เนสท์เล่เป็นบริษัทผู้ผลิตอาหารอันดับ 1 ของโลก มีผลิตภัณฑ์และแบรนด์ในเครืออยู่มากมาย ถ้าของบริษัทโดยตรงก็ราวๆ 84 แบรนด์ ยังไม่นับแบรนด์ย่อยในอุตสาหกรรมอื่นๆ เนสท์เล่ให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และศึกษาความต้องการของผู้คนที่เปลี่ยนแปลงไปและโภชนาการที่เหมาะสมกับผู้บริโภค
ทีนี้ลองมาดูสถานะของเนสท์เล่ ในปัจจุบันกัน Forbes1 ให้ข้อมูลอัพเดทล่าสุดว่า เนสท์เล่มีมูลค่าตลาดสูงถึง 235.7 พันล้านเหรียญ, ยอดขาย 92.21 พันล้านเหรียญ, กำไร 9.4 พันล้านเหรียญ, มูลค่าทรัพย์สิน 123.9 พันล้านเหรียญ, จำนวนพนักงานทั่วโลกกว่า 335,000 คน บริษัทแม่เนสท์เล่ตั้งอยู่ Vevey สวิตเซอร์แลนด์
ดังนั้นยอดขายอันดับ 1 ของไมโลจึงไม่ได้มาเพราะโชคช่วย เพราะไมโลเป็นผลิตภัณฑ์ ที่เนสท์เล่ให้การสนับสนุนด้านการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง การพัฒนาผลิตภัณฑ์ ไมโล เป็นไปตามมาตรฐานโภชนาการของเนสท์เล่อย่างเข้มงวด เพื่อคุณค่าโภชนาการที่เหมาะสมมากยิ่งขึ้นกับความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบัน และไม่ใช่แค่คุณประโยชน์ แต่ยังมีการวิจัยความต้องการด้านรสชาติของผู้บริโภคในแต่ละประเทศ รวมถึงการศึกษาแนวคิดในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกสู่ตลาดอีกด้วย
กว่า 82 ปีมาแล้วที่ไมโลได้เสริมสร้างคุณประโยชน์แก่ร่างกายให้ผู้คนมากมาย และมีจำหน่ายในกว่า 40 ประเทศทั่วโลก และคุณเชื่อไหมว่าในแต่ละวัน มีผู้บริโภคทั่วโลกดื่มไมโลวันละ 31 ล้านแก้ว หรือเท่ากับ 307 แก้วต่อวินาที ซึ่งปริมาณของไมโลที่ผลิตทั่วโลกในแต่ละปีนั้น มีน้ำหนักเท่ากับหอคอยไอเฟล 20 หอรวมกัน สิ่งเหล่านี้เป็น Facts จากแบรนด์ใกล้ตัวที่มีประวัติอันน่าทึ่ง ซึ่งกว่าจะเดินทางมาถึงวันนี้ได้ ไมโลมีเส้นทางความเป็นมาอย่างไร เราไปเริ่มกันที่ต้นกำเนิดของไมโลกันได้เลย
ต้นกำเนิดเครื่องดื่มช็อกโกแลตยอดนิยม
ไมโลถูกคิดค้นและพัฒนาขึ้นเป็นครั้งแรกในปี ค.ศ.1934ที่ประเทศออสเตรเลียโดย ‘โทมัส เมน’ นักวิจัยของเนสท์เล่ ด้วยความมุ่งหวังที่จะผลิตเครื่องดื่มที่มีคุณค่าทางสารอาหารให้กับเด็ก ๆ ในยุคนั้นซึ่งกำลังอยู่ในช่วงที่เศรษฐกิจถดถอย ประชาชนต้องเผชิญสภาวะข้าวยากหมากแพง จึงทำให้เกิดภาวะขาดสารอาหารและนับตั้งแต่วันแรกที่ไมโลถูกคิดค้นขึ้น ไมโลก็ถูกกำหนดให้เป็นเครื่องดื่มที่มีคุณค่าโภชนาการและให้พลังงานแก่ร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ และด้วยรสชาติที่กลมกล่อม อร่อยถูกปากเด็กๆและทุกคนในครอบครัว ไมโลจึงได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายและรวดเร็ว
เรามักจะได้เห็นภาพของการแข่งกีฬาชนิดต่างๆมาพร้อมกับไมโล ซึ่งเป็นการสื่อถึงคุณสมบัติหลักของผลิตภัณฑ์ได้อย่างชัดเจน ส่วนชื่อของผลิตภัณฑ์ไมโลนั้นถูกตั้งตามชื่อของนักกีฬากรีกในตำนาน ผู้ซึ่งมีความเชื่อว่าการแบกลูกวัวไว้บนบ่าทุกวันจะทำให้วันหนึ่งเขาสามารถแบกวัวที่โตเต็มวัยได้
‘โทมัส เมน’ผู้คิดค้นสูตร เขารักและชอบในรสชาติของไมโลเป็นอย่างมาก กล่าวกันว่าเขาดื่มไมโลทุกวัน เรื่อยมาจนปีสุดท้ายในวัยอายุ 91 ปี นับว่าเป็นชายชราที่อายุยืนไม่น้อยเลยทีเดียว
‘โปรโตมอลต์’ขุมพลังพิเศษที่หาไม่ได้จากแบรนด์อื่น
ตามที่เราได้กล่าวไปข้างต้นว่า ‘นับตั้งแต่วันแรกที่ไมโลถูกคิดค้นขึ้น ไมโลก็ถูกกำหนดให้เป็นเครื่องดื่มที่มีคุณค่าโภชนาการและให้พลังงานแก่ร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ’ นั่นไม่ใช่คำกล่าวเกินจริง เพราะส่วนผสมที่นำมาใช้ผลิตไมโลล้วนแล้วแต่เป็นส่วนผสมที่มีคุณประโยชน์ต่อร่างกาย นับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันไมโลทุกๆแก้วที่คุณดื่ม ล้วนมีส่วนผสมพื้นฐานที่เหมือนกัน ได้แก่ มอลต์สกัดจากข้าวบาร์เล่ย์ นม โกโก้ น้ำตาล วิตามินและแร่ธาตุ
แล้ว โปรโตมอลต์ ทำให้ไมโลแตกต่างจากเครื่องดื่มช็อกโกแล็ตอื่นๆอย่างไร?
