นันยางหนึ่งในแบรนด์รองเท้านักเรียนชื่อดังที่อยู่คู่คนไทยมากว่า 65 ปี แม้จะผ่านมากว่าครึ่งศตวรรษสำหรับรองเท้านักเรียนนันยาง ระยะเวลาที่ผ่านมากลับยิ่งสร้างมนต์ขลัง มีความเก๋า จนสามารถครองใจวัยทีนทุกยุคทุกสมัย ขึ้นแท่นเบอร์ 1 ตลาดร้องเท้านักเรียนมาถึงปัจจุบัน
เพื่อสานต่อเบอร์ 1 ตลาดรองเท้านักเรียน นันยางเตรียมทุ่มเงินด้านการตลาดกว่า 70 ล้านบาท ตั้งเป้าช่วง back to school ยอดเติบโต 5-7% มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 42% โดยภาพรวมตลาดธุรกิจของรองเท้านักเรียนในปีที่แล้วมีมูลค่ากว่า 5,000 ล้านบาท คาดปีนี้จะเติบโตขึ้น 3% สำหรับสัดส่วนการผลิตสินค้าจะสอดรับกับเทรนด์ ความนิยมในสินค้าคือ สีขาวที่ได้รับความนิยมสูงสุดอยู่ที่ 40% รองลงมาคือสีดำ 35% ตามมาด้วยน้ำตาล 25% ทั้งนี้ด้านช่องทางการขายยังเน้นร้านค้าทั่วประเทศ 70% โมเดิร์นเทรด 25% และช่องทางการขายออนไลน์ 5%
สำหรับช่วง back to school ปีนี้ นังยางจะเน้นรุ่น 205-S สีน้ำตาลเป็นสินค้าเป็นพิเศษ มีการเพิ่มอัตราการผลิตสูงขึ้น 15% โดยเจาะกลุ่มตลาดหัวเมืองรอง เนื่องจากพบว่ามีจำนวนผู้ใช้ร้องเท้านักเรียนสีน้ำตาลเป็นจำนวนมากจึงเล็งเห็นศักยภาพในการเติบโตที่ดีตั้งเป้าเพิ่มขึ้น 10% พร้อมดึงกลุ่มลูกค้าหน้าใหม่มาใช้สินค้าให้มากขึ้น ส่วนด้านหัวเมืองหลักนันยางยังครองตลาดรองเท้านักเรียนอยู่ในปัจจุบัน
นอกจากรองเท้ารุ่น 205-S แล้ว นันยางยังคงขยายฐานผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง โดยรองเท้าที่ขายดีไม่แพ้กันคือรุ่น Have Fun สำหรับนักเรียนประถม ซึ่งมีอัตราการเติบโตสูงต่อเนื่อง 4 ปี ตามมาด้วยรุ่น Sugar รองเท้าใบสำหรับผู้หญิงที่ได้รับความนิยมจนกลายเป็นสินค้าหลัก และรุ่นใหม่ Zafari รองเท้าสไตล์ยุค 60 เน้นความคลาสสิก เจาะกลุ่มนักศึกษา นักเรียนอาชีวะ
นายจักรพล จันทวิมล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและขาย บริษัท นันยางมาร์เก็ตติ้ง จำกัด เปิดเผยพฤติกรรมผู้บริโภคว่า ปีนี้พบว่าผู้บริโภคมีกำลังซื้อมากขึ้น เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจเริ่มมีการปรับตัวไปยังทิศทางที่ดีกว่าปีที่แล้ว และลูกค้าเริ่มให้ความสำคัญกับแบรนด์และคุณภาพที่จะได้รับ เดิมจะยอมจ่ายค่ารองเท้านักเรียนเฉลี่ยอยู่ที่ 220 บาท เพิ่มขึ้นเป็น 300 บาท ทั้งนี้โดยเฉลี่ยผู้บริโภคจะซื้อรองเท้านักเรียน 1.3 คู่ต่อคน/ปี
ทั้งนี้ นันยางได้แบ่งกลุ่มผู้ซื้อรองเท้าออกเป็นทั้งหมด 4 กลุ่มคือ 1. กลุ่มแฟนพันธ์แท้ 43% 2. กลุ่มผู้ซื้อสินค้าเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา 25% 3. กลุ่มที่ไม่สามารถซื้อรองเท้าตามแบรนด์ที่คาดหวัง 24% 4. กลุ่มลูกค้าใหม่ 8% สำหรับสัดส่วนของสินค้าจะเป็นสินค้ากลุ่มนักเรียน 80% สินค้าสำหรับคนทั่วไป 20%
นายชัยพัชร์ ซอโสตถิกุล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท นันยางอุตสาหกรรม จำกัด เปิดเผยว่า ในแผนพัฒนาด้านการผลิต 5 ปีของนันยาง (เริ่มต้นตั้งแต่ปี 2559) โดยปีนี้อัดฉีดงบประมาณกว่า 50 ล้านบาท พัฒนาระบบการจัดการภายใน เสริมศักษภาพพนักงานและด้านการกระจายสินค้า เพื่อรองรับตลาดกลุ่มรองเท้านักเรียนที่มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง