วิทยาการทางการแพทย์ของไทยถือได้ว่าไม่เป็นรองใคร แต่โอกาสที่โรงพยาบาลขนาดเล็ก และสถานพยาบาลในพื้นที่ห่างไกลจะเข้าถึงวิทยาการเหล่านั้นอาจเป็นไปได้ยาก การพัฒนาทางการแพทย์ในรูปแบบ Digital Transformation จึงเป็นโอกาสในการแก้ปัญหา หนึ่งในธุรกิจการแพทย์ที่ต้องกล่าวถึงคือ N Health ซึ่งเป็นบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญในงานด้านห้องแลป และ N Health ยังมีความโดดเด่นในการให้บริการทางการแพทย์ผ่านรูปแบบดิจิทัลที่ทันสมัย เพื่อยกระดับมาตรฐานการแพทย์ในประเทศไทยให้ทัดเทียมระดับสากล
แต่ N Health คือใครแล้วจะมาช่วยยกระดับการแพทย์ของไทยได้อย่างไร ต้องให้ คุณธวัชชัย เสรีวัฒนพงษ์ General Manager of Digital Efficiency บริษัท เนชั่นแนล เฮลท์แคร์ ซิสเท็มส์ จำกัด (N Health) เป็นผู้มาเจาะลึกถึงการนำเทคโนโลยีมายกระดับการให้บริการทางการแพทย์ และความท้าทายของแบรนด์สู่การเป็นผู้นำในธุรกิจผลิตภัณฑ์ และบริการสุขภาพในอาเซียน (Leader in Healthcare Services and Products offered to ASEAN)
ทำความรู้จัก N Health ให้มากขึ้น
หากกล่าวถึง N Health ผู้บริโภคทั่วไปอาจไม่รู้จัก แต่ตลอดระยะเวลา 23 ปีที่ผ่านมา N Health ให้บริการด้านการสนับสนุนทางการแพทย์ และธุรกิจโรงพยาบาลให้กับโรงพยาบาลชั้นนำ ครอบคลุมการให้บริการทั้งในประเทศและต่างประเทศ ภายใต้แนวคิดสุขภาพที่ดีต้องเข้าใจสภาพปัจจุบันของร่างกายผ่านการตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการ เพื่อวางแผนดูแล รักษา หรือป้องกันได้อย่างเหมาะสม
สำหรับบริการหลักๆ ของ N Health จะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มธุรกิจหลัก
- ธุรกิจบริการตรวจวิเคราะห์ทางการแพทย์ หรือ IDB (Integrated Diagnostic Business) ที่จะเน้นการตรวจในห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ หรือแลป ประกอบด้วย Genomics Laboratory, Biomolecular Laboratory, Pathology Laboratory, Clinical Laboratory และ Wellness Laboratory
- ธุรกิจสนับสนุนทางการแพทย์แบบบูรณาการ หรือ IHB (Integrated Healthcare Business) โดยจะเน้นบริการด้านงานปราศจากเชื้อ การบริหารจัดการผ้าในโรงพยาบาลแบบครบวงจรตลอดจนการบริหารจัดการเครื่องมือ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ รวมถึงระบบขนส่งที่ครอบคลุมบริการทุกโรงพยาบาลในทุกพื้นที่
ธุรกิจบริการตรวจวิเคราะห์ทางการแพทย์ และธุรกิจสนับสนุนทางการแพทย์แบบบูรณาการของ N Health ช่วยสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันให้แก่โรงพยาบาล และองค์กรด้านสุขภาพของประเทศไทย ด้วยบริการห้องปฏิบัติการขั้นสูง รวมไปถึงงานปราศจากเชื้อที่มีคุณภาพสูง และทีมวิศวกรรมคลินิกที่มีความเชี่ยวชาญด้านเครื่องมือทางการแพทย์ นอกจากนี้ N Health ยังได้ขยายธุรกิจในรูปแบบคลินิกเทคนิคการแพทย์ ที่ชื่อว่า N Space และ N Health กว่า 30 สาขาทั่วประเทศ เพื่อให้เป็นจุดเริ่มต้นของการดูแลสุขภาพที่รวดเร็ว และสะดวกสบาย ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสุขภาพทั่วไป การตรวจสุขภาพก่อนเข้าทำงานหรือเดินทางไปต่างประเทศ รวมไปถึงบริการตรวจอื่นๆ ตามคำสั่งแพทย์”