มอลต์ คือสารสกัดจากข้าวบาร์เล่ย์ให้รสชาติอร่อยและกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ มีประโยชน์ต่อร่างกายเพราะมอลต์ให้กลูโคสและมอลโตส ซึ่งเป็นแหล่งของพลังงานที่ร่างกายสามารถนำไปใช้ได้ นอกจากนี้มอลต์ยังมีคุณค่าทางสารอาหารที่น้ำตาลไม่สามารถให้ได้ เช่น วิตามิน แร่ธาตุ รวมถึงโพลีฟีนอล ซึ่งเนสท์เล่มีกระบวนการสกัดมอลต์จากข้าวบาร์เล่ย์ซึ่งเป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของเนสท์เล่สวิสเซอร์แลนด์ ทำให้มอลต์ที่สกัดได้มีสัดส่วนโครงสร้างของน้ำตาลที่แตกต่างจากมอลต์ทั่วไป มอลต์ที่ผ่านกระบวนการสกัดแบบพิเศษนี้เรียกว่าโปรโตมอลต์
โปรโตมอลต์ นี่แหละที่เป็นส่วนผสมพิเศษที่เป็นเสมือนขุมพลังของไมโล และให้สิ่งที่มอลต์ทั่วไปไม่สามารถให้ได้ หากจะพูดในเชิงวิชาการหน่อยก็สามารถอธิบายได้ว่า โปรโตมอลต์จะมีปริมาณของคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน (โอลิโกแซคคาไรด์และโพลีแซคคาไรด์) มากกว่ามอลต์ที่สกัดด้วยวิธีการทั่วไป คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนพบได้ใน ข้าวกล้อง ข้าวซ้อมมือ ขนมปังโฮลวีต ธัญพืชเต็มเมล็ดต่างๆ ซึ่งมีกระบวนการเปลี่ยนจากแป้งเป็นน้ำตาลช้ากว่าคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยว ทำให้ร่างกายได้พลังงานต่อเนื่องยาวนานกว่า และยังได้รับวิตามินแร่ธาตุด้วย
โปรโตมอลต์จึงเป็นมอลต์ที่เก็บคุณค่าทางโภชนาการจากข้าวบาร์เล่ย์ได้อย่างดีและมีอยู่เฉพาะในผลิตภัณฑ์ของเนสท์เล่ไมโลเท่านั้น นอกจากคุณค่าโภชนาการแล้ว โปรโตมอลต์ยังมีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ ทำให้ไมโลแตกต่างจากเครื่องดื่มช็อกโกแล็ตมอลต์ทั่วไป
Story ที่น่าทึ่งของไมโลนั้นไม่ได้เริ่มต้นจากความต้องการจะทำกำไรจากธุรกิจ แต่เกิดขึ้นด้วยความตั้งใจที่จะผลิตอาหารโภชนาการครบถ้วนขึ้นมา เพื่อแก้ปัญหาให้ผู้คนที่กำลังเผชิญกับภาวะขาดสารอาหาร แต่ด้วยรสชาติจากช็อกโกแล็ต นม และมอลต์ที่อร่อยถูกปาก รวมถึงประโยชน์ทางโภชนาการที่อัดแน่น สององค์ประกอบนี้จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้คนทั่วโลกชื่นชอบไมโล ซึ่งแม้ไมโลจะครองใจคนทั่วโลกมาเป็นเวลากว่า 82 ปี แต่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาไมโลก็ไม่เคยหยุดวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ด้วยเจตนารมณ์ที่ต้องการส่งมอบเครื่องดื่มรสช็อกโกแล็ตมอลต์ที่อัดแน่นคุณประโยชน์ที่ดีที่สุด และมีรสชาติอร่อยถูกปากผู้คนในแต่ละภูมิภาค ไมโลจึงยังคงคิดและวิจัยเพื่อนำเสนอสิ่งดีๆให้แก่ผู้บริโภคทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง
Forbes1 อ้างอิงจาก www.forbes.com/companies/nestle