“ไมเนอร์ ฟู้ด” รุกปั้น “1112 Delivery” จากฟู้ดเดลิเวอรี่ สู่ O2O Platform เชื่อมร้าน-ออนไลน์

หลังจาก “เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป” เปิดตัวแอปพลิเคชัน “1112 Delivery” เป็นแพลตฟอร์มให้บริการ Food Delivery ร้านอาหารในเครือไมเนอร์ ฟู้ด และพันธมิตรโดยเฉพาในปี 2562 และในช่วงกว่า 2 ปีที่ผ่านมาที่เกิดสถานการณ์ COVID-19 “ไมเนอร์ ฟู้ด” ได้รุกพัฒนาฟีเจอร์ และสร้างฐานลูกค้าดาวน์โหลดแอปฯ 1112 Delivery เพื่อสอดรับกับตลาด Food Delivery ในไทยที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว

แม้เวลานี้สถานการณ์ต่างๆ คลี่คลาย ผู้คนออกมาใช้ชีวิตนอกบ้าน แลร้านอาหารในส่วน Dine-in กลับมาคึกคัก แต่ขณะเดียวกันพบว่าตลาด Food Delivery ยังคงเติบโตต่อเนื่อง เพราะพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปแล้ว โดยต้องการความสะดวกสบายมากขึ้น ทำให้ Food Delivery กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันคนไทย

นี่จึงทำให้ “ไมเนอร์ ฟู้ด” เดินหน้าสร้างความแข็งแกร่งธุรกิจ Delivery โดยใช้จุดแข็งที่เป็นความได้เปรียบทางการแข่งขัน ทั้งเครือข่ายสาขาของแบรนด์ในเครือ, การเป็น Own Platform ทำให้สามารถบริหารจัดการ – ควบคุมคุณภาพอาหาร และระยะเวลาการส่ง, โปรโมชั่นราคา

ที่สำคัญ “ไมเนอร์ ฟู้ด” ไม่ได้มองแพลตฟอร์ม “1112 Delivery” เป็นเพียง Food Delivery เท่านั้น แต่ยังเป็นแพลตฟอร์มสร้างความแข็งแกร่งด้าน “Customer Data” ที่ทำให้กลุ่มไมเนอร์เข้าใจ Insights และพฤติกรรมลูกค้า เพื่อนำไปใช้ต่อยอดธุรกิจ

จากนั้นสเต็ปต่อไปต้องการพัฒนา “1112 Delivery” ให้เป็น “O2O Platform” (Online to Offline – Offline to Online) เชื่อมต่อหน้าร้านกับออนไลน์เข้าด้วยกัน ตอบโจทย์ทั้งการทำ CRM เพื่อรักษาฐานลูกค้า และทำให้การขับเคลื่อนธุรกิจร้านอาหารในเครือไมเนอร์ ฟู้ดใช้ Data-driven ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สำรวจตลาด “Food Delivery” ร้านอาหาร Dine-in กลับมาคึกคัก แต่ตลาด Delivery ยังโต

ในช่วงกว่า 2 ปีมานี้ที่เกิด COVID-19 กลายเป็นตัวเร่งให้ตลาด “Food Delivery” ในไทยขยายตัวอย่างรวดเร็ว แม้เวลานี้สถานการณ์ต่างๆ คลี่คลาย ผู้คนออกมาใช้ชีวิตนอกบ้านกันแล้ว และร้านอาหาราที่ให้บริการ Dine-in กลับมาคึกคัก แต่ตลาด Food Delivery ยังคงเติบโต และกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันคนไทยไปแล้ว

“ศูนย์วิจัยกสิกรไทย” คาดการณ์มูลค่าตลาด Food Delivery ปีนี้ อยู่ที่ 79,000 ล้านบาท เติบโต 5% เทียบกับปีที่แล้ว แม้จะไม่ได้ขยายตัวแบบก้าวกระโดดเหมือนในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาก็ตาม แต่ภาพรวมตลาด Food Delivery อยู่ในทิศทาง Stabilize นั่นคือ จากนี้ตลาดจะค่อยๆ โตต่อเนื่องไปเรื่อยๆ ในอัตราที่ไม่สูงเท่ากับช่วงที่ผ่านมา เนื่องจาก

– ในช่วงกว่า 2 ปีที่ผ่านมา ผู้บริโภคไทยหันมาใช้บริการ Food Delivery มากขึ้น สร้างการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคต้องการความสะดวกสบายมากขึ้น

– Penetration ของตลาด Food Delivery ครอบคลุมทุกจังหวัดในไทย จากในยุคแรกกระจุกตัวเฉพาะในกรุงเทพฯ – ปริมณฑล ก่อนจะขยายไปยังหัวเมืองใหญ่ ขณะที่ปัจจุบันกระจายทั่วประเทศไทย

– ทั้ง Dine-in กับ Delivery ส่งเสริมกัน เพราะความต้องการใช้บริการระหว่าง Dine-in กับ Delivery แตกต่างกัน ผู้บริโภคที่ใช้บริการ Dine-in ต้องการสัมผัสประสบการณ์รูปแบบหนึ่ง และหากต้องการความสะดวกสบาย อยู่บ้าน หรือออฟฟิศ ไม่อยากเดินทางไปไหน จะสั่งบริการ Delivery

เพราะฉะนั้นสิ่งที่ผู้บริโภคต้องการจากบริการ Food Delivery ประกอบด้วย 4 ปัจจัยหลัก

1. Speed: ส่งเร็ว

2. Value: ความคุ้มค่าคุ้มราคาของทั้งราคาอาหาร และค่าส่ง

3. Quality: คุณภาพอาหารที่มาส่งแล้วเหมือน หรือใกล้เคียงกับการรับประทานที่ร้าน และคุณภาพด้านบริการ

4. Variety: ความหลากหลายของร้านอาหาร และประเภทอาหาร

ตามดูสถิติ “1112 Delivery” ชูจุดแข็งร้านอาหารเครือไมเนอร์ ฟู้ดกว่า 1,500 สาขา – การันตีส่งร้อน–ส่งเร็วใน 30 นาที

ก่อนที่ตลาด Food Delivery ในไทยจะขยายตัวอย่างทุกวันนี้ รายแรกๆ ที่บุกเบิกตลาดจัดส่งอาหารในไทยคือ “ไมเนอร์ ฟู้ด” ในปี 2001 ที่เปิดตัวเชน “The Pizza Company” มาพร้อมกับบริการ Delivery ซึ่งในยุคแรกยังเป็นบริการ Call Center ต่อมาได้เพิ่มช่องทางการสั่งอาหารผ่านทางเว็บไซต์ในปี 2010

จากนั้นในปี 2019 ได้เปิดตัวแอปพลิเคชัน “1112 Delivery” พร้อมทั้งรวบรวมแบรนด์ร้านอาหารในเครือไมเนอร์ ฟู้ดมาอยู่บนแพลตฟอร์ม และต่อมาสร้างความร่วมมือกับผู้ประกอบการร้านอาหารอื่น เพื่อเพิ่มความหลากหลายของแบรนด์ และประเภทอาหารบนแพลตฟอร์ม

คุณปัทม์ พงษ์วิทยาพิพัฒน์ ผู้จัดการทั่วไป เดอะ พิซซ่า คอมปะนี และธุรกิจ 1112 Delivery ฉายภาพพัฒนาการของ แพลตฟอร์ม “1112 Delivery” ในปัจจุบันว่า

– ให้บริการครอบคลุม 75 จังหวัด (อีก 2 จังหวัดที่ยังไม่เปิดให้บริการคือ แม่ฮ่องสอน และปัตตานี)

– ปัจจุบันยอดผู้ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน จำนวน 2.5 ล้านราย โดยเป็น Active User 60% ซึ่งธุรกิจ Delivery ยิ่งยอดดาวน์โหลดแอปฯ มาก ยิ่งเพิ่มโอกาสการเติบโตของยอดขาย

– มีจำนวนไรเดอร์ 5,000 คน แบ่งเป็น 50% ของไมเนอร์ ฟู้ด และ 50% ไรเดอร์ของพาร์ทเนอร์

– ระยะเวลาการจัดส่งอาหารถึงมือลูกค้า โดยเฉลี่ยสามารถทำได้ภายใน 25 นาที และไมเนอร์ ฟู้ดเชื่อว่าอนาคตอันใกล้จะสามารถทำเวลาการให้บริการได้เร็วขึ้นกว่านี้

– สัดส่วนลูกค้าของแอปฯ 1112 Delivery เป็นกลุ่มผู้หญิง 67% และผู้ชาย 33%

– อายุผู้ใช้งาน ช่วงอายุ 25 – 34 ปี คิดเป็นสัดส่วน 31% และ 35 – 44 ปี สัดส่วน 28%

– โลเคชั่นการใช้บริการ ยังคงอยู่ในกรุงเทพฯ เป็นหลัก 80% และอีก 20% ต่างจังหวัด

– อัตราการเติบโตของแพลตฟอร์ม 1112 Delivery ในช่วง COVID-19 ปี 2020 โตสูงถึง 178%

– คาดการณ์ว่าปี 2022 แพลตฟอร์ม 1112 Delivery จะเติบโต 56% และตั้งเป้าการเติบโตปี 2023 อยู่ที่ 50%

– มี 7 แบรนด์ร้านอาหารในเครือไมเนอร์ ฟู้ด เช่น เดอะ พิซซ่า คอมปะนี, บอนชอน ซิซซ์เลอร์, เบอร์เกอร์ คิง, สเวนเซ่นส์, แดรี่ควีน และ เดอะ คอฟฟี่ คลับ พร้อมด้วยร้านอาหารพันธมิตรที่เข้าร่วม เช่น เอสแอนด์พี, เออร์เบินพิซซ่า, เบรดทอล์ค, ซงฟา, เซอร์เจนท์ คิทเชน, อีสาน แซ่บ แซ่บ

– Top 3 แบรนด์ร้านอาหารเครือไมเนอร์ ฟู้ดที่ได้รับความนิยมมากสุดบนแพลตฟอร์ม 1112 Delivery อันดับ 1 เดอะ พิซซ่า คอมปะนี / อันดับ 2 สเวนเซ่นส์ / อันดับ 3 บอนชอน

“เหตุผลที่ไมเนอร์ ฟู้ดให้ความสำคัญกับธุรกิจ Delivery เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป เราจะเห็นว่าผู้บริโภคต้องการความสะดวกมากขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้เป็น “Super Convenience” แล้ว และไม่ใช่แค่เฉพาะอาหารอย่างเดียว แม้แต่ร้านสะดวกซื้อ – ซูเปอร์มาร์เก็ต ยังมีบริการ Delivery

นี่เป็น New Norm ของผู้บริโภคไทย เพราะฉะนั้นมี demand อยู่แล้วว่าต้องการความรวดเร็ว สะดวกสบาย บางทีไม่อยากออกจากบ้าน เพราะฉะนั้นเราต้อง capture ความต้องการนี้ให้ได้

นอกจากนี้ ในอนาคตสิ่งที่ผู้ประกอบการร้านอาหารต้องตอบโจทย์ให้ได้ คือ จะมีความแตกต่างชัดเจนระหว่างการให้บริการ Dine-in กับการให้บริการ Delivery เช่น ผู้บริโภคที่ใช้บริการ Dine-in เพราะต้องการเสพประสบการณ์ เพราะฉะนั้นประสบการณ์ของลูกค้าในร้านคือสิ่งสำคัญ ขณะที่ Delivery ต้องการความสะดวกสบาย

การที่ไมเนอร์ ฟู้ดทำธุรกิจ Delivery มาได้ยาวนาน เนื่องจากเรามีจุดแข็งที่ถือเป็นข้อได้เปรียบคือ เรามีประสบการณ์ มีองค์ความรู้ และมี Network ร้านของเรามากกว่า 1,500 สาขาในไทย เพราะฉะนั้นเมื่อเรามีร้านของเราเอง ทำให้สามารถบริหารจัดการ และควบคุมคุณภาพ – ความรวดเร็วในการจัดส่งได้ดี

อย่างเมื่อไตรมาส 2 เราลอนซ์โปรแกรมการันตีจัดส่งภายใน 30 นาที ถ้าส่งเกินเวลาที่การันตี ลูกค้าจะได้คูปองพิเศษไป ซึ่งเราเป็นเจ้าเดียวในไทยที่การันตีเวลาจัดส่ง เนื่องจากเป็นร้านของเราเอง ทำให้สามารถบริหารจัดการได้ รวมทั้งใช้กระเป๋า Hot Bag และมีแผ่นทำความร้อน หรือ Heat Plate ควบคุมอุณหภูมิของอาหารให้ยังคงคุณภาพ” คุณธันยเชษฐ์ เอกเวชวิท ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เล่าถึงจุดแข็งของการทำธุรกิจ Food Delivery

การันตีราคาอาหารถูกกว่าแพลตฟอร์มอื่น 10-15% – ตั้งเป้าเป็นแพลตฟอร์ม “O2O Personalized Experience”

สำหรับแผนธุรกิจ 1112 Delivery จากนี้ ตอกย้ำกลยุทธ์หลักใน 3 แกนคือ “Best Deal – Best Service – Best Experience”

– Best Deal ตอบโจทย์ความคุ้มค่าคุ้มราคาให้กับผู้บริโภค ภายใต้แคมเปญ “Best Price รับประกันราคาดีที่สุด” (ระหว่าง 6 กันยายน – 5 ตุลาคม) สื่อสารสโลแกน “ถูก ไม่ต้องเทียบ” มาจาก Insights ผู้บริโภคที่สั่งอาหารผ่านแอปฯ Food Delivery จะเปรียบเทียบราคาอาหารแบบเดียวกัน และค่าส่ง ยิ่งเวลานี้ผู้บริโภคเผชิญกับสถานการณ์เศรษฐกิจซบเซา เงินเฟ้อ ของกินของใช้ต่างๆ มีราคาแพงขึ้น ยิ่งทำให้ผู้คนใช้จ่ายลดลง และการใช้จ่ายแต่ละครั้งจะพิจารณาปัจจัยความคุ้มค่ามากขึ้น

ดังนั้นแคมเปญ “Best Price รับประกันราคาดีที่สุด” เพื่อตอบสนอง Insights ดังกล่าว และรับประกันว่าเมื่อสั่งอาหารผ่าน 1112 Delivery ครอบคลุม 7 แบรนด์ในเครือไมเนอร์ ฟู้ด มีราคาถูกกว่าแพลตฟอร์มอื่น 10 – 15% ขณะที่ค่าส่ง สำหรับในช่วงจัดแคมเปญนี้ ส่งฟรีเมื่อสั่งครบ 500 บาท รวมทั้งมีส่วนลดให้กับลูกค้าปัจจุบัน – ลูกค้าใหม่ ส่วนค่าส่งปกติ ที่ไม่ได้มีโปรโมชั่นใดๆ จัดส่งฟรีภายใน 3 กิโลเมตรแรก และโดยเฉลี่ยค่าส่งเริ่มต้นที่ 19 สูงสุดที่ 49 บาท

แคมเปญการรับประกันราคา Best Price “ไมเนอร์ ฟู้ด” คาดว่าจะช่วยกระตุ้นยอดขายบนแพลตฟอร์มเพิ่มขึ้น 30% และขยายฐานลูกค้าใหม่ พร้อมกับทำให้ผู้ใช้เดิม เพิ่มความถี่ในการสั่งอาหารมากขึ้น

– Best Service จาก Pain Point ของผู้บริโภคเวลาใช้บริการ Food Delivery แพลตฟอร์มต่างๆ มักจะประสบกับสถานการณ์กดสั่งแล้ว แต่ไม่มีไรเดอร์รับ หรือใช้เวลารออาหารนานเกินไป เพราะฉะนั้นไรเดอร์ และ Speed การจัดส่งจึงเป็นหัวใจสำคัญของ Food Delivery

สำหรับ “1112 Delivery” การันตีส่งร้อน-ส่งเร็วภายในเวลา 30 นาที ด้วยระบบจัดการหลังบ้านที่มีประสิทธิภาพ สามารถควบคุมคุณภาพได้เองทุกขั้นตอน ตั้งแต่เริ่มรับออเดอร์ผ่านทุกช่องทางการซื้อของ 1112 Delivery สู่ขั้นตอนการเตรียมอาหารตามลำดับ และขั้นตอนเตรียมจัดส่งถึงมือผู้บริโภคภายในเวลาที่กำหนด ด้วยบรรจุภัณฑ์เก็บความร้อนควบคุมอุณหภูมิอาหาร

นอกจากนี้ยังได้นำรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าเข้ามาเสริมทัพในการจัดส่งอาหาร เพื่อสอดรับกับการเป็น Green Delivery และลดต้นทุนการจัดส่ง

– Best Experience หากเจาะลึกโมเดลของ “1112 Delivery” ไม่ได้เป็นเพียงแพลตฟอร์ม Food Delivery ให้กับร้านอาหารในเครือไมเนอร์ ฟู้ด และพันธมิตรเท่านั้น แต่ยังเป็นแพลตฟอร์มเก็บ “Database” ลูกค้า และด้วยความที่เป็นแพลตฟอร์มของตัวเอง ทำให้ได้ “First-party Data” ซึ่งฐานข้อมูลลูกค้าเหล่านี้ จะทำให้เครือไมเนอร์ ดำเนินธุรกิจด้วย Data-driven ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถนำมาใช้วิเคราะห์ และทำ Personalized Offer และ Personalized Communication ที่ตอบโจทย์ลูกค้าเป็นรายบุคคลได้ รวมทั้งต่อยอดธุรกิจไปได้อีกมาก

ขณะที่สเต็ปต่อไปของแพลตฟอร์ม “1112 Delivery” ไมเนอร์ ฟู้ดต้องการพัฒนาให้เป็นมากกว่าแพลตฟอร์ม Food Delivery แต่คือ “O2O Personalized Experience Platform” ที่เชื่อมต่อร้านกับออนไลน์เข้าด้วยกัน

โดยในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2022 มีแผนที่จะเพิ่มศักยภาพของช่องทาง Delivery ในการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆ รวมถึงพัฒนาระบบ Loyalty Program ของแบรนด์ให้มีความแข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้นในอนาคต เพื่อรองรับผู้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค

รวมถึงการจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดอย่างต่อเนื่องเพื่อกระตุ้นการบริโภคและขยายฐานผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น ทั้งกลุ่มคนรุ่นใหม่ คนทำงาน และกลุ่มครอบครัว

ตลอดจนการมองหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ผ่านความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจในการนำเสนอการบริการและพัฒนาความแข็งแกร่งบนแพลตฟอร์ม 1112 Delivery เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด

“ข้อได้เปรียบของเครือไมเนอร์ ฟู้ดคือ ต่อไปอนาคตของ 1112 Delivery จะไม่ใช่เฉพาะแพลตฟอร์ม Delivery เท่านั้น แต่เป็นแพลตฟอร์ม Personalized O2O Experience ให้กับลูกค้า หมายความว่าต่อไปลูกค้าสามารถใช้แพลตฟอร์ม 1112 Delivery ได้ทั้งบริการจากหน้าร้าน และออนไลน์

เช่น ลูกค้าสั่ง Delivery มาแล้วได้พอยท์สะสม วันรุ่งขึ้นอาจนำพอยท์นั้น ไปใช้ redeem ที่ร้านได้ หรือได้สิทธิประโยชน์บางอย่างจากการใช้บริการที่ร้าน สามารถนำมาใช้ผ่านออนไลน์ได้

รวมถึงต่อไปบนแพลตฟอร์มนี้ นอกจากร้านอาหารแล้ว อาจมีธุรกิจในเครือไมเนอร์อื่น และพันธมิตรธุรกิจต่างๆ มาร่วมอยู่บนแพลตฟอร์มนี้ด้วย” คุณธันยเชษฐ์ สรุปทิ้งท้าย