เวลานี้แพลตฟอร์ม “Streaming” กลายเป็นสมรภูมิทะเลเลือด! ที่ใครๆ ก็อยากเข้ามาแข่งขันในธุรกิจนี้ เพราะเป็นแพลตฟอร์มที่สามารถต่อยอดได้อีกมหาศาล ทั้งจากคอนเทนต์ และการสร้างฐานสมาชิก จนสามารถเปลี่ยนพฤติกรรมการรับชมความบันเทิงของผู้คนทั่วโลก และเขย่าอุตสาหกรรมบันเทิง ทั้งในตลาดโลก และตลาดท้องถิ่นที่ Streaming รายนั้นๆ เข้าไปบุกตลาด
อย่างคู่แข่งรายใหม่ แต่เป็นยักษ์ใหญ่ระดับโลกที่ประกาศสู้ศึก “Streaming” เต็มตัว และเตรียมเปิดตัวภายในปีนี้ คือ “Apple TV+” และ “Disney+” วางแผนเปิดให้บริการช่วงปลายปี 2019
ล่าสุด “Disney+” ออกมาเผยคอนเทนต์ และค่าบริการที่ดึงดูดให้สมัครสมาชิก ในราคา 6.99 เหรียญสหรัฐต่อเดือน หรือกว่า 220 บาท เรียกได้ว่า “ตัดราคา” ผู้ที่อยู่มาก่อนอย่าง “Netflix” ที่ราคาแพ็คเกจมาตรฐานอยู่ที่ 12.99 เหรียญสหรัฐต่อเดือน!!
คู่แข่งเยอะ แต่โอกาสยังมีอีกมหาศาล
การแถลงผลประกอบการไตรมาส 1/2019 ผู้บริหาร “Netflix” ได้กล่าวถึงการเปิดตัวบริการ Video Streaming ของ Apple และ Disney เมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า จะไม่กระทบกับการเติบโตของบริษัท เนื่องจากว่ายังมีโอกาสอีกมหาศาลในด้านความต้องการรับชมทีวี และภาพยนตร์ที่มีคุณภาพ ซึ่ง Netflix สามารถตอบสนองสัดส่วนเพียงเล็กน้อยของความต้องการนั้น
เช่น ในสหรัฐอเมริกา ชั่วโมงการชม TV Streaming ของ “Netflix” คิดเป็นเพียงประมาณร้อยละ 10 ของการดูทีวีทั้งหมดเท่านั้น และ Sandvine ประเมินว่า การชม Netflix ผ่านอุปกรณ์อินเทอร์เน็ตเคลื่อนที่ทั่วโลกคิดเป็นเพียงร้อยละ 2 เท่านั้น
นั่นหมายความว่า Netflix ยังมีโอกาสในการเติบโตอีกมากในหลายประเทศผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ต่าง ๆ เช่น โทรศัพท์มือถือ
ไตรมาสแรก ’19 โกยรายได้ 4.5 พันล้านเหรียญ – ซีรีย์เกาหลี “Kingdom” มาแรงทั่วเอเชีย!
Netflix รายงานรายได้และข้อมูลสำคัญประจำไตรมาสแรกปี 2562 ว่าทำรายได้ได้กว่า 4.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ และมีผู้ที่สมัครชำระค่าบริการทั่วโลกถึง 148 ล้านสมาชิก โดยในไตรมาสนี้มีสมาชิกเพิ่มขึ้นมากเป็นประวัติการณ์ถึง 9.6 ล้านสมาชิก หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 16 จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว (เป็นสมาชิกในสหรัฐอเมริกา 1.74 ล้านสมาชิก และ 7.86 ล้านสมาชิกในประเทศอื่นๆ)
ขณะที่ผลสำเร็จของ “คอนเทนต์” ในไตรมาสแรก มีดังนี้
– เนื้อหาจากประเทศต่างๆ ได้รับความนิยมทั้งในประเทศเจ้าของเนื้อหาและในต่างประเทศ เช่น ซีรีส์เกาหลี Kingdom เป็นซีรีส์ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดตั้งแต่ซีซั่นแรกในประเทศเกาหลีและยังเป็นซีรี่ส์ที่ถูกใจผู้ชมนับล้านนอกประเทศเกาหลี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทวีปเอเชีย
– มีสมาชิกทั้งครัวเรือนจำนวนถึง 45 ล้านครอบครัวที่ชมซีรีส์เรื่อง Umbrella Academy ภายในสี่สัปดาห์แรกที่เปิดให้ชม
– ภาพยนตร์แอ็คชั่น Triple Frontier นำแสดงโดย เบน แอฟเฟล็ก มีผู้ชมถึง 52 ล้านครอบครัวในช่วงสี่สัปดาห์แรกที่นำออกฉาย
– The Highwaymen นำแสดงโดย เควิน คอสต์เนอร์ และ วูดดี แฮร์เรลสัน มีผู้ชม 40 ล้านครอบครัวในเดือนแรกตามที่คาดการณ์ไว้
– สารคดีธรรมชาติ เรื่อง Our Planet ก็กำลังจะขึ้นเป็นอันดับหนึ่งในซีรีส์สารคดีระดับโลกที่ประสบความสำเร็จที่สุดของ Netflix ที่คาดว่าจะมีจำนวนผู้ชมมากกว่า 25 ล้านครัวเรือนภายในเดือนแรกที่เปิดตัว
– ซีรีส์ใหม่แนวอินเทอร์แอคทีฟที่ให้ผู้ชมมีส่วนร่วม เรื่อง You vs Wild จะดึงดูดผู้ชมราว 25 ล้านคนให้ร่วมสนุกภายใน 28 วันแรกหลังจากการเปิดตัว
– เมื่อปีที่แล้ว Netflix เป็นเน็ตเวิร์กที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Emmys มากที่สุด และเป็นสตูดิโอที่ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์มากเป็นอันดับสอง และได้รับรางวัลมากที่สุดทั้ง Emmys และออสการ์ รวมถึงรางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมโดย อัลฟอนโซ คัวรอน (Alfonso Cuarón) และรางวัลกำกับภาพยอดเยี่ยมจากเรื่อง Roma ซึ่งชนะรางวัลภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยมอีกด้วย
– เพื่อให้ผู้บริโภคสมัครเป็นสมาชิก Netflix ได้ง่ายขึ้น จึงร่วมมือกับผู้ให้บริการระบบต่างๆ 10 รายทั่วโลก
คาดครึ่งปีแรก 2019 สมาชิกเพิ่ม 14.6 ล้านราย
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในไตรมาส 2 จะทำการทดลองระบบ Top 10 lists สำหรับคอนเทนต์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดประจำสัปดาห์เพื่อช่วยให้ผู้ชมตัดสินใจเลือกชมได้ง่ายขึ้นโดยดูจากภาพยนตร์ที่คนอื่น ๆ กำลังชมกันอยู่ โดยจะเริ่มทดลองกับบริการในเขตสหราชอาณาจักรเป็นที่แรก
ขณะที่รายได้ คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 4.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ และคาดว่าทั้งครึ่งปีแรกของปีนี้ จะมีสมาชิกใหม่เพิ่มขึ้น 14.6 ล้านราย เติบโต 7% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว