ท่ามกลางตลาดรถยนต์ไฟฟ้า 100% (BEV) ในประเทศไทยที่กำลังดุเดือดต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทำให้แบรนด์รถยนต์โดยเฉพาะแบรนด์จากประเทศจีนเร่งส่งรถยนต์รุ่นใหม่ๆ เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง
แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นคือแบรนด์ MG ที่สร้างชื่อด้วยการเป็นผู้บุกเบิกตลาดรถไฟฟ้าที่ครั้งนี้กลับมาสร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยอีกครั้งด้วยรถยนต์ไฟฟ้าระดับ Global EV อย่าง NEW MG4 ELECTRIC รถยนต์ ไฟฟ้า 100% ที่ขับเคลื่อนล้อหลัง และมีเทคโนโลยีใหม่เพื่อการขับขี่ที่สนุกสนาน เร้าใจ เรียกได้ว่าจะเปิดยุคใหม่ของวงการรถยนต์ไฟฟ้าเลยทีเดียว
ล่าสุด MG ประกาศเปิดรับจองผ่านแอพพลิเคชัน MG THAILAND ตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายน 2565 ไปจนถึงวันที่ 29 พฤศจิกายน 2565 เวลา 23.59 น. สำหรับลูกค้าที่ลงทะเบียน และจองเพียง 5,000 บาท รับอุปกรณ์เชื่อมต่อกระแสไฟ V2L มูลค่า 10,000 บาท ก่อนจะมีการเปิดตัวและประกาศราคาอย่างเป็นทางการในงาน THAILAND INTERNATIONAL MOTOR EXPO 2022 วันที่ 30 พฤศจิกายน 2565 ณ บูธ MG เวลา 13.15 น. – 13.25 น.
โอกาสที่ยังเปิดกว้างกับตลาดรถยนต์ไฟฟ้าไทย
เป็นที่ทราบกันดีว่าบริษัทรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นที่เป็นเจ้าตลาดรถยนต์ในประเทศไทยยังคงมุ่งเน้นทำตลาดรถยนต์ไฮบริดจ์เป็นหลัก นั่นจึงเป็นโอกาสให้กับแบรนด์จากประเทศจีนหลั่งไหลกันเข้ามาทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้า 100% ในประเทศไทยกันเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้สิทธิประโยชน์ด้านภาษีตามข้อตกลงอาเซียน-จีน ทำให้ราคารถยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตและนำเข้าจากประเทศจีนสามารถแข่งขันในตลาดได้
แน่นอนว่า MG เล็งเห็นโอกาสในประเทศไทยโดยเฉพาะผลสำรวจจาก ttb analytics ที่ประเมินยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ของไทยในปี 2565 เอาไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นถึง 10,203 คัน หรือขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปี 2564 ถึง 539.7% ที่นับว่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดการณ์ว่ารถยนต์แบรนด์จากประเทศจีนจะครองส่วนแบ่งตลาดรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจาก 58% ในปี 2564 เป็น 80% ในปีนี้ด้วย
สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นส่วนหนึ่งเป็นเพราะเทรนด์ของโลกที่ให้ความสำคัญเรื่องสิ่งแวดล้อมมากขึ้น, สถานการณ์ราคาน้ำมันดิบโลกที่ปรับตัวสูงขึ้น รวมไปถึงนโยบายสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยที่ทำให้ราคารถยนต์ไฟฟ้าเอื้อมถึง ทำให้คนไทยหันมาสนใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้นเป็นทวีคูณ นั่นจึงเป็นโอกาสที่ยังเปิดกว้างสำหรับ MG
ทำไมต้อง NEBULA PURE ELECTRIC
NEW MG4 ELECTRIC เป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% คันแรกที่สร้างบนพื้นฐานใหม่ของ MG อย่าง NEBULA PURE ELECTRIC แพลตฟอร์มที่สามารถรองรับแบตเตอรี่ได้หลากหลายความจุ สามารถใช้กับรถยนต์ หลากหลาย Segment
