ในยุคของการดูแลสุขภาพนอกจากการออกกำลังกายแล้ว อาหารการกินก็มีส่วนสำคัญมากเช่นกัน ซึ่งในปัจจุบันตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะในแถบตะวันตก, ยุโรป, อเมริกา และสแกนดิเนเวีย ค่อนข้างให้ความสนใจเกี่ยวกับ ‘คอมบูชะ’ ชาหมักจากตำนาน 2,000 ปี เรียกว่าเป็นยุคเฟื่องฟูของคอมบูชะก็ว่าได้ จนช่วงหลังๆ อิทธิพลความเฮลตี้ของคอมบูชะในประเทศไทย กลายเป็นกระแสที่มาแรง โดย ‘มายด์ คอมบูชะ’ (Mind Kombucha) ถือว่าเป็นแบรนด์ไทย ที่ทำให้ตลาดไทยรู้จักกับคำว่า ‘สุขภาพลำไส้ที่สมดุลโดยธรรมชาติ ’ ซึ่งเป็นคุณสมบัติเด่นของคอมบูชะ
สำหรับใครที่ยังไม่คุ้นเคยกับ ‘คอมบูชะ’ เราได้มีโอกาสพูดคุยกับเจ้าของแบรนด์มายด์ คอมบูชะ ‘คุณแอน – อัญชลี ลิ้มเล็งเลิศ’ ซึ่งคุณแอน ได้เล่าเกี่ยวกับคอมบูชะอย่างเข้าใจง่ายสั้นๆ ว่า “คอมบูชะ คือ กระบวนการหมัก เป็นภูมิปัญญาของเราที่มีมา 2,000 ปีแล้ว โดยเราจะใช้ชาเขียวกับชาดำเกรดพรีเมี่ยมซึ่งเป็นวัตถุดิบจากเชียงใหม่และเชียงราย และนำมาหมักกับจุลินทรีย์ที่ดี 3 ชนิดนาน 30 วัน”
“นักวิทยาศาสตร์เองก็ยืนยันว่า ความจริงคนเรามีจุลินทรีย์มากกว่า DNA ของตัวเราเองด้วยซ้ำ ดังนั้นการให้อาหารกับจุลินทรีย์ในลำไส้ถือว่าจำเป็น เพราะเป็นจุดเริ่มต้นของสุขภาพที่ดี”
กลยุทธ์ Collaboration ผนึกกำลังกับหลายร้านดัง After You, Salad Factory, Coffee World, Au Bon Pain เพื่อให้แบรนด์เข้าถึงผู้บริโภคมากขึ้น
ต้องพูดว่ามายด์ คอมบูชะ เป็นแบรนด์ที่อาจจะคุ้นหน้าคุ้นตาของใครหลายคนพูดได้ว่าไปที่ไหนก็เห็นแต่แบรนด์นี้เต็มไปหมด โดยเฉพาะในซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำ, ร้านอาหารสุขภาพ หรือแม้แต่ร้านกาแฟก็มีให้เห็นอยู่บ่อยๆ
เป็นที่สังเกตว่าการที่เราเห็นแบรนด์มายด์ คอมบูชะ กันอยู่บ่อยๆ นั้นเป็นเพราะว่าแนวคิดการทำ collaboration ที่ผ่านมาตั้งแต่ที่คุณแอนเริ่มก่อตั้งบริษัทจนถึงปัจจุบัน รวมไปถึงอนาคตอันใกล้ด้วย โดยคุณแอนเล่าว่าเป้าหมายเพียงอย่างเดียวนั้นก็คือ ‘การพาแบรนด์ให้ไปอยู่ใกล้ลูกค้ามากที่สุด’
นับจากวันที่คนไทยแทบจะไม่รู้จักคอมบูชะ จนในวันนี้มีคนไทยที่รู้จักคอมบูชะมากขึ้น จากที่แบรนด์มีการสำรวจวิจัยจนเห็นการเติบโตของตัวเลขน่าจะอยู่ที่ 60-70% โดยประมาณ ที่น่าสนใจคือ คุณแอน เล่าถึงกลยุทธ์การทำ collaboration ของมายด์ คอมบูชะ ว่ามีอยู่ 3 กลุ่มใหญ่ด้วยกัน นั่นก็คือ
- ร้านสุขภาพที่มีกลุ่มเป้าหมายเป็นคนรักสุขภาพอยู่แล้ว ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่จะรู้จักคอมบูชะ
เช่น ร้าน Salad Factory หรือ ร้านสาขาที่เป็นโซนโรงพยาบาล (health concern zone) โดยจะเป็นกลุ่มแรกๆ ที่มายด์ คอมบูชะ จะเข้าไปเจาะตลาดก่อนเพราะมองว่ามีดีมานด์ของผู้บริโภคอยู่แล้ว อะไรที่ผู้บริโภคมองหา…เราต้องพาแบรนด์ไปอยู่ตรงนั้น
- การสร้าง awareness ทำให้กลุ่มลูกค้าที่อยู่นอกเหนือจากลูกค้าเฮลตี้โดยตรง รู้จักแบรนด์มายด์ คอมบูชะมากขึ้น
เช่น ร้าน After You, Coffee World, Au Bon Pain (โอ บอง แปง) แม้ว่าลูกค้าส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่ทานกาแฟ แต่ก็ยังมีกลุ่มเฮลตี้ที่ concern เรื่องสุขภาพ และพร้อมที่จะเปิดใจทำความรู้จักกับคอมบูชะ นอกจากนี้ยังมีกลุ่มธุรกิจโรงแรม เช่น โรงแรมอนันตรา, โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์, โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล ฯลฯ
- การนำมายด์ คอมบูชะ เข้าไปอยู่ใน ‘โมเดิร์นเทรด’ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค และมองว่ามีกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย มีลูกค้าที่ใส่ใจสุขภาพ และเป็นลูกค้าต่างชาติบางส่วน (ซึ่งรู้จักคอมบูชะเป็นอย่างดี)
เช่น Villa Market, Tops Market, Foodland, ริมปิง, Lemon Farm, Gourmet Market ฯลฯ ซึ่งส่วนใหญ่ลูกค้าในซูเปอร์มาร์เก็ตเหล่านี้จะยอมจ่ายเงินให้กับเรื่องสุขภาพ
ชอบแนวคิดอย่างหนึ่งของ CEO มายด์ คอมบูชะ ที่พูดว่า “Visibility เป็นสิ่งสำคัญ ทำให้ผู้บริโภคเห็นเราบ่อยๆ ไปที่ไหนก็เห็นเรา และเราต้องเข้าไปอยู่ใน journey ของลูกค้า” ซึ่งกลยุทธ์นี้ถือว่าเป็นตัวย่างที่ดีในการสร้างการรับรู้ให้กับผู้บริโภคในยุคนี้
โดยแพลนสำหรับปีนี้ของมายด์ คอมบูชะ ที่เรียกว่าน่าตื่นเต้นและเป็นเป้าหมายใหญ่มากก็คือ การขยายความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์และจุดจำหน่ายกว่า 7,000 จุดทั่วประเทศ จากปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 300-500 จุด (รวมทั้งโมเดิร์นเทรด)
หลายคนอาจจะแปลกใจเกี่ยวกับตัวเลขเป้าหมายที่ก้าวกระโดด แต่หากมองในมุมของคุณภาพมายด์ คอมบูชะ และ vision ของคุณแอนในฐานะที่เป็น leader เชื่อว่าจะเข้าใจว่าทำไมเป้าหมายการขยายธุรกิจถึงมีความเป็นไปได้สูง เพราะจากที่ได้พูดคุยกับคุณแอน มองว่าไม่ใช่แค่มายด์ คอมบูชะที่น่าหยิบมาเป็นกรณีศึกษา แต่มุมมองของตัวคุณแอนเองก็น่าสนใจไม่แพ้กัน
คุณแอนค่อนข้างเป็น CEO ที่มีความยืดหยุ่น และมี growth mindset ชัดเจน ดูจากจุดเริ่มต้นแรกๆ ที่คุณแอนเป็นคนที่ลงมือทำเองทุกขั้นตอน ลงหน้างานเอง เข้าหาผู้บริโภค เข้าหาร้านสุขภาพทำให้ได้สัมผัสกับลูกค้าตัวจริงและคู่ค้าธุรกิจเพื่อนำเสนอมายด์ คอมบูชะด้วยตัวเอง ซึ่งนับตั้งแต่วันที่ยังไม่มีใครรู้จักคอมบูชะ จนถึงวันนี้แบรนด์มายด์ คอมบูชะกลายมาเป็น ‘เครื่องดื่มสุขภาพที่ดีที่สุดแห่งปี’ ที่ได้รางวัล GOODLIFE Good Choice Award ในเครืออมรินทร์ จากการสำรวจเสียงของผู้บริโภคตัวจริง
3 กลยุทธ์การตลาดที่มายด์ คอมบูชะ เลือกใช้เพื่อสร้างการรับรู้
อีกหนึ่งปัจจัยความยากและเป็นอุปสรรคต่อความสำเร็จของธุรกิจก็คือ การรับรู้แบรนด์ (Brand awareness) ซึ่งคุณแอน ได้แชร์ว่าที่ผ่านมา มายด์ คอมบูชะพยายามให้ข้อมูลเกี่ยวกับคอมบูชะแก่คนไทยมากขึ้น อย่างวิธีแรกที่คุณแอนได้เคยไปร่วมงานกับรายการ Beat your limit ของคุณญาดา ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ เพื่อต้องการให้ความรู้เกี่ยวกับคอมบูชะ ถือว่า feedback ค่อนข้างดีและเกินคาด
ส่วนกลยุทธ์ที่ 2 ก็คือ POP (Point of Purchase) เช่น การใช้ป้ายแบรนด์นำไปตั้งตามสถานที่ต่างๆ ก็ช่วยได้อีกทาง และกลยุทธ์ที่ 3 คือ การหาผู้เชี่ยวชาญมาแนะนำว่าคอมบูชะคืออะไร? เป็นเชิงให้ความรู้จริงๆ ไม่ใช่การแนะนำแบรนด์มายด์ คอมบูชะ เพียงอย่างเดียว
พูดได้ว่ากว่าที่มายด์ คอมบูชะจะประสบความสำเร็จได้ขนาดนี้ในระยะเวลาเพียงไม่กี่ปีมีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้น ทั้งความพยายาม – การเรียนรู้ – ความมุ่งมั่นต่างๆ ดังนั้นเราจึงอยากจะพาย้อนไปที่จุดเริ่มต้นของแบรนด์กันสักหน่อยว่ามีที่มาน่าสนใจอย่างไร
กว่าจะมาเป็น ‘มายด์ คอมบูชะ’
ต้องย้อนไปที่จุดเริ่มต้นก่อนว่ากว่าจะเป็นแบรนด์มายด์ คอมบูชะ คุณแอน เห็นอะไรจากตลาดนี้? จากพนักงานออฟฟิศสู่การเป็นผู้ประกอบการ เริ่มต้นจากการทำร้านอาหาร ขณะเดียวกันก็มองหาโอกาสต่อยอดไปธุรกิจอื่นด้วย จนวันหนึ่งมีโอกาสได้ไปต่างประเทศกับครอบครัว และไปเจอเครื่องดื่มชนิดหนึ่งที่คนดื่มเยอะมาก รอซื้อกันเยอะมาก และสามารถหาซื้อได้ทั่วไป ทั้งจากร้านสะดวกซื้อ และ Vending Machine
“พอลองหาข้อมูลดูจึงรู้ว่าเป็นคอมบูชะ แต่เราไม่รู้จักเลยว่ามันคืออะไร เพียงแต่รู้สึกว่าน้ำตัวนี้มันดูสนุก และคนซื้อทานเยอะซึ่งในเชิงสุขภาพเรามองว่าน่าสนใจ อยากที่จะซื้อทาน และในแง่ของธุรกิจในยุคที่ยังไม่มีใครรู้จักคอมบูชะ (หรือน้อยมาก) แทบไม่มีวางขาย เราเลยอยากทำแบรนด์คอมบูชะที่หาซื้อง่าย มั่นใจที่จะทาน สามารถแนะนำให้ใครทานก็ได้”
จากความรู้ ‘คอมบูชะ’ เป็นศูนย์ สู่แบรนด์บุกเบิกการหมักนาน 30 วันด้วยจุลินทรีย์สุขภาพ 3 ชนิด
ช่วงเกือบ 5 ปีก่อนสำหรับคุณแอน ที่คอมบูชะเป็นเรื่องที่มีความรู้น้อยมาก ขณะที่คนไทยส่วนใหญ่ก็ยังไม่คุ้นเคย คุณแอนพยายามศึกษาและทำการวิจัยร่วมกับอาจารย์มหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศไทยเพื่อทำให้กระบวนการผลิตคอมบูชะดีที่สุดต่อสุขภาพคนไทย จนได้จุดขายของคอมบูชะที่ได้มาตรฐานยืนหนึ่งเรื่องหมักนาน 30 วันด้วยจุลินทรีย์สุขภาพ 3 ชนิด (ยิ่งหมักนานยิ่งดี) ตรงตามคอนเซปต์แบรนด์ “มายด์เรื่องลำไส้ ใส่ใจสุขภาพ” เพราะหากดูจากเครื่องหมายการันตีต่างๆ จะเห็นได้ชัดว่า ทำไมมายด์ คอมบูชะ ถึงเป็นแบรนด์ที่โดดเด่นในตลาด และได้รับความเชื่อมั่นเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ เช่น
- เรื่องความสะอาด ปลอดภัย – เครื่องหมาย อย.