นอกจากนี้คลินิกเทคนิคการแพทย์ N Health ที่มีกว่า 30 สาขาทั่วประเทศ ยังช่วยเพิ่มความรวดเร็วในการให้บริการตรวจวิเคราะห์ทางการแพทย์ (IDB) ได้อย่างรวดเร็ว และสะดวกสบาย ช่วยผู้ที่มารับการตรวจได้รู้เท่าทันในสุขภาพของตนเอง สามารถนำไปวางแผนการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน ตลอดจนการปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต เพื่อไม่ให้เกิดปัจจัยเสี่ยงจากภายนอกที่จะมากระตุ้นการเกิดโรคต่างๆ ได้
เทคโนโลยีการแพทย์ บริการที่รวดเร็ว
หนึ่งในเทคโนโลยีที่ช่วยให้บริการทางการแพทย์รวดเร็ว คือการใช้เทคโนโลยี API ซึ่งช่วยเชื่อมโยงระบบของ N Health กับระบบของโรงพยาบาล และสถานพยาบาลได้อย่างรวดเร็ว ที่สำคัญยังถูกต้อง และแม่นยำ ช่วยให้เกิด Connectivity Experience การเชื่อมต่อด้วยระบบ API นี้ จะช่วยรองรับการส่งผลแลป รวมไปถึงการส่งคำสั่งตรวจแลป และการมอนิเตอร์ประสิทธิภาพการทำงานของอุปกรณ์ทางการแพทย์
“การเชื่อมต่อ API ยังช่วยให้เกิด Data Driven ช่วยให้ N Health สามารถนำ Data ทุกส่วนมาประมวลผล นำไปสู่การให้คำปรึกษากับโรงพยาบาลในด้านการใช้เครื่องมือ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ รวมไปถึงยังช่วยสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาการให้บริการได้อย่างตรงจุด รวดเร็ว และแม่นยำ ภายใต้การดูแลรักษาความปลอดภัยของข้อมูลที่ N Health ให้ความสำคัญอย่างยิ่ง ไม่น้อยกว่าที่ให้ความสำคัญในเรื่องการให้บริการ”
นอกจากความรวดเร็ว และความถูกต้องแล้ว ความปลอดภัยของข้อมูลถือเป็นเรื่องสำคัญ โดย N Health ให้ความสำคัญกับมาตรฐานด้านความปลอดภัยข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นการปฏิบัติตามกฎ PDPA และมาตรฐาน ISO-27001 โดยข้อมูลจะถูกเก็บไว้ในระบบ Private Cloud ที่มีระบบความปลอดภัยทุกขั้นตอน รวมถึงทุกข้อมูลจะถูกเข้ารหัสเพื่อป้องกันการเข้าถึงข้อมูล ช่วยให้มั่นใจได้ว่าทุกข้อมูลจะถูกปกป้อง และจัดเก็บอย่างปลอดภัยเหมาะสม
N Connect เทคโนโลยีสู่ระบบ Realtime
นอกจากการใช้เทคโนโลยี API แล้ว ในส่วนของธุรกิจบริการตรวจวิเคราะห์ทางการแพทย์ (IDB – Integrated Diagnostic Business) ยังได้ใช้เทคโนโลยีแพลตฟอร์มที่มีชื่อว่า “N Connect” ในการเชื่อมโยงระบบโรงพยาบาลกับระบบของ N Health โดยจุดเด่นของแพลตฟอร์ม N Connect จะช่วยให้โรงพยาบาลสามารถดูข้อมูล และประเมินผลที่ได้รับการตรวจวิเคราะห์จากห้องแลปในแบบเรียลไทม์
“N Connect เป็นแพลตฟอร์มที่ใช้ในการส่งคำสั่งตรวจวิเคราะห์ และรายงานผลการตรวจ รวมถึงผลการวิเคราะห์ และประเมินข้อมูลที่ได้จากการตรวจ ข้อมูลที่ได้ยังมีการรายงานถึงการใช้ระยะเวลาในการตรวจสอบผลแลป และรายงานคุณภาพการตรวจ เรียกได้ว่ามีการรายงานผลการตรวจอย่างละเอียดเพื่อส่งต่อไปยังโรงพยาบาลต้นทางในรูปแบบ Realtime ช่วยลดระยะเวลาการรอคอยข้อมูล และช่วยเพิ่มความถูกต้องแม่นยำของผลตรวจวิเคราะห์”
นอกจากนี้ข้อมูลการตรวจวิเคราะห์ ยังอนุญาตให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องสามารถเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ เพื่อช่วยลดระยะเวลาในการตรวจสอบ จากเดิมที่เคยใช้วิธีการส่งเอกสาร และหลายครั้งเอกสารเหล่านี้ต้องได้รับการตรวจสอบยืนยันจากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ทำให้ใช้ระยะเวลานานก่อนจะถึงมือแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัย แพลตฟอร์ม N Connect จึงเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้โรงพยาบาลสามารถวิเคราะห์ผลแลปได้อย่างรวดเร็ว ถูกต้อง และแม่นยำ
N Smart Plus ช่วยบริหารจัดการเครื่องมือ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
เนื่องจากเครื่องมือ และอุปกรณ์ทางการแพทย์บางอย่างมีราคาค่อนข้างสูง และจำเป็นต้องมีการวัดค่าการใช้งานให้มีความแม่นยำอยู่เสมอ เพื่อตอบสนองความต้องการทั้งแพทย์และผู้ใช้บริการ รวมถึงการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ N Health จึงมีบริการบริหารจัดการเครื่องมือ และอุปกรณ์ทางการแพทย์แบบครบวงจร (Clinical Engineering Services) ซึ่งเป็นหนึ่งในบริการหลักของกลุ่มธุรกิจสนับสนุนทางการแพทย์ (IHB – Integrated Healthcare Business)
“สำหรับเทคโนโลยีที่จะนำมาช่วยยกระดับการให้บริการบริหารจัดการเครื่องมือ และอุปกรณ์ทางการแพทย์แบบครบวงจรให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น จะเป็น “N Smart Plus” แพลตฟอร์มที่สามารถช่วยบริหารจัดการเครื่องมือ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ (Asset Management) ให้มีความพร้อมในการใช้งาน ได้ผลการใช้งานที่ถูกต้อง แม่นยำ โดย N Smart Plus ช่วยให้โรงพยาบาลมองเห็นภาพรวมของการใช้งานเครื่องมือ และอุปกรณ์ต่างๆ ตลอดจนสามารถใช้เครื่องมือ และอุปกรณ์เหล่านั้นได้อย่างคุ้มค่า และเกิดประโยชน์สูงสุด เพราะเครื่องมือ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ ต้องมีการวัดค่าการใช้งานต่อเนื่อง ซึ่งค่าเหล่านั้นจะส่งมาที่ N Health เพื่อตรวจสอบว่า ถึงเวลาที่ต้องซ่อมบำรุงหรือยัง หรือมีค่าความเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญอย่างไรบ้าง ยิ่งไปกว่านั้นแพลตฟอร์มยังสามารถคาดการณ์ความต้องการใช้อุปกรณ์ของโรงพยาบาล และสามารถส่งรายงานตรงถึงผู้บริหารโรงพยาบาลเพื่อพิจารณาการจัดซื้อเครื่องมือ และอุปกรณ์ที่มีความต้องการใช้บ่อย หรือลดการจัดซื้อแล้วหันมาใช้วิธีเช่าบนแพลตฟอร์ม ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการสินทรัพย์ได้
N Smart Plus ยังมีหน้าที่เป็น Market Place สำหรับโรงพยาบาลที่มีเครื่องมือ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ไม่ได้ใช้ มาให้โรงพยาบาลที่มีความต้องการใช้ในรูปแบบเช่า ซึ่งช่วยให้โรงพยาบาลสามารถลดต้นทุนการซื้อเครื่องมือ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ และยังช่วยให้โรงพยาบาล หรือสถานประกอบการพยาบาลขนาดเล็กเข้าถึงเครื่องมือ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ทันสมัยได้ง่าย โดย N Health จะทำหน้าที่เป็นผู้จัดส่งให้ผ่านบริการขนส่งของ N Health ที่ครอบคลุมทั่วประเทศ”
จับกลุ่มคนรักสุขภาพแบบไม่พบแพทย์
นอกจาก N Health จะเข้าไปให้บริการกับโรงพยาบาล และสถานพยาบาลแล้ว N Health ยังเจาะตลาดกลุ่มผู้บริโภคโดยตรง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเทรนด์รักสุขภาพที่หลายคนอยากตรวจสุขภาพว่าตัวเองแข็งแรงดี ไม่มีปัญหาต่างๆ โดยไม่ต้องเสียเวลารอพบแพทย์ เรียกว่าเข้ามาตรวจแล้วรอรับผลผ่านแอปพลิเคชั่นได้เลย ช่วยให้รู้สุขภาพตัวเองได้ง่ายๆ และยังสามารถนำผลที่ตรวจไปปรึกษาแพทย์ได้กรณีที่ตรวจพบความผิดปกติ โดยไม่ต้องตรวจซ้ำ
“สำหรับการให้บริการกับกลุ่มผู้บริโภคก็เริ่มมีการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยอย่าง Chatbot มีการทำ Customer Data Platform หรือ CDP เพื่อเรียนรู้กลุ่มลูกค้าให้มากขึ้น ทั้งในเชิงของ Marketing และในเชิงที่ช่วยให้ผู้บริโภคเห็นสุขภาพของตัวเองมากขึ้น นอกจากนี้เรายังใช้เทคโนโลยีที่ช่วยให้ผู้บริโภคสามารถเข้าใจผลการตรวจสุขภาพได้ง่ายขึ้น ผ่านการออกแบบการแสดงผลเป็นตาราง กราฟ ชาร์ตที่สามารถอ่านเข้าใจได้ง่าย”
ที่สำคัญในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ จะมีการเปิดตัวแอปฯ เวอร์ชั่นใหม่ที่จะแสดงผลออกมามากกว่าแค่เป็นตัวเลข โดยจะมีฟังก์ชั่นตรวจสอบการดูแลสุขภาพรายวัน ซึ่งจะช่วยให้แอปฯ ของ N Health กลายเป็น Touch Point ที่สำคัญในการรวมทุกอย่างที่เกี่ยวกับสุขภาพมาเป็น Community
“นอกจากนี้เรายังมีบริการ Mobile Wellness เพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับผู้บริโภค ด้วยบริการที่ไปถึงบ้านของผู้บริโภคหากไม่สะดวกเดินทางมาทำการเจาะเลือดที่คลินิก และสามารถส่งผลตรวจไปยังแอปฯ หรือสามารถส่งผลตรงไปยังโรงพยาบาลที่ผู้บริโภคกำลังทำการรักษาอยู่ได้ทันที โดยใช้เวลาไม่เกิน 3 ชั่วโมงสามารถรู้ผลได้ทันที”
อนาคตและความท้าทายของ N Health
หนึ่งในความท้าทายของการให้บริการทางการแพทย์ คือเรื่องของจำนวน Data ที่มีมากมายมหาศาล และเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันมีการนำเทคโนโลยี AI เข้ามาใช้ในการวิเคราะห์ผลต่างๆ ทำให้เกิดความแม่นยำสูงในระยะเวลาที่รวดเร็ว แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังต้องมีการพัฒนาเทคโนโลยี AI ให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น
“ในอนาคตหาก AI ได้รับการพัฒนาเพิ่มประสิทธิภาพ จะช่วยให้เราสามารถให้บริการได้ถึงระดับ Personalize ผ่านข้อมูลต่างๆ มากมายใน Data Bank และจะช่วยให้คาดการณ์ถึงสุขภาพในอนาคต ซึ่งปัจจุบันความแม่นยำในการวิเคราะห์สูงถึง 95% โดยเราจะนำ AI มาใช้ในเชิงวิเคราะห์ เช่น ใช้ในการช่วยวิเคราะห์ และดูความเชื่อมโยงของข้อมูล/ผลตรวจ เพื่อป้องกัน หรือลดโอกาสการเกิดโรคในอนาคต”
ด้วยปริมาณข้อมูลที่มีมากมายมหาศาล ทำให้ความท้าทายในอนาคต คือการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ เพื่อให้ยังคงสามารถตรวจผลวิเคราะห์ได้อย่างรวดเร็ว แม่นยำ และถูกต้อง โดยที่ยังคงเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้บริโภค และยังคงเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือโรงพยาบาล และสถานประกอบการ ทั้งในเรื่องการตรวจผลแลป และการบริหารจัดการเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์ แม้ในวันนี้ N Health จะเป็นผู้นำในด้านการให้บริการด้านการสนับสนุนทางการแพทย์ของประเทศไทย แต่ก็ยังไม่หยุดพัฒนาในด้านต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อมอบบริการที่ดีที่สุดแก่ลูกค้า พร้อมช่วยยกระดับการให้บริการทางการแพทย์ของไทยมีความก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น