“ภายใน 5 ปี เราจะกลับมาติด Top 3” เมื่อ Motorola ประกาศสู้ศึกสมาร์ทโฟน ลุย Red Ocean

  • 196
  •  
  •  
  •  
  •  

อย่างที่รู้กันว่าตลาดสมาร์ทโฟนแข่งขันกันดุเดือด เรียกว่าทุกแบรนด์ต่างพากันทีเด็ด กลยุทธ์ไม้ตาย ออกมาสู้กันทุกกระบวนท่า เพื่อช่วงชิงลูกค้าและสร้างความแข็งแกร่งให้แบรนด์ แถมในช่วงนี้เหล่าแบรนด์ดังในอดีตยังประกาศ Come Back! หวนคืนสู่แวดวงสมาร์ทโฟนกันเพียบ… Motorola ก็เป็นหนึ่งในนั้น!

“การกลับมาของ Motorola ในครั้งนี้ อยู่ภายใต้ปีกของ Lenovo แม้จะหายจากตลาดประเทศไทยไป 5-6 ปี แต่เราเชื่อว่า Motorola ยังคงเป็นแบรนด์ที่คนไทยรักและผูกพัน เพราะเป็นมือถือแบรนด์แรกๆ ตั้งแต่รุ่น DynaTAC ที่มีราคาสูงและมือถือยังไม่เป็นที่แพร่หลาย จนมาถึงมือถือฝาพับรุ่น StarTAC และ Razr มือถือยอดฮิตที่ทุกคนต้องเคยใช้งานมาก่อน” คุณอาวิทธ์ จิระเลิศพงษ์ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการตลาดกลุ่มผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฟน บริษัท เลอโนโว (ประเทศไทย) ย้อนถึงความสำเร็จของมือถือแบรนด์ Motorola และเล่าต่อไปว่า…

1

Motorola Experience สำคัญที่สุด!

แม้จะอยู่ภายใต้การบริหารงานของ Lenovo อย่างเป็นทางการ แต่สิ่งที่ Motorola ยังมุ่งมั่นและสานต่อ คือ นวัตกรรม ดีไซน์ วัสดุที่แข็งแรงคงทนต่อการใช้งาน รวมถึงลูกเล่นการใช้งานในแบบ Motorola Experience ซึ่งเป็นจุดเด่นที่แตกต่างจากแบรนด์อื่นในตลาด ซึ่งพยายามนำเสนอสิ่งที่เรียกว่านวัตกรรมแต่ไม่สามารถตอบสนองความต้องการใช้งานของผู้บริโภคได้อย่างแท้จริง แต่ Motorola เน้น Consumer insight ด้วยฟีเจอร์การใช้งานที่ง่ายแต่ตอบโจทย์ เช่น เปิด-ปิดไฟฉายได้ด้วยการเขย่ามือถือ หรือแค่พลิกข้อมือเพื่อเข้าสู่โหมดกล้องถ่ายภาพ เป็นต้น เพราะเราเชื่อว่าแต่ละคนมีความต้องการใช้งานมือถือแตกต่างกันไป แต่ความง่ายในการใช้งานคือสิ่งที่ทุกคนต้องการ

คงภาพลักษณ์พรีเมี่ยม แบรนด์อเมริกัน เสิร์ฟทุก Segment

ภาพลักษณ์ของแบรนด์ Motorola ตั้งแต่อดีต คือ มือถือสัญชาติอเมริกันที่มีความพรีเมี่ยมและทำตลาดในกลุ่มราคาระดับสูงมาโดยตลอด แต่การกลับมาภายใต้การบริหารงานของ Lenovo แบรนด์คอมพิวเตอร์ชั้นนำ เราจึงนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคทุกกลุ่ม ผ่าน 5 ซีรีย์ ได้แก่ C , E , G , X และ Z