- การจัดการ 0% แอลกอฮอล์ที่เกิดจากการหมัก – เครื่องหมายฮาลาล
- การตรวจสอบปริมาณน้ำตาล ควบคุมภาวะน้ำตาลให้อยู่ในระดับที่ดีต่อสุขภาพ – เครื่องหมายสัญลักษณ์โภชนาการ “ทางเลือกสุขภาพ”
ธุรกิจเติบโต ‘การฟังเสียงลูกค้า’ ยิ่งสำคัญ
จากที่เราเห็นทั้งกลยุทธ์การตลาดต่างๆ รวมไปถึง mindset ของคุณแอน ทำให้เข้าใจว่าทำไมช่วงเวลาเพียงแค่ 3 ปี (ตั้งแต่ปี 2562) กับเส้นทางธุรกิจของมายด์ คอมบูชะ มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและดีขึ้นเรื่อยๆ โดยในปัจจุบันมีสินค้าอยู่ทั้งหมด 2 แบบด้วยกัน ก็คือ แบบขวดแก้วพร้อมดื่ม ที่จะมีอยู่ 4 รสชาติด้วยกัน คือ ออริจินัล (0 Kcal), ส้มยูสุและพีช (50 Kcal), ลิ้นจี่ (50 Kcal), น้ำผึ้งและขิง (50 Kcal) ตลอดการพัฒนาสินค้าของมายด์ คอมบูชะ คุณแอนเล่าว่า เรารับฟังเสียงลูกค้ามาตลอด และตั้งใจที่จะพัฒนาให้ดีขึ้น ตอบโจทย์ลูกค้ามากขึ้น
จนนำมาสู่แบบที่ 2 Curcumin Shot ชาหมักคอมบูชะสูตรเข้มข้นผสมรากขมิ้นชัน เป็นหนึ่งในโปรดักส์ที่ถูกพัฒนามาจากเสียงของลูกค้า เพิ่มสรรพคุณทางด้านการชะลอวัยและเสริมภูมิคุ้มกัน ซึ่งปัจจุบันแพ็คเกจของมายด์ คอมบูชะ ที่เป็นขวดแก้วถือว่ามีดีไซน์ที่สวยงาม และดูพรีเมียม อีกทั้งยังช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมเพราะสามารถนำไปรีไซเคิลต่อได้ง่ายๆ
สิ่งที่น่าสนใจและน่าตื่นเต้นอีกอย่างที่คุณแอนเล่าให้ฟัง ก็คือ แพลนใหม่ที่มายด์ คอมบูชะ เตรียมจะเปิดตัวโปรดักส์ใหม่ภายในปีนี้ ซึ่งย้ำกับเราว่าจะเป็นโปรดักส์ที่ฉีกตัวไปจากทุกตัวที่เคยมี เรียกว่าน่าจะเป็นการเขย่าวงการคอมบูชะอย่างแน่นอน หากใครที่เป็นสายคอมบูชะ สายเฮลตี้ คงต้องติดตามต่อว่าคุณแอนจะปล่อยตัวโปรดักส์ใหม่ในช่วงไหน โดยสามารถดูความเคลื่อนไหวได้ที่ Facebook Mind Kombucha รวมทั้งพาร์ทเนอร์ใหม่ๆ ที่เตรียมจะ collaboration กันตลอดทั้งปีนี้ด้วย
จากที่ได้พูดคุยกับเจ้าของแบรนด์มายด์ คอมบูชะ อย่างหนึ่งที่รู้สึกเลยก็คือ การสร้างธุรกิจจากสิ่งที่สนใจและรักคือจุดเริ่มต้นที่ดี แต่ความพยายามปั้นในสิ่งที่คนไม่เคยรู้จักจนกลายมาเป็นเครื่องดื่มยอดฮิตคว้ารางวัลอันดับ 1 ‘เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่ดีที่สุดแห่งปี’ ของคนรักสุขภาพในยุคนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายกย่องและเป็นตัวอย่างที่ดีในการทำธุรกิจ โดยเฉพาะการเน้นกลยุทธ์การทำ brand collaboration การผนึกกำลังกับแบรนด์ต่างๆ ทั้งวิธีการสร้างการรับรู้, การสร้างแบรนด์, การวิจัยกับผู้เชี่ยวชาญ, R&D ที่ทำให้โปรดักส์ออกมาในเวอร์ชั่นที่ดีที่สุด จนไปถึง การทำการตลาด, วิธีคิดเรื่องแพ็คเกจ และการฟังเสียงลูกค้าเพื่อที่จะไม่หยุดพัฒนาตัวเอง ถือว่ามีส่วนสำคัญในการสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจในระยะยาวต่อไป