ข้อมูลจากกรมสุขภาพจิต พบสถานการณ์สุขภาพจิตของเยาวชนไทย ในช่วงปี 2563-2567 มีความเครียดสูงขึ้น รวมทั้งยังรู้สึกกดดันตัวเองและรู้สึกว่าตนเองยังดีไม่พอ ซึ่งเป็นภาวะการกดดันเหยียบย่ำตัวเอง (Self-bully) อีกทั้งปัญหาบูลลี่ในโรงเรียนไทย มากเป็นอันดับ 2 ของโลก โดยเฉลี่ยมีนักเรียนไทยประมาณ 600,000 คนต่อปีที่โดนบูลลี่ในโรงเรียน
“นันยาง” (Nanyang) ในฐานะแบรนด์ที่ชู Purpose-driven ด้านการรณรงค์ยุติปัญหาการบูลลี่ในโรงเรียนมาต่อเนื่อง 3 ปี ล่าสุดเพื่อเตรียมรับการเปิดเทอมใหม่ของโรงเรียน และเดินหน้าสานต่อจุดยืนดังกล่าว จึงได้นำอินไซต์สถานการณ์สุขภาพจิตของวัยรุ่นไทย มาขยายผลสู่การทำแคมเปญ “พอดีไม่เหมือนกัน” พร้อมทั้งพัฒนาแพลตฟอร์ม “ดูใจตน วอลเล็ต” เพื่อชวนวัยรุ่นใหม่เลิกกดดันตัวเองมากเกินไป และหันมาใจดีกับตัวเองมากขึ้น
วัยรุ่นไทยรู้สึกกดดันตัวเองว่ายังดีไม่พอ – บูลลี่ในโรงเรียนไทยมากเป็นอันดับ 2 ของโลก
กรมสุขภาพจิต เปิดข้อมูลสถานการณ์สุขภาพจิตของเยาวชนไทย ในช่วงปี 2563-2567 พบว่า มีความเครียดสูง 24.83% มีภาวะเสี่ยงซึมเศร้า 29.51% และเสี่ยงฆ่าตัวตายสูงถึง 20.35% ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่าวัยอื่นๆ สาเหตุส่วนหนึ่งเกิดจากความเครียด ความเหนื่อยล้า ซึ่งถือเป็นปัญหาที่ต้องเร่งให้ความช่วยเหลือ และยังทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ยังพบว่าการบูลลี่ในโรงเรียนไทยมากเป็นอันดับ 2 ของโลก โดยเฉลี่ยมีนักเรียนไทยโดนบูลลี่กว่า 600,000 คนต่อปี
คุณกันตพร สวนศิลป์พงศ์ นักจิตวิทยาการปรึกษาผู้ร่วมก่อตั้ง MASTERPEACE และ ผศ.ดร.กันนิกา เพิ่มพูนพัฒนา กรรมการบริหารหลักสูตรวิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาวิชาพัฒนาการมนุษย์ สถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล ที่ร่วมนำเสนอผลการสำรวจข้อมูลการเกิด Self-bully ในเด็กนักเรียนว่า การสำรวจข้อมูลจากทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ พบว่าวัยรุ่นอายุ 12-18 ปีกำลังอยู่ในช่วงเวลาที่ท้าทายด้านสุขภาพจิต เพราะเป็นวัยที่กำลังค้นหาอัตลักษณ์ตัวเอง ส่งผลให้เกิดการกดดันตัวเอง นอกจากสังคมรอบข้างจะเรียกร้องให้เขาประสบความสำเร็จแล้ว โลกโซเชียลคืออีกปัจจัยที่มำให้เขาเกิดการเปรียบเทียบตัวเองกับคนรอบข้างได้ง่ายขึ้นด้วย
