เปิดความสำเร็จ MG SUV ทำไมถึงเป็นที่ชื่นชอบของหลายคนจนสามารถสร้างยอดขายได้สูง

  • 13.9K
  •  
  •  
  •  
  •  

พฤติกรรมเปลี่ยนไปความต้องการของผู้บริโภคก็เปลี่ยนแปลงตามไปด้วย เห็นได้จากพฤติกรรมการซื้อของใช้เข้าบ้าน จากเดิมที่ซื้อมาให้พอดีกับความต้องการใช้ แต่ปัจจุบันเน้นการซื้อจำนวนมากเพื่อเตรียมไว้หากเกิดเหตุฉุกเฉินที่ไม่คาดคิด หรือแม้แต่การท่องเที่ยวที่ในอดีตอาจเตรียมแค่เสื้อผ้าและของใช้จำเป็น แต่ปัจจุบันเตรียมอุปกรณ์สิ่งของมากมายเพื่อหลีกเลี่ยงการใช้ของร่วมกับผู้อื่น

เหล่านี้คือพฤติกรรมเปลี่ยนที่ส่งผลให้เกิดภาระในการเดินทางที่เพิ่มมากขึ้น ที่บางครั้ง “รถเก๋ง” อาจมีพื้นที่ไม่เพียงพอต่อการขนสัมภาระในแต่ละครั้ง อาจต้องใช้รถยนต์ขนาดใหญ่ขึ้น นั่นจึงทำให้รถในรูปแบบ SUV ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับเทคโนโลยีที่มีการพัฒนาเทียบเท่ารถยนต์ในระดับไฮเอนต์ ส่งผลให้รถยนต์ประเภท SUV ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น

 

ความสำเร็จของ MG กับ 3 ปัจจัยพิชิตใจลูกค้า

 

และถ้าจะมองหารถยนต์แบบ SUV ดีๆ สักคันมาใช้ คงมีให้เลือกมากมาย แต่จะมีใครโดดเด่นได้เท่ากับ MG โดยในปี 2563 MG สามารถสร้างยอดขายรวม 28,316 คัน เติบโตขึ้นถึง 7% เมื่อเทียบกับปี 2562 โดยแบ่งเป็นยอดขาย MG ZS สูงถึง 11,013 คัน ตามมาด้วย MG HS ทั้งแบบเครื่องยนต์เบนซินและแบบ Plug-in Hybrid จำนวน 6,008 คัน, MG Extender รถกระบะจำนวน 5,387 คัน, MG3 จำนวน 4,856 คัน, MG ZS EV และ MG EP จำนวน 826 คัน และรุ่นอื่นๆ อีก 226 คัน

ความสำเร็จของ MG เป็นผลมาจากความโดดเด่น 3 ด้านหลัก ทั้ง ด้านเทคโนโลยี (Technology) ที่มาพร้อมนวัตกรรมหรือเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยและช่วยให้การใช้ชีวิตง่ายยิ่งขึ้น ด้านความทันสมัย (Fashion) ด้วยรูปลักษณ์ที่โดดเด่นช่วยสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย และด้านความคุ้มค่า (Value) ที่ต้องคุ้มค่าทั้งในด้านการใช้งาน และคุ้มค่าในการเป็นเจ้าของ

ทั้งนี้ในปีที่ผ่านมา MG ยังครองแชมป์ยอดขายรวมในกลุ่มรถ SUV ด้วยยอดการจำหน่ายรวมสูงถึง 17,819 คัน หรือประมาณหนึ่งในสี่ของตลาดรถยนต์ในกลุ่มดังกล่าว โดยมียอดจำหน่ายอันดับหนึ่งในกลุ่ม C-SUV และมียอดขายเป็นอันดับสองในกลุ่ม B-SUV อีกทั้งยังเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดสูงถึง 88% ด้วยยอดขาย 826 คัน จากยอดขายรวมทั้งหมด 939 คัน

 

MG ZS SUV ที่ทุกคนไว้วางใจ

 

MG ZS ที่มีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ในด้านเทคโนโลยีการเชื่อมต่อ ด้วยระบบปฏิบัติการอัจฉริยะอย่าง i-SMART ที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ขับขี่ได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการสั่งการระบบต่างๆ ด้วยเสียงภาษาไทย รวมถึงสั่งการและตรวจเช็คระบบต่างๆ ของรถได้ง่ายผ่านสมาร์ทโฟน

และยังเป็นรถรุ่นแรกของ MG ที่มีการติดตั้งฟังก์ชัน Emergency Call ระบบโทรหาคนสำคัญอัตโนมัติ กรณีฉุกเฉินเมื่อถุงลมนิรภัยทำงาน พิเศษกว่าด้วยกล้องมองภาพรอบทิศทาง 360 องศา (Around View Monitor) พร้อมระบบความปลอดภัยอื่นๆ อย่างครบครัน อีกทั้งยังได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุดระดับ 5 ดาว จากการทดสอบการชน ASEAN NCAP อีกด้วย

ในส่วนของการออกแบบนั้นเน้นให้มีความสปอร์ตโฉบเฉี่ยว ทันสมัย พร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวก อาทิ หน้าจอแสดงผลอัจฉริยะขนาด 7 นิ้ว และหน้าจอ touch screen ขนาดใหญ่ 10 นิ้ว พร้อมหลังคาซันรูปแบบพาโนรามา (Panoramic Sunroof) ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 114 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 150 นิวตันเมตร ให้สมรรถนะเต็มประสิทธิภาพ MG ZS เป็นสมาร์ทเอสยูวีที่ตอบสนองการใช้งานในทุกไลฟ์สไตล์ได้อย่างลงตัว และตอบโจทย์ความคุ้มค่าด้วยราคาจำหน่ายเพียง 689,000 – 799,000 บาท

 

MG ZS EV เพื่อสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน

 

และสำหรับผู้ที่ต้องการนวัตกรรมที่ล้ำอนาคต ยังมี MG ZS EV ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นแรกของ MG ด้วยนวัตกรรมยานยนต์ที่ปราศจากมลพิษและเสียงรบกวน สามารถขับเคลื่อนได้ไกลสูงสุด 337 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง มีพละกำลังสูงสุด 110 กิโลวัตต์ (150 แรงม้า) แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร

ซึ่งประสิทธิภาพการขับขี่ที่ดีมาจากเทคโนโลยีสุดล้ำ Hair-Pin Winding Design Technology ที่ช่วยให้มอเตอร์ไฟฟ้าส่งกำลังได้เต็มประสิทธิภาพ และยังมีระบบ Cooling System ที่ช่วยระบายความร้อนที่เกิดขึ้นในขณะใช้งาน เพื่อให้แบตเตอรี่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น

ไม่เพียงเท่านี้ MG ยังมีเทคโนโลยีการเปลี่ยนแบตเตอรี่แบบ Module โดยสามารถเลือกเปลี่ยนเฉพาะโมดูลที่เสียหายได้ ช่วยลดค่าบำรุงรักษาในระยะยาว MG ZS EV มีดีไซน์โดดเด่นเฉพาะด้วยสีตัวถังแบบพิเศษ “สีฟ้า Copenhagen Blue” พร้อมติดตั้งจุดชาร์จไว้บริเวณหลังกระจังหน้า

ขณะที่ภายในห้องโดยสารติดตั้งระบบปรับอากาศแบบดิจิทัลที่มาพร้อมระบบกรองอากาศสามารถกรองฝุ่นขนาดเล็ก PM2.5 แม้จะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าแต่กลับดูแลง่าย การบำรุงรักษาต่ำ และช่วยประหยัดค่าพลังงานได้เป็นอย่างดี ด้วยราคาจำหน่ายที่ 1.19 ล้านบาท

เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า 100% MG ยังเตรียมแผนสร้างโครงสร้างพื้นฐานสำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า อย่างการติดตั้งสถานีชาร์จไฟฟ้าแบบเร็วภายใต้ชื่อ MG SUPER CHARGE” ที่มีเป้าหมายในการติดตั้งให้ครบ 600 จุดทั่วประเทศภายในปีนี้อีกด้วย

 

MG HS SUV สุดหรูเต็มเปี่ยมด้วยพลังและเทคโนโลยี

 

