แม้ตลาดนมพร้อมดื่มในบ้านเราที่มีมูลค่า 50,000 ล้านบาท จะมี ‘นมโค’ และ ‘นมถั่วเหลือง’ ครองมาร์เก็ตแชร์หลักอยู่ถึง 95% แต่ความเคลื่อนไหวของตลาดนี้ที่น่าสนใจ ก็คือ ‘นมอัลมอนด์’ ได้แทรกเข้ามาเป็นทางเลือกและกำลังมาแรงตามกระแสรักสุขภาพ
ปัจจุบันนมอัลมอนด์จะมีสัดส่วนเพียง 5 % ในตลาดนมถั่วเหลืองที่มีมูลค่าราว 13,000 ล้านบาท และถือเป็นตลาดใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้นไม่นาน ทว่าด้วยเทรนด์รักสุขภาพที่มาแรงในคนทุกกลุ่ม ทำให้กลายเป็นตลาดที่น่าสนใจ และมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในหลายประเทศ โดยเฉพาะเอเชียแปซิฟิก ยุโรป และสหรัฐอเมริกา
อย่างไรก็ตาม ด้วยราคาขายที่สูงกว่าทั้งนมโคและนมถั่วเหลืองมากกว่า 50% บวกกับความไม่คุ้นชินในเรื่องรสชาติและความไม่เข้าใจถึงคุณประโยชน์ของนมประเภทนี้ในกลุ่มผู้บริโภคไทย ก็ยังเป็นอุปสรรคในการทำตลาดของนมอัลมอนด์
สำหรับ 137 ดีกรี ที่ทำตลาดมากว่า 2 ปี พยายามแก้เกมดังกล่าว ด้วยการทำตลาดให้แมสมากขึ้น ซึ่งแมสที่ว่า ก็คือ การหันมาใช้สื่อแมส อาทิ Out Of Home Media มาโฆษณาประชาสัมพันธ์มากขึ้น ควบคู่ไปกับการใช้สื่อดิจิทัล รวมไปถึงการจัดกิจกรรมในรูปแบบต่าง ๆ
ที่ขาดไม่ได้ คือ การสร้างความรู้ความเข้าใจกับผู้บริโภคให้มากขึ้นถึงคุณประโยชน์ของนมอัลมอนด์ อาทิ อุดมด้วยสารอาหารทั้งโปรตีน , ไฟเบอร์ , วิตามิน ฯลฯ และมีสารฟลาโวนอยด์ที่ช่วยลดคอเลสเตอรอลและบำรุงหัวใจ เป็นต้น
“เราเล่นเรื่อง pricing ไม่ได้ เพราะต้นทุนวัตถุดิบมาสูง อย่างของเรามี 2 ขนาด คือ 180 มิลลิลิตร ราคา 25-29 บาท และขนาด 1 ลิตร ราคา 112-132 บาท จึงเน้นการตลาดที่แมสและ educate กับผู้บริโภคให้เห็นประโยชน์จริง ๆ จะดีกว่า” อลิสา กุลปิยะวาจา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิมเพิ้ล ฟู้ดส์ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายนมอัลมอนด์แบรนด์ 137 ดีกรี กล่าว
นอกจากนี้ พยายามเพิ่มช่องทางจัดจำหน่ายให้ครอบคลุมมากกว่าเดิม จากที่ผ่านมาจะเน้นช่องทางโมเดิร์นเทรด เมื่อเดือนมีนาคม 61 ได้เข้าไปวางขายในร้านสะดวกซื้ออย่างเซเว่น-อีเลฟเว่น และจากนี้จะเริ่มเข้าไปขยายสู่เทรดดิชั่นนอลเทรดในต่างจังหวัดให้มากขึ้น
รวมถึงพยายามเน้นการส่งออก โดยเฉพาะประเทศที่บริโภคนมอัลมอนด์อยู่แล้ว ซึ่งปัจจุบันได้ส่งออกไปแล้ว 30 ประเทศ และมีแผนตั้งโรงงานของตนเองในเร็ว ๆ นี้ด้วย