2

“G series เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมสูงสุด เนื่องจากสามารถเป็นเจ้าของได้ง่ายด้วยราคากลุ่มมิดเทียร์ ราคาระหว่างต่ำกว่าหมื่นบาทถึงหมื่นบาทต้นๆ ซึ่งเป็นราคาที่ผู้บริโภคให้การตอบรับ ทั้งคนที่ต้องการสมาร์ทโฟนราคาประหยัดและผู้ที่ต้องการบริหารการใช้จ่าย โดยคู่แข่งก็ทำตลาดอย่างดุเดือดในกลุ่มราคานี้เช่นกัน นอกจากนี้เรายังเลือกใช้ Pure Android เป็นระบบปฏิบัติการหลัก ด้วยความโดดเด่นที่ทำให้เครื่องตอบสนองรวดเร็วและมีความเสถียร รวมถึงการันตีอัพเดท 2 เวอร์ชั่น ซึ่งถือเป็นความพิเศษกว่าแบรนด์อื่นที่บางรุ่นก็อัพเดทได้อีกเพียงเวอร์ชั่นเดียว”

นอกจากนี้ Motorola จะกลับมาในภาพลักษณ์ที่มีชีวิตชีวา สื่อถึงความเป็นไลฟ์สไตล์มากขึ้นด้วยสีสันที่สดใส แต่ยังคงความพรีเมี่ยมด้วยแบรนด์สัญชาติอเมริกันของเรา ภายใต้ระดับราคาที่หลากหลายสามารถเข้าถึงใจผู้บริโภคได้ทุกระดับและทุกช่วงวัย

โฟกัสตลาดมือถือต่ำหมื่น!

หลังกลับมาทำตลาดในประเทศไทยเมื่อปี 2016 ซึ่ง Motorola G ได้การตอบรับที่ดีจากแฟนชาวไทย เพราะเราศึกษาตลาด เข้าใจกลุ่มเป้าหมายและรู้ความต้องการของผู้บริโภค เนื่องจากตลาดสมาร์ทโฟนราคาต่ำกว่า 10,000 บาท ถือเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของไทย ซึ่ง Motorola เปิดตัวไปแล้ว 3 รุ่น คือ G Turbo , G 4 Plus และ G 5 Plus ซึ่งรุ่น และในวันนี้เรากำลังจะเปิดตัวรุ่นใหม่ G 5s Plus พร้อมจำหน่ายเป็นครั้งแรกในงาน Thailand Mobile Expo นี้

G 5s Plus
G 5s Plus

“เชื่อว่าเมื่อผู้บริโภคต้องการสมาร์ทโฟนราคาต่ำกว่าหมื่นบาท Motorola จะเป็นหนึ่งในตัวเลือกเสมอ จากผลตอบรับ G 5 Plus อย่างล้นหลาม ทำให้เราเดินหน้าเปิดตัวรุ่นต่อไปในชื่อ G 5s Plus รวมถึงเดือนพฤศจิกายนที่จะเปิดตัว Motorola X4 เพื่อเจาะตลาดสมาร์ทโฟนราคาหมื่นกลาง โดยทั้ง 2 รุ่น มาพร้อมจุดเด่นกล้องหลังเลนส์คู่ ทำให้รุ่น G 5s Plus เป็นสมาร์ทโฟนที่มีกล้องแบบเลนส์คู่เป็นรุ่นแรกของแบรนด์ ส่วนระยะเวลาการเปิดตัวแต่ละรุ่นที่ค่อนข้างใกล้กันนั้น เราไม่ได้มองว่าเป็นการชิงส่วนแบ่งตลาดกันเอง แต่เรามองว่าสมาร์ทโฟนแต่ละรุ่นของ Motorola มีความแตกต่างกันไป ดังนั้นลูกค้าที่เลือกซื้อก็จะชื่นชอบแตกต่างกัน”