นอกจากการรองรับรถยนต์ในอนาคตแล้ว ยังเป็นแพลตฟอร์มที่ทำให้รถยนต์ไฟฟ้ามีความปลอดภัยมากขึ้นด้วยการติดตั้งแบตเตอรี่ ให้เสมือนเป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างรถยนต์ทำให้โมดูลได้รับการปกป้องมากขึ้น
รถไฟฟ้าขับเคลื่อนล้อหลัง
การพลิกโฉมวงการยานยนต์ไฟฟ้าของ MG ด้วยการนำเสนอรถไฟฟ้าที่มีระบบขับเคลื่อนล้อหลัง ซึ่งจะช่วยเสริมประสิทธิภาพในการส่งกำลังให้ดีขึ้น ออกแบบให้มีการกระจายน้ำหนักแบบ 50:50 และมีศูนย์ถ่วงต่ำเพียง 117 มม. สร้างสมดุลให้ตัวรถมากขึ้น ช่วยให้การขับขี่รถไฟฟ้าสนุกสนาน เร้าใจ ได้มากขึ้น และเมื่อบวกกับช่วงล่างแบบอิสระ 4 ล้อ และระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระ แมคเฟอร์สันสตรัท ส่วนด้านหลังเป็นแบบอิสระ 5-Link Suspension จะได้ความนุ่มนวลในการโดยสารควบคู่มาด้วย
รถไฟฟ้า C Segment ที่กว้างขวาง และคล่องตัว
MG4 มีมิติตัวรถยาว 4,287 มม. กว้าง 1,836 มม. สูง 1,516 มม. มีระยะฐานล้อยาวถึง 2,705 มม. จัดอยู่ในกลุ่ม C Segment โดยมีขนาดที่ใกล้เคียงกับ ORA Good Cat คู่แข่งจากค่าย GWM ยกเว้นระยะห่างระหว่างล้อคู่หน้า 1,552 มม. ที่ถือว่ากว้างพอสมควร ข้อดีคือเพิ่มการยึดเกาะถนน ลดโอกาสการพลิกคว่ำลงได้ ผนวกกับมี Overhang ที่สั้น ความคล่องตัวในการเลี้ยว เข้าโค้ง จึงสูงมาก ด้วยรัศมีวงเลี้ยวแค่ 5.3 ม. เท่านั้น ซึ่งก็ตอบโจทย์การขับขี่บนถนนเมืองไทย
ภายนอกดีไซน์โดดเด่น และภายในที่เน้นความ MINIMAL
ลุคภายนอกที่มองมุมไหน…ก็ไม่เหมือนรถไฟฟ้า มีความ Stylish รอบคันสูงมาก กระจังหน้าแอบคล้ายจมูกฉลาม มาพร้อมกับไฟหน้า LED ทรงเรียว มีไฟ Daytime Running Light ขนาบข้าง ส่วนไฟท้ายจะออกแบบมาในรูปทรงตัว Y พร้อมกับไฟ LED ที่ฝังลวดลาย ทอดยาวยาวตั้งแต่ซ้ายจรดขวาแบบเดียวกับรถยนต์หรู สปอยเลอร์หลังที่ดูแปลกตาเป็นแบบ TWIN ARROW WING แยกอิสระสองฝั่ง มีช่องวางตรงกลางสำหรับ Aero Dynamic ที่ดีขึ้น เรียกได้ว่าการออกแบบมีเส้นสายที่แข็งแกร่ง ดุดัน มีความสปอร์ตขั้นสุด ส่วนล้ออัลลอยด์ที่ให้มามีขนาด 17 นิ้ว
NEW MG4 ELECTRIC มี 2 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่น D และรุ่น X มีสีตัวถังให้เลือกถึง 5 สี คือ สีฟ้า (Brighton Blue) สีดำ (Black Knight) สีแดง (Scarlet Red) สีเทา (Andes Grey) และสีขาว (Arctic White) ตกแต่งภายในด้วยสีดำ (Black) ในรุ่น D และสไตล์ทูโทนเทา-ดำ (Grey & Black) ในรุ่น X
ในส่วนของดีไซน์ภายในมีความ MINIMAL แต่กว้างขวาง เรียบง่าย และมีความทันสมัย แบบลอยตัวที่กึ่งกลางคอนโซล ขณะที่เกียร์เป็นเกียร์ไฟฟ้าแบบปุ่มหมุน นอกจากนี้ยังมีพื้นที่สำหรับชาร์จสมาร์ทโฟนไร้สาย มีช่องเชื่อมต่อทั้ง USB TYPE A และ C รองรับการเชื่อมต่อมัลติมีเดีย Apple CarPlay และ สมาร์ทโฟนระบบ Android Auto เบาะนั่งด้านหลังพนักพิง ปรับ 60:40
เทคโนโลยีความปลอดภัย