MG HS รถยนต์ในรุ่นไฮเอนต์ที่ผสานความหรูหราและความสปอร์ตได้อย่างลงตัว จัดเต็มด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยที่ให้มากถึง 25 ระบบ ทั้งระบบเบรกและช่วยรักษาเสถียรภาพในการขับขี่ รวมถึงระบบความปลอดภัยแบบอัจฉริยะลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ อีกจุดที่โดดเด่นคือ MG HS เป็นรถยนต์ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติระดับที่ 2 (Partial Automation) สามารถควบคุมความเร็วหรือการหมุนพวงมาลัยผ่านระบบ ADAS ได้โดยอัตโนมัติ โดยผู้ขับขี่ยังเป็นผู้ตัดสินใจหลัก

นอกจากเทคโนโลยีความปลอดภัยแล้ว MG HS ยังมาพร้อมระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ i-SMART พร้อมด้วยเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบขนาด 1.5 ลิตร ให้พละกำลังสูงสุดถึง 162 แรงม้า เพิ่มความสนุกในการขับขี่ด้วยโหมด Super Sport ที่ช่วยดึงพละกำลังสูงสุด

มาพร้อมการออกแบบภายนอกที่โดดเด่นด้วยลวดลายเส้นสายแบบ British Shoulder Line ที่เน้นความโค้งมน เข้าคู่กับชุดไฟต่างๆ ทั้งไฟหน้าแบบ LED Projector พร้อม Daytime Running Lights ไฟท้ายแบบ Space Light Field และไฟเลี้ยวแสดงผลไล่ระดับแบบ Sequential

การออกแบบภายในเป็นอีกหนึ่งความโดดเด่น ด้วยการใช้วัสดุที่ให้สัมผัสอ่อนนุ่ม (Soft Touch) เบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้า โดดเด่นยิ่งขึ้นด้วยไฟในห้องโดยสารแบบ Interactive Ambient Light ที่สามารถปรับโทนแสงได้ถึง 64 เฉดสี หลังคาซันรูฟแบบพาโนรามา (Panoramic Sunroof) และยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกอีกมากมาย โดย MG HS มีราคาจำหน่าย 919,000 – 1,1190,000 บาท

 

MG HS PHEV ทางเลือกของความแรงแต่ประหยัด

 

สำหรับผู้ที่ชอบความเร็วแรงแต่ยังคงต้องการความประหยัด MG ได้เพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าด้วยการแนะนำ MG HS PHEV รถยนต์ SUV ที่ขับเคลื่อนด้วยระบบ Plug-in Hybrid ผสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบขนาด 1.5 ลิตร และมอเตอร์ไฟฟ้าประสิทธิภาพสูง ให้กำลังสูงสุด 284 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 480 นิวตันเมตร พร้อมแบตเตอรี่ Lithium-ion ขนาดใหญ่ 16.6 kWh

สามารถเลือกขับขี่โหมดพลังงานไฟฟ้า 100% ได้ไกลสูงสุดถึง 67 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง ขณะที่มีการออกแบบภายในด้วยสีแบบ 2-Tone Monaco Blue และเพิ่มความเป็นส่วนตัวด้วย NVH Luxury Silence Space ที่ออกแบบมาให้ตัดเสียงรบกวนภายนอก ดูแลสุขภาพด้วยระบบกรองอากาศ PM 2.5 พร้อมจอแสดงผลอัจฉริยะ Full Virtual Dashboard ขนาด 12 นิ้ว และจอควบคุมกลางแบบทัชกรีนขนาด 10 นิ้ว ที่ขาดไม่ได้กับระบบความปลอดภัยมาตรฐานสูงตามแบบฉบับของ MG HS โดย MG HS PHEV มีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 1,395,000 บาท

ทั้งหมดนี้คือเหตุผลที่ทำให้รถยนต์ SUV จากค่าย MG ครองใจลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะความโดดเด่นทั้ง 3 ด้านที่ MG ให้ความสำคัญ ทั้งในด้านเทคโนโลยี (Technology) ความทันสมัย (Fashion) และความคุ้มค่า (Value) ถือเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญในการตอบโจทย์ความต้องการทุกไลฟ์สไตล์ของลูกค้าในทุกกลุ่มได้เป็นอย่างดี ไม่แปลกที่ MG จะก้าวสู่ผู้นำในกลุ่มรถยนต์ SUV ของตลาดเมืองไทยได้รวดเร็ว


  • 13.9K
  •  
  •  
  •  
  •