‘ชื่อนั้นสำคัญฉไน?’ เป็นประโยคที่เราได้ยินมานาน สื่อถึงการให้ความสำคัญในเรื่องชื่อของคนไทย การจะตั้งชื่อใครสักคนจึงต้องมีการผูกดวง ดูเวลาตกฟาก ดูเลขรวมตัวอักษรก็มี ดังนั้น ชื่อจึงถูกคิดแล้วคิดอีกและคัดสรรมาอย่างดีเพื่อความสิริมงคล แม้แต่ชื่อเล่นเองก็ตามก็มักจะถูกตั้งขึ้นมาด้วยความตั้งใจให้กับลูกหลานของเรา
และหนึ่งในชื่อเล่นที่ถือว่ายอดฮิต ซึ่งเชื่อว่ารอบๆ ตัวของหลายคนจะต้องมีชื่อนี้สักคนหนึ่งอย่างแน่นอนก็คือชื่อ “เบนซ์” แต่มีใครเคยคิดเล่นๆ กันบ้างไหมว่า ทำไมยี่ห้อรถยนต์อย่าง “เบนซ์” ถึงถูกนำมาตั้งเป็นชื่อคนได้?
ด้วยสารตั้งต้นของไอเดียจาก team x Thailand ที่ชวนขบคิด กลายเป็นที่มาของแคมเปญโปรโมตงาน Motor Show จาก “เมอร์เซเดส-เบนซ์” ที่น่าสนใจ ที่มีการตั้งคำถามว่า ทำไมคนไทยถึงนำชื่อรถมาตั้งเป็นชื่อคน จนเกิดหนังโฆษณาแนว Documentary ที่น่าสนใจของการรวมตัวคนชื่อ “เบนซ์” 15 คน มานั่ง Deep talk เปิดใจคุยกับถึงที่มาและความผูกพันของชื่อ “เบนซ์” ของแต่ละคน มากไปกว่านั้น หนังโฆษณาตัวนี้ยังกำกับโดยคนชื่อ “เบนซ์” เช่นกัน ได้แก่ “เบนซ์ ธนชาติ” ผู้กำกับมือดีแห่ง Salmon house เซอร์ไพรส์ไปกว่านั้น หากคุณได้ไปเยือนที่บูธเมอร์เซเดส-เบนซ์ จะพบกับงาน illustration art สุดคูลที่รังสรรค์โดยคนชื่อ “เบนซ์” อีกหนึ่งคน ได้แก่ “เบนซ์ Bloody Hell Big Head” หรือ “เบนซ์ – ธนวัต ศักดาวิษรักษ์” จนอาจเรียกได้ว่าเป็นแคมเปญของการรวมตัวมนุษย์ชื่อ “เบนซ์” มากที่สุดในโลกก็ว่าได้ แค่เกริ่นก็น่าสนุกขนาดนี้ เราจึงคว้าตัวทั้งสองคนมาพูดคุยถึงแคมเปญเบื้องหลังโปรเจกต์มันๆ งานนี้กัน
ที่มาแนวคิดและเบื้องหลังไอเดียโปรเจกต์การรวมตัวคนชื่อ “เบนซ์” มากที่สุด
คุณเบนซ์ ธนชาติ เล่าที่มาของโปรเจกต์รวมตัวคนชื่อเบนซ์ว่า มันเริ่มต้นจากแคมเปญที่ชื่อว่า Icon of Inspiration. ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่ตั้งคำถามว่าทำไม “เบนซ์” ถึงได้เป็นรถยนต์ที่คนไทยเอามาตั้งเป็นชื่อเล่นกันเต็มบ้านเต็มเมืองไปหมดเลย อะไรที่เป็นแรงบันดาลใจหรืออะไรคือสิ่งที่อยู่เบื้องหลังชื่อเหล่านั้น ทำให้รอบๆ ตัวเราอย่างน้อย 1 คน จะผู้หญิงและผู้ชายก็จะมีสักคนชื่อ “เบนซ์” หรือบางทีอาจเป็นเพราะว่ามันคือรถในฝันของใครหลายคนก็ได้ นี่คือประเด็นที่ถูกนำมาตั้งเป็นที่มาของโปรเจกต์นี้
“ผมว่ามันไม่มีแบรนด์รถยี่ห้อไหนในโลกนี้แล้ว ที่คนไทยเอามาตั้งเป็นชื่อเล่นได้เยอะที่สุดเท่าชื่อ ‘เบนซ์’ ครับ ยิ่งพอได้มาฟังคอนเซ็ปต์โปรเจกต์นี้แล้วก็รู้สึกได้ถึงความเป็นธรรมชาติในแบบของคนไทยมากๆ”
แล้วหลังจากรับโจทย์จากทาง team x Thailand ก็ต้องบอกว่าเป็นไอเดียที่ไม่ต้องนำมาพัฒนาเยอะแยะอะไรเลย เพราะ Core idea มันแข็งแรงตั้งแต่ต้นทางอยู่แล้ว สิ่งที่ต้องมาทำต่อคือเราจะหาวิธีเล่าต่อยังไงมากกว่า ว่ารถในฝันแล้วยังไง เรื่องราวของแต่ละคนเป็นอย่างไร เราจะนำมันมาถ่ายทอดอย่างไร จุดนี้ต่างหากที่มองว่าเป็นความท้าทายสำหรับหนังโฆษณาชิ้นนี้ และต้องบอกว่าท้าทายกับคนชื่อ “เบนซ์ ธนชาติ” ด้วย
