ก็อยากจะ “แหนมมมมมมมมม” ให้ถึงโลกพระจันทร์
เพราะแค่พูดถึง “แหนม” ก็ชวนน้ำลายสอแล้ว ด้วยความเปรี้ยวแซ่บรสชาตินัว เนื้อสัมผัสที่เด้งดึ๋ง ที่ไม่ว่าใครกินก็ติดใจในความอร่อยแบบไทยๆ แถมยังถูกนำไปสร้างสรรค์เป็นเมนูต่างๆ ได้หลากหลาย หรือจะเป็นส่วนประกอบเสริมเมนูต่างๆ เพิ่มรสชาติให้อร่อยยิ่งขึ้นก็ยังได้ จนอาจเรียกได้ว่า “แหนม” เป็นเมจิกอินกรีเดี้ยนสารพัดประโยชน์ที่ควรมีไว้ติดบ้านเลยทีเดียว และหนึ่งในผลิตภัณฑ์แหนมยุคใหม่ ที่เป็น Top of mind ในใจผู้บริโภค ก็ต้องยกให้ “แหนมดอนเมือง กม.26” เป็นผู้นำอาหารไทยพื้นบ้าน ที่สั่งสมประสบการณ์ในการสร้างความอร่อยให้ผู้คนมายาวนานกว่า 40 ปี โดยมีจุดเริ่มต้นมาจากธุรกิจภายในครอบครัว ก่อนที่จะกลายมาเป็นผลิตภัณฑ์ “แหนมสุทธิลักษณ์” ด้วยรสชาติกลมกล่อมที่เป็นเอกลักษณ์ ทำให้เป็นที่พูดถึงแบบปากต่อปากจนกลายเป็นที่รู้จัก
อย่างไรก็ตาม หลังจากผลิตภัณฑ์เป็นที่รู้จักแล้ว จากชื่อแบรนด์ว่า “แหนมสุทธิลักษณ์” ซึ่งออกจะจำได้ยาก แต่ด้วยความที่โรงงานผลิตแหนมสุทธิลักษณ์อยู่ใกล้กับสนามบินดอนเมือง จึงทำให้ผู้คนเรียกติดปากใหม่แทนว่า “แหนมดอนเมือง” ซึ่งจำง่ายกว่า คุ้นหูกว่าด้วย นั่นจึงทำให้เกิดการเปลี่ยนชื่อผลิตภัณฑ์อย่างจริงจังและใช้ในปัจจุบัน จากนั้นก็มีการจัดตั้ง บริษัท สุทธิลักษณ์ อินโนฟู้ด จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารภายใต้แบรนด์ สุทธิลักษณ์ และ “แหนมดอนเมือง กม.26” จนทุกวันนี้
เข้าถึงลูกค้าผ่าน Consumer Insight
ด้วยการใช้กลยุทธ์การตลาดที่แตกต่าง ส่งผลให้ “แหนมดอนเมือง กม.26” สามารถเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคคนรุ่นใหม่ได้อย่างง่ายดาย และฉีกภาพลักษณ์ความเป็นแหนมอาหารพื้นบ้านในรูปแบบสินค้า OTOP ลง กลายเป็นสินค้าของคนรุ่นใหม่ที่สามารถทานได้ทุกที่ทุกเวลา หรือนำไปเป็นส่วนประกอบเมนูอาหารในสไตล์ฟิวชั่น ส่วนจะใช้กลยุทธ์อะไรบ้างนั้นขอเล่าให้ฟังดังนี้
โดยกลยุทธ์แรกคือ การเข้าถึงกลุ่มลูกค้าผ่าน Consumer Insight ที่ช่วยให้ทราบถึงความต้องการแหนมจากกลุ่มผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่นของ “แหนมดอนเมือง กม.26” มีรสชาติเปรี้ยวกลมกล่อม ที่สำคัญยังใส่ใจสุขภาพด้วยการหมักตามกรรมวิธีทางธรรมชาติจนได้รสเปรี้ยวที่ไม่ได้เกิดจากสารเร่งเปรี้ยวแต่อย่างใด ซึ่งตอบโจทย์เทรนด์ของคนรักสุขภาพในช่วงนี้
พร้อมทั้งมีการใช้เทคโนโลยีในการฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ ช่วยให้ “แหนมดอนเมือง กม.26” สะอาด ถูกสุขอนามัย ซึ่งได้ผ่านการรับรองจากสถาบันระดับโลก อาทิ องค์การอนามัยโลก (WHO) องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) รวมถึงยังได้ผ่านการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) จึงทำให้เชื่อมั่นในคุณภาพและสุขลักษณะของ“แหนมดอนเมือง กม.26”
ใช้ปรับภาพลักษณ์จี๊ดจ๊าดมากขึ้น ให้เข้าถึงคนรุ่นใหม่
ในขณะที่มุมของการทำการตลาด เราพบว่าในตลาดแหนมนั้นจะแข่งขันกันที่โปรโมชั่นและราคาเสียเป็นส่วนมาก ทำให้ผลิตภัณฑ์แต่ละตัวจึงหาความแตกต่างได้ค่อนข้างยาก เมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์อื่นที่เป็นสินค้าอาหารพื้นบ้าน