“นอกจากผลการวิจัยในครั้งนี้ ประสบการณ์ทำงานส่วนตัวก็พบว่าวัยรุ่นมีความรู้สึกกดดันตัวเองและรู้สึกว่าตัวเอง “ยังดีไม่พอ”ซึ่งปรากฏการณ์นี้บอกว่าไม่ใช่แค่คุณครูหรือนักจิตวิทยาที่มีหน้าที่สื่อสารและแนะนำให้เขาหัดเป็นเพื่อนกับตัวเองได้มากขึ้น แต่ทุกคนมีส่วนในการเป็นกระบอกเสียงกับสังคมและช่วยเหลือเรื่องนี้ด้วยการเป็นสภาพแวดล้อมที่ดีให้วัยรุ่นได้ ไม่กดดัน ทำให้เขาตระหนักรู้และเข้าใจ ว่าเขามีจังหวะค่อยๆ ไปต่อได้ เขาดีพอนะ ดีกว่ารอให้ปัญหาใจติดอยู่กับเขาจนมันบานปลายในวัยผู้ใหญ่”
“นันยาง” ย้ำจุดยืนยุติปัญหาบูลลี่ – ปั้นแพลตฟอร์ม “ดูใจตน วอลเล็ต” ชวนวัยรุ่นกลับมาใจดีกับตัวเอง
ดร.จักรพล จันทวิมล กรรมการผู้จัดการ บริษัท นันยางมาร์เก็ตติ้ง จำกัด กล่าวว่า ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา นันยางได้แสดงจุดยืนยุติปัญหาการบูลลี่ในโรงเรียน ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีจากทุกภาคส่วนโดยเฉพาะนักเรียนทั่วประเทศ โดยนันยางยังเดินหน้าสานต่อการรณรงค์ดังกล่าวด้วยการสร้างสรรค์แคมเปญ “พอดีไม่เหมือนกัน” เพื่อยุติการสร้างแรงกดดันและความคาดหวังกับตัวเองมากเกินไป หรือนำตัวเองไปเปรียบเทียบกับเพื่อนๆ เพราะจะทำให้บั่นทอนศักยภาพการใช้ชีวิตซึ่งเชื่อว่าจะช่วยเป็นที่พึ่งทางความคิดของเด็กนักเรียนได้อย่างดี
สาเหตุนันยางเลือกทำแคมเปญ “พอดีไม่เหมือนกัน” ให้นักเรียนเลิกกดดันตัวเอง เพราะพบว่าปัญหาดังกล่าวเกิดเพิ่มขึ้นมาก และเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นภายในจิตใจของเด็ก หากเด็กไม่พูดหรือไม่มีพื้นที่ที่จะรับฟังก็เท่ากับไร้ที่พึ่ง
“การกดดันเหยียบย่ำตัวเอง หรือ Self-bully เป็นปัญหามองไม่เห็นด้วยตาเพราะเกิดขึ้นภายในจิตใจ วัยรุ่นมักไม่รู้ตัวว่ากำลังเกิดความคิดและพฤติกรรมที่บั่นทอนศักยภาพการใช้ชีวิตของตนเอง
ส่วนหนึ่งเพราะเป็นสิ่งที่ได้ซึบซับมาจากสภาพแวดล้อม ผู้ใหญ่และคนรอบข้างก็มองไม่เห็น หรือมองว่าเด็กไม่มีเรื่องเครียดอะไรมาก ทำให้ไม่ทันได้สังเกตหรือรับฟังกัน ดังนั้นเราหวังว่าแคมเปญ “พอดีไม่เหมือนกัน” จะเป็นกระบอกเสียงให้ทุกคนที่กำลังรู้สึกแย่จากตัดสินและตำหนิตัวเองมากเกินไปได้มีที่ปรึกษาในการบรรเทาปัญหาดังกล่าว” ดร.จักรพล กล่าวถึงที่มาของแคมเปญพอดีไม่เหมือนกัน
สำหรับแคมเปญ “พอดีไม่เหมือนกัน” ได้เริ่มขึ้นตั้งแต่ 26 เมษายนที่ผ่านมา โดยเริ่มจากกิจกรรมตู้ถ่ายภาพอินเทรนด์ให้ได้มาถ่ายรูปรอยเท้าตัวเอง เพื่ออวดรอยเท้าพอดีไม่เหมือนกันของทุกคน ซึ่งจะจัดงานถึงวันที่ 5 พฤษภาคมนี้ที่ ลิโด้ สยามสแควร์ รวมถึงการสร้างสรรค์เพลง พอดีไม่เหมือนกัน ที่มีเนื้อหาให้กำลังใจและหันกลับมาดูแลใจตัวเอง
และที่สำคัญที่สุด คือ การพัฒนาแพลตฟอร์ม “ดูใจตน วอลเล็ต” เติมความใจดีให้กับตัวเอง โดยเปิดช่องทางในการรับฟัง เข้าใจ และให้คำแนะนำแก่ผู้ที่กำลังเผชิญหน้ากับการกดดันตนเอง ให้กลับมาใจดีกับตัวเองให้มากขึ้น สนุกไปกับแต่ละก้าวของชีวิต เพราะนันยางเชื่อว่า ทุกคนต่างดีพอและมีความพอดีที่ไม่เหมือนกัน ผ่านทาง www.พอดีไม่เหมือนกัน.com
โดย “ดูใจตน วอลเล็ต” เปิดให้วัยรุ่นได้มาสำรวจใจตัวเอง ผ่านแบบประเมินทางจิตวิทยาเพื่อสำรวจความใจดีกับตัวเอง แบ่งปันข้อความปลอบประโลมใจ เพื่อสร้างความตระหนักรู้ ส่งเสริมสุขภาวะที่ดี ป้องกันปัญหาสุขภาพใจ และช่วยให้นักเรียนรู้สึกเบากับความรู้สึกและปัญหาที่ต้องเผชิญมากขึ้น เพราะคนแต่ละคนมีดีในแบบของตนเอง ลดการเปรียบเทียบกับผู้อื่นให้น้อยลง
“ความคาดหวังของเราต่อแคมเปญ “พอดีไม่เหมือนกัน” เป็นส่วนหนึ่งที่ได้สร้างความตระหนักรู้ให้แก่วัยรุ่น ชวนกลับมาสำรวจตัวเองเติมความใจดีต่อตนเอง เพื่อให้รู้ตัวว่ากำลังปฏิบัติกับตัวเองแบบไหนในวันที่เจอ อุปสรรค
สิ่งสำคัญคือวิธีการที่เราจะรับมือดูแลใจตัวเอง เลือกที่จะไม่เหยียบย่ำตัวเอง และที่สำคัญที่สุดคือ ความเป็นตัวเองของแต่ละคนนั้นแตกต่างกัน เราไม่จำเป็นต้องพยายามวิ่งให้เร็วเท่าใคร กลับมาฟังเสียงภายในตัวเองให้ดังกว่าเสียงคอมเมนต์หรือคำวิจารณ์ของคนภายนอก เพื่อสร้างเสริมใจให้แข็งแรงเพื่อใช้ชีวิตตาม เส้นทางและจังหวะก้าวของตัวเองได้อย่างเต็มที่และมีความสุขที่สุด” ดร.จักรพล กล่าวสรุป
ลุยตลาดรองเท้านักเรียน รับเปิดเทอมใหม่
สำหรับภาพรวมตลาดรองเท้านักเรียนทุกประเภทในไทยมีมูลค่ารวมประมาณ 5,000 ล้านบาท คาดการณ์เติบโต 1 – 3% จากผู้เล่นในตลาด 10 – 15 แบรนด์ แบ่งเป็น
– รองเท้าผ้าใบ: 60%
– รองเท้านักเรียนหญิง: 35%
– อื่นๆ (รองเท้าแฟชั่นลำลอง รองเท้าหนัง สนีกเกอร์): 5%
ขณะที่ “นันยาง” ยังคงครองส่วนแบ่งการตลาดเฉพาะรองเท้าผ้าใบเป็นอันดับหนึ่งอยู่ที่ 45% ซึ่งในปี 2567 คาดว่าตลาดยังคงมีการแข่งขันเข้มข้นเช่นเดิม
“ภาพรวมธุรกิจของนันยางในปีที่ผ่านมานั้นดีขึ้นกว่าปี 2565 ค่อนข้างมาก เพราะนันยางได้รุกทำกิจกรรมการตลาดและการขายต่อเนื่องตลอดทั้งปีทำให้ผู้บริโภคได้สัมผัสและเข้าถึงอย่างใกล้ชิด ประกอบกับได้รับแรงหนุนทางเศรษฐกิจโดยรวมที่ดีขึ้นทำให้นันยางสามารถสร้างอัตราการเติบโต 13.70% สูงกว่าอัตราการเติบโตรวมของตลาดประมาณ 3%
โดยในปี 2567 นันยางวางแผนการเติบโตต่อเนื่องที่ 3-5% พร้อมเพิ่มกลยุทธ์เพื่อรุกขยายโอกาสทางการตลาดในทุกช่องทางและยังคงเน้นเป้าหมายหลักที่กลุ่มนักเรียน นักกีฬา คนทำงาน และผู้ใช้งานอเนกประสงค์” ดร.จักรพล ได้สรุปภาพรวมตลาดรองเท้านักเรียน