ความท้าทายของ “เบนซ์ ธนชาติ” กับครั้งแรกของการกำกับหนัง Documentary
“สารภาพตามตรงว่าโปรเจกต์นี้เป็นงานที่ผมรู้สึกสนุกสุดๆ แต่ก็มองว่ายากสุดๆ ลำดับต้นๆ ของงานที่เคยทำมาเหมือนกัน”
คุณเบนซ์ ธนชาติ กล่าวแบบไม่อ้อมค้อม โดยให้เหตุผลว่าเพราะงานส่วนใหญ่ของเขาเป็นสาย Fiction มากกว่า เป็นหนังประเภทที่มีพล็อตมีบทวางเอาไว้ค่อนข้างชัดเจนอยู่แล้ว เขาไม่ใช่ผู้กำกับแบบสาย Documentary ดังนั้น งานในลักษณะนี้จึงไม่ใช่ของถนัดเลยสำหรับตัวเขา นอกจากนี้ความยากอีกอย่างคือ การที่ไม่รู้ล่วงหน้าเลยว่าบทพูดหรือคำพูดของคนเหล่านี้จะออกมายังไง มันไม่สามารถกำกับได้หรือกำหนดให้พูดอะไรได้เลย ดังนั้น เนื้อหาหรือเรื่องราวระหว่างทางจึงคาดเดาไม่ได้ แต่ก็นั่นแหละทำให้หนังโฆษณาตัวนี้จึงน่าสนใจมากๆ และนับว่าเป็นงานที่หินที่ยากชิ้นหนึ่งเลยทีเดียว
“ผมเหมือนกลับไปเป็นเด็กภาพยนตร์ปี 1 เลยครับ เพราะว่าเราไม่รู้ว่าต้องเราต้อง break the ice กับเขายังไง งานปกติที่กองคือเราจะสั่งช็อตเป็นอย่างงี้นะ ดอลลี่มางี้นะ อ้าวพี่เล่นตามบทเลย แต่อันนี้เหมือนผมเริ่มจากศูนย์เลยครับ (หัวเราะ) จําได้ว่าคน 2 คนที่ 3 เองมั้งที่ผมถึงจะรู้ how to interview ต้องทำอย่างไร มันเหมือนเป็นหนังสารคดีชิ้นแรกของของ “เบนซ์ ธนชาติ” เลยครับ”
15 ‘เบนซ์’ 15 เรื่องราวที่แตกต่าง – และที่มาชื่อ “เบนซ์ ธนชาติ”
ความสนุกของโปรเจกต์นี้คุณเบนซ์ ธนชาติ เล่าต่อว่า ในตอนแรกก็ยังแอบลุ้นว่าจะสามารถรวมตัวคนชื่อเบนซ์ได้มากพอที่จะทำออกมาเป็นโฆษณาชิ้นหนึ่งได้หรือไม่ เพราะก็ยอมรับว่ายุคสมัยเปลี่ยนไป คนยุคนี้ชอบตั้งชื่อ 2 พยางค์กันมากกว่า แต่ไม่น่าเชื่อว่าทันทีที่ประกาศผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวออกไปก็ได้คนชื่อเบนซ์มามากว่า 200 คน แต่ก็คัดเหลือคนที่เรื่องราวน่าสนใจจริงๆ ออกมา 15 คน และมีหลากหลายช่วงอายุเลยทีเดียว ตั้งแต่คนอายุ 50+ ไปจนถึงเด็กสุดคืออายุ 14 ปี และแม้แต่ “แมว” ก็ยังถูกตั้งเป็นชื่อเบนซ์ด้วยซ้ำ
“ที่มาของชื่อแต่ละคนมันน่าสนใจและหลากหลายมาก มีตั้งแต่เบนซ์เป็นรถในฝันที่พ่อแม่เขาอยากมี หรือตอนแรกไม่ได้ชื่อเบนซ์ แต่ตู้เย็นล้มทับ แล้วรอดชีวิตมาได้ หัวแตกนิดหน่อยก็เปลี่ยนเป็นชื่อเบนซ์แทน จะได้แข็งแกร่งเหมือนรถเบนซ์ หรือแม้แต่ น้องแมวที่ชื่อเบนซ์ ก็เพราะว่า ขับรถเบนซ์ไปเจอแถวพระราม 2 เก็บขึ้นมานั่งเบนซ์ก็เลยตั้งชื่อเบนซ์เลย เรียกได้ว่า แต่ละคนมีเรื่องราวที่มาของชื่อได้น่าสนใจมาก บางคนก็ชอบ บางคนก็ไม่ชอบเพราะโดนล้อบ่อยๆ ก็มี เรียกได้ว่า เบนซ์ทั้ง 15 คนที่เราคัดมา มีความเป็นมนุษย์ที่สุดแล้ว หลายคนๆ คนทำให้เราเซอร์ไพรส์ไปกับเรื่องราวเบื้องหลังชื่อของเขา”
ยกตัวอย่างคนชื่อ “เบนซ์” ที่น่าสนใจในคลิป อาทิ เจ้าของเสียง “ผู้นี้นี่เอง” ในรายการทีวีแชมป์