แต่ไม่ใช่กับ “แหนมดอนเมือง กม.26” ที่มองเห็นช่องว่างตรงนี้ พร้อมกับลุกขึ้นมา Change Image ฉีกแนวสร้างความแตกต่างและความโดดเด่น ด้วยการใช้กลยุทธ์ Brand Entertainment ผ่าน กลุ่มสาวๆ สวยใสแต่ซ่อนความเปรี้ยวแซ่บซี้ดไว้ในตัว ซึ่งสามารถสื่อถึงรสชาติเปรี้ยวใสๆ ไม่ใส่สารเร่งของ “แหนมดอนเมือง กม.26” ได้ชัดเจนที่สุด ผสมผสานกับการใช้ “สีชมพู” ที่สะท้อนถึงความสดใสและเป็นสีเอกลักษณ์ของ “แหนม” เพื่อสร้างฐานลูกค้ากลุ่มคนรุ่นใหม่ สร้างความแตกต่างจากคู่แข่งทั้งหมด ทำให้แบรนด์ “แหนมดอนเมือง กม.26” มีภาพลักษณ์ที่ทันสมัย น่าสนใจ โดดเด่นมากขึ้น ดึงดูดใจกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ได้ง่าย
ใช้นวัตกรรมกระบวนการผลิตที่สะอาดปลอดภัย
หลังจากรีอิมเมจแล้ว สิ่งที่ “แหนมดอนเมือง กม.26” ทำต่อมาคือ สื่อสารเรื่องนวัตกรรมให้ผู้บริโภคเห็นว่า แม้แหนมจะเป็นอาหารพื้นบ้านไทยๆ แต่ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัยในการผลิต ทั้งนี้ ขอเท้าความเล็กน้อย ในกระบวนการหมักแหนมแบบดั้งเดิมจะก่อให้เกิดเชื้อจุลินทรีย์ ซึ่งมีทั้งเชื้อจุลินทรีย์ที่ทานได้และทานไม่ได้ปะปนกันไป หากกระบวนการผลิตไม่สะอาดเชื้อจุลินทรีย์ที่ไม่สามารถทานได้จะมีปริมาณมาก และอาจส่งผลให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์ต่อร่างกายได้
นั่นจึงทำให้ “แหนมดอนเมือง กม.26” ซึ่งใส่ใจในด้าน Production Innovation และถือเป็นกลยุทธ์อีกด้านที่สำคัญ จึงไม่ใช้สารเร่งเปรี้ยว ซึ่งถึงเป็นสารปรุงแต่งในรูปแบบหนึ่งและไม่ใช่กระบวนการผลิตที่เกิดขึ้นจากธรรมชาติ ซึ่งอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงต่อผู้บริโภคได้
นอกจากนี้ ยังมีการใช้รังสีฉายเข้าไปในตัวผลิตภัณฑ์ เพื่อให้เข้าไปทำลายเชื้อจุลินทรีย์ตัวการที่ทำให้แหนมหมดอายุ และยังสามารถช่วยฆ่าพยาธิที่อาจติดค้างมาจากวัตถุดิบ ซึ่งรังสีเหล่านี้ได้รับการทดสอบและยืนยันจากหน่วยงานด้านสุขภาพระดับสากลแล้วว่ามีความปลอดภัย สามารถใช้กับอาหารเพื่อรับประทานได้ โดยไม่เกิดอันตรายต่อผู้บริโภค
แหนมดอนเมือง กม.26 ทางเลือกใหม่ของอาหารพื้นบ้านไทย
ในขณะที่การจัดจำหน่ายมีการวางขาย ในรูปแบบ Traditional โดย “แหนมดอนเมือง กม.26” มีการขายผ่านช่องทางโมเดิร์นเทรดอย่าง Big C, Lotus และ Makro รวมถึงร้านConvenience Store อย่าง CJ Express, Max Value , CP Fresh Mart นอกจากนี้ ยังทำการสื่อสารการตลาดกับกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ผ่านช่องทาง Social Media อย่าง Facebook อีกด้วย
ดังนั้น เมื่อดูกลยุทธ์โดยรวมแล้วจะเห็นว่า “แหนมดอนเมือง กม.26” มีการทำตลาดที่แตกต่างไปจากตลาดอาหารพื้นบ้านทั่วไป นำเสนอสไตล์ที่โมเดิร์น มีความทันสมัยและถือเป็นตัวอย่างให้กับการทำการตลาดของผลิตภัณฑ์พื้นบ้านไทยอื่นๆ ได้ด้วยเพื่อให้ได้รับความสนใจจากลูกค้ากลุ่มคนรุ่นใหม่ได้ด้วย
ทั้งหมดนี้ถือเป็นมิติใหม่ของธุรกิจอาหารพื้นบ้านแบบไทยๆ ที่หันมาใช้กลยุทธ์ทางการตลาดในการทำธุรกิจแบบใหม่ ฉีกไปจากภาพลักษณ์เดิมๆ เปลี่ยนสิ่งที่เราเคยมองว่าเป็นเพียงของฝากจากการไปเที่ยว เมื่อการท่องเที่ยวได้รับผลกระทบการปรับรูปแบบการสื่อสารใหม่จึงน่าจะเป็นคำตอบที่จะเป็นทางรอดให้กับตลาดอาหารไทยเหลานี้ได้ โดยสามารถศึกษากลยุทธ์การทำตลาดจาก “แหนมดอนเมือง กม.26” ซึ่งถือว่าโดดเด่นและสร้างความแตกต่างได้จริงๆ
ติดตามรายละเอียดของ “แหนมดอนเมือง กม.26” ได้ที่ https://www.facebook.com/NhamDonmuangKM26
และที่ http://instagram.com/nhamdonmuangkm26