ในส่วนของเทคโนโลยีความปลอดภัย จะมาพร้อมกับระบบเทคโนโลยีความปลอดภัยมาตรฐานยุโรปรอบคันสูงสุดถึง 26 ระบบ ความพิเศษของระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ i-SMART หากดาวน์โหลดแอพพลิเคชัน MG THAILAND ก็จะสามารถใช้งานฟังก์ชัน “ระบบตรวจสอบแบตเตอรี่ หรือ BATTERY DOCTOR” ทำหน้าที่ตรวจสอบสภาพแบตเตอรี่จากพฤติกรรมการใช้รถ วิเคราะห์ ให้คำแนะนำกับเจ้าของรถ เพื่อยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ มีการประเมิณให้คะแนนแบตเตอรี่แบบ REALTIME
อีกหนึ่งเทคโนโลยีที่มักจะเจอในรถไฟฟ้าโดย MG ใช้ชื่อ INTELLIGENT SMART ACCESS ที่เมื่อผู้ขับขี่ อยู่ในตำแหน่งคนขับ ปิดประตูให้สนิททุกบาน และกุญแจรถอยู่ภายในห้องโดยสาร เพียงเหยียบเบรก ระบบต่าง ๆ จะเริ่มทำงาน รถก็จะพร้อมออกเดินทางสู่โลกกว้าง ส่วนการดับรถก็ง่ายเพียงกดล็อกรถ เครื่องยนต์ก็จะดับโดยอัตโนมัติเช่นกัน ใช้ควบคู่กับฟังก์ชันกุญแจดิจิตอล กลายเป็นความสะดวกสบายที่เพิ่มเติมเข้ามาในรถรุ่นนี้
รวมไปถึงมี V2L จ่ายพลังงานไฟฟ้าให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าภายนอกได้ ที่กลายเป็นฟังก์ชันพื้นฐานของรถไฟฟ้าในปัจจุบัน
การเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้าในปัจจุบัน ก็เริ่มจะไม่ต่างจากการเลือกซื้อ Gadget สักชิ้น สำหรับผู้ที่กำลังวางแผนซื้อรถคันใหม่ นับเป็นช่วงเวลาที่ดีในการเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้า ด้วยสถานีชาร์จรถไฟฟ้าสาธารณะที่มีจุดบริการเยอะขึ้น อย่างสถานี MG Super Charge ที่ปัจจุบันมีมากถึง 128 แห่ง หรือในทุก ๆ 150 กิโลเมตร และยังมีสถานีชาร์จของภาคเอกชนอื่นๆ อีกหลากหลายแบรนด์ให้บริการ ซึ่งก็น่าจะคลายความกังวลเรื่องจุดชาร์จไปได้ ผนวกกับตัวเลขระยะทางที่วิ่งได้สูงสุด 425 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ก็ถือว่าเป็นตัวเลขที่ดูดีเลยทีเดียว ส่วนขุมพลังจากมอเตอร์ไฟฟ้า 170 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตัน-เมตร
แบตเตอรี่ของ NEW MG4 ELECTRIC มีความจุ 51 กิโลวัตต์-ชั่วโมง มีมาตรฐานความปลอดภัย IP67 ในการป้องกันน้ำและฝุ่น วิ่งระยะทางสูงสุด 425 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC
ข้อมูลเกี่ยวกับการชาร์จ
สำหรับการชาร์จแบบ QUICK CHARGE ชาร์จไฟฟ้าจาก 10% – 80% ใช้เวลาประมาณ 35 นาที ที่ความเร็วสูงสุด 88 กิโลวัตต์-ชั่วโมง ส่วนการชาร์จแบบ NORMAL CHARGE ผ่าน MG HOME CHARGER 0% – 100% ใช้เวลาประมาณ 8 ชั่วโมง 30 นาที ที่ 6.6 กิโลวัตต์-ชั่วโมง โดยระยะเวลาในการชาร์จ ขึ้นอยู่กับระดับแบตเตอรี่คงเหลือและกำลังของเครื่องอัดประจุไฟฟ้า
นั่นก็คือกลยุทธ์ของ MG ที่ไม่หยุดแค่การเป็นอันดับ 1 ในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า 100% ในไทยเท่านั้นแต่จะเป็นผู้นำในการเปิดยุคใหม่ ด้วยแนวทางนำเสนอเทคโนโลยีใหม่ ซึ่งย่างก้าวนี้จะทำให้ MG ยังครองตำแหน่งครองตลาดรถยนต์ไฟฟ้า 100% ในไทยเอาไว้ได้ต่อไปหรือไม่ก็คงต้องติดตาม
ใครที่สนใจจอง NEW MG4 ELECTRIC สามารถดาวน์โหลด แอพพลิเคชัน MG THAILAND ได้เลย
สำหรับ iOS https://apps.apple.com/th/app/mg-thailand/id1614430167
สำหรับ Google Play Store https://play.google.com/store/apps/details?id=com.saicmotor.ismartthai