พลิกกลยุทธ์ เน้นเปิดเผย จริงใจต่อลูกค้า

Motorola จะเน้นการทำตลาดผ่านการสื่อสารกับผู้บริโภคด้วยแคมเปญต่างๆ พร้อมสร้างความรู้ความเข้าใจในแบรนด์ และเข้าถึงผู้บริโภคผ่านสื่อรูปแบบต่างๆ ทั้งสื่อออนไลน์ โซเชียลมีเดีย อีเวนท์ เพื่อใกล้ชิดผู้บริโภคและทำให้พวกเขารู้สึกว่า Motorola เป็น Product for ME ขณะเดียวกันก็ยังคงความเป็นแบรนด์ Motorola Heritage กลับมาตอบโจทย์แฟนๆ Gen Y ที่มีความรักในแบรนด์ ชื่นชอบความทนทาน และมีประสิทธิภาพตรงใจ พร้อมกับเชื่อมโยงและขยายฐานลูกค้าสู่ Gen ใหม่ๆ เพื่อหยั่งรากแก้วลงในใจพวกเขา โดยใช้การสื่อสารผ่าน Influencers และพรีเซนเตอร์ที่เป็นแฟน Motorola จริงๆ เพราะเราตั้งใจนำเสนอความประทับใจและความชื่นชอบในแบรนด์ที่เกิดขึ้นจริงไม่หลอกลวงผู้บริโภค

สำหรับสมาร์ทโฟน G 5s Plus ได้เลือก ว่าน-ธนกฤต พานิชวิทย์ เป็นพรีเซนเตอร์ ซึ่งสามารถสื่อสารและสะท้อนถึงแบรนด์ Motorola ได้จากภาพลักษณ์และความคิด เนื่องจากว่าเป็นหนึ่งในแฟน Motorola มีความชื่นชอบและใช้งานจริง ส่วนรุ่น X4 ที่จะเปิดตัวถัดไปนั้น ก็ได้เลือก ฌอน-ชวนล ไคสิริ หรือที่รู้จักกันว่า ฌอน POEM มาเป็นพรีเซนเตอร์ เนื่องจากสมาร์ทโฟนรุ่นดังกล่าวเน้นดีไซน์สวยงาม จึงเหมาะกับภาพลักษณ์ของฌอนที่เป็นผู้นำด้านแฟชั่นที่คนรุ่นใหม่และเซเลบ ดารา ต่างชื่นชอบ ซึ่งเชื่อว่าทั้ง 2 พรีเซนเตอร์สามารถสื่อสารกับผู้บริโภคแทนแบรนด์ได้อย่างตรงใจ ด้วยความพรีเมี่ยมที่ไม่ได้ยึดติดอยู่กับความหรูหราจากการสวมสูท แต่มาจากดีไซน์ นวัตกรรม ฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์ และความทนทานของเครื่อง

3

“เราไม่ปฏิเสธว่าการเลือกดาราดังระดับซุเปอร์สตาร์เป็นพรีเซนเตอร์นั้น สามารถสร้างการรับรู้ในแบรนด์ได้จริง แต่นั่นหมายถึงการใช้เม็ดเงินจำนวนมาก ซึ่ง Motorola ไม่เลือกทำตลาดเช่นนั้น เรามุ่งสร้างความแตกต่างแต่สามารถเข้าถึงใจผู้บริโภคที่เป็นแบรนด์เลิฟเวอร์ของเราได้จริง พรีเซนเตอร์ของเราต้องมีความเรียล ใช้สินค้าของเราในชีวิตประจำวันของเขาจริงๆ”

ตั้งเป้าเขย่าอันดับผู้นำ! หวังเป็นเบอร์ 3 ภายใน 5 ปี

ต้องยอมรับว่าแบรนด์ Motorola เพิ่งกลับมาทำตลาดไม่นานนัก แต่เรามีเป้าหมายจะเป็นผู้นำอันดับ 3 ในตลาดสมาร์ทโฟนประเทศไทยให้ได้ภายใน 5 ปีหลังจากทำตลาด เชื่อว่าจุดเด่นที่แบรนด์มีผลิตภัณฑ์สามารถตอบโจทย์ได้ทุกความต้องการในทุกระดับราคา ประกอบกับการทำตลาดอย่างต่อเนื่อง จะทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจเลือก Motorola โดยเฉพาะลูกค้าหลักของเราที่อยู่ในกรุงเทพฯ และจังหวัดหัวเมือง ขณะเดียวกันเรายังมีพันธมิตรธุรกิจชั้นนำ เช่น True ซึ่งเป็นทั้งตัวแทนจำหน่ายและพันธมิตรธุรกิจ นำเสนอแพ็กเกจและราคาพิเศษให้ลูกค้า ร้านค้าปลีก TG Fone , Jaymart หรือเปิดจองซื้อผ่านช่องทางออนไลน์อย่าง Lazada และขยายไปสู่ช่องทางโมเดิร์นเทรดอย่าง Big C เพื่อรุกตลาดสมาร์ทโฟนราคาล่าง-กลาง

หวังครองตลาดมือถือราคากลาง!

ในประเทศไทย Motorola ตั้งความหวังกับตลาดกลุ่มราคากลางขึ้นไป แต่ก็ให้ความสำคัญกับกลุ่มราคาล่างและระดับบนด้วย แต่การสร้างแบรนด์นั้น เรามีความเชื่อว่าจะต้องเริ่มทำตลาดจากราคาระดับบนลงมา อย่างไรก็ตาม การทำตลาดสมาร์ทโฟนกลุ่มราคากลางในไทยนั้นค่อนข้างยาก เนื่องจากแบรนด์คู่แข่งมีการทำตลาดด้วยงบประมาณจำนวนมากอย่างต่อเนื่อง ทำให้ Motorola ต้องเน้นการนำเสนอเทคโนโลยีเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าให้ตรงกลุ่มเป้าหมาย เพื่อสร้างโอกาสเข้าถึงโดยตรง รวมถึงบริการหลังการขายซึ่งปัจจุบันมี Self Service รวม 13 สาขาทั่วประเทศ พร้อมเตรียมขยายเพิ่มเติมในอนาคต

ส่วนการทำตลาดในอาเซียนนั้น ประเทศไทยถือเป็นตลาดที่ Motorola ให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ เป็นรองเพียงอินโดนีเซีย แต่หลังจากเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆ ก็พบว่าบางรุ่น ประเทศไทยมียอดจำหน่ายมากกว่าอินโดนีเซีย ซึ่งแนวโน้มตลาดสมาร์ทโฟนในอาเซียนนั้นมีความคล้ายคลึงกัน ยกเว้นสิงคโปร์ซึ่งนิยมสมาร์ทโฟนพรีเมี่ยมมากกว่าระดับราคาอื่น

4

Customer Centric ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคดิจิทัล

กลยุทธ์ที่จะเข้าถึงใจผู้บริโภคในยุคดิจิทัล คือ Customer Centric ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง หากทำแบรนด์นำเสนอผลิตภัณฑ์โดยไม่เข้าใจว่าลูกค้าคือใคร ต้องการอะไร และขาดการสื่อสาร ก็เท่ากับหมดโอกาสเข้าถึงลูกค้า เนื่องจากมือถือเป็นสินค้าที่มีตัวแทนเกิดขึ้นได้อย่างสมบูรณ์ หากแบรนด์ไม่สามารถครองใจลูกค้าได้ก็เท่ากับหมดโอกาส

“จากนี้ผลิตภัณฑ์ Motorola จะสร้างความตื่นเต้นให้ผู้บริโภคและตลาดอย่างต่อเนื่อง ทั้งเรื่องของกล้องถ่ายภาพ นวัตกรรม สีสัน รวมถึง Moto Mods อุปกรณ์เสริมเพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ในการใช้งานให้เป็นได้มากกว่าสมาร์ทโฟน ซึ่ง Motorola พยายามขยายความร่วมมือกับพาทเนอร์แบรนด์ระดับโลกเพื่อสร้างสรรค์มิติใหม่ในการใช้งาน ควบคู่กับการสร้างแบรนด์ในสไตล์ของเรา”.

Copyright © MarketingOops.com


  • 196
  •  
  •  
  •  
  •  
Ms.นกยูง
เมื่อโลกไม่เคยหยุดหมุน เราก็ไม่ควรหยุดเรียนรู้... ชวนคุณมาทำความรู้จักหลากหลายเรื่องราว ทั้งสาระและสีสันบนโลกดิจิทัลไปพร้อมกัน