เสริมศักยภาพสู้ศึก AI
ตลอดช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา ยอดขาย iPhone เติบโตในอัตราที่ลดลงอย่างมีนัย ซึ่งเป็นการแย่งส่วนแบ่งตลาดอย่างชัดเจน โดยนักวิเคราะห์ตลาดจากหลายสำนักในต่างประเทศเห็นตรงกันว่า สิ่งที่ iPhone สูญเสียไปคือการนำเสนอเทคโนโลยีใหม่ๆ ขณะที่เทคโนโลยีใหม่ๆ มักจะถูกพัฒนาภายใต้ระบบปฏิบัติการ Android อีกทั้งการเปิดตัวรุ่นใหม่ยังมักจะเปิดตัวในช่วงไตรมาส 3 ของทุกปี แต่ฝั่งคู่แข่งเลื่อนเปิดตัวผลิตภัณฑ์ในช่วงไตรมาสแรกของปี
นั้นจึงทำให้ดูเหมือน iPhone เปิดตัวตามหลังคู่แข่งและทำให้ไม่สามารถดึงความรู้สึก Wow ออกมาได้ และอีกสิ่งที่นักวิเคราะห์มองเห็นตรงกันคือการไม่มีเทคโนโลยี AI ที่กำลังเป็นที่สนใจของผู้ใช้งานทั่วโลก โดยล่าสุด Apple ได้เจรจากับทาง OpenAI ในการใช้งานฟีเจอร์ ChatGPT กับระบบปฏิบัติการ iOS18 ของ Apple ซึ่งอยู่ใน iPhone รุ่นถัดไป รวมไปยังมีการเจรจาเกี่ยวกับการใช้งาน Gemini ของทาง Google อีกด้วย
ที่สำคัญ หาก iPhone เข้าซื้อฟีเจอร์ของ ChatGPT ได้สำเร็จ โอกาสที่ผู้ใช้ iPhone จะได้ใช้บริการ ChatGPT-4O ก็มีโอกาสสูงและจะกลายเป็นอีกครั้งที่ iPhone จะสามารถกลับมาสร้างความ Wow ได้อีกครั้ง
เป็นถือเป็นหนึ่งความเคลื่อนไหวของ Apple ในด้านเทคโนโลยีที่สำคัญ ซึ่งการซื้อฟีเจอร์ของผู้พัฒนารายอื่นเข้ามาใช้จะช่วยให้ Apple สามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องเสียเวลาพัฒนาด้วยตัวเอง แต่ถึงอย่างนั้น Apple ก็ยังมีแผนงานในการพัฒนาชิป AI ของตัวเองอีกด้วย
ถือเป็นความท้าทายอย่างมากของ iPhone หลังจากที่ในอดีตเคยสร้างตำนาน “รายแรก (First Move)” แต่ในปัจจุบันกำลังถูกมองว่าเดินเกมตามหลังคู่แข่ง อาจะถึงเวลาแล้วที่ iPhone จะต้องปรับตัวขนานใหญ่ในการปรับทัศนคติที่มีต่อเทคโนโลยีใหม่ ซึ่งก่อนหน้านี้ Apple เคยออกกฎห้ามพนักงานของ Apple ใช้งาน ChatGPT เนื่องจากเกรงว่าข้อมูลสำคัญจะรั่วไหล
งานนี้ต้องรอดูช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้ว่า iPhone ที่จะมีการเปิดตัวจะสร้างความ Wow ด้านเทคโนโลยี AI ที่เหนือกว่าคู่แข่งหรือไม่ และอาจต้องเตรียมฟีเจอร์เด็ดดวงมาดักคู่แข่งที่จะเปิดตัวในช่วงไตรมาสแรกของปีหน้า โดยเฉพาะในด้านเทคโนโลยี AI ที่ถือเป็นเวทีการแข่งขันครั้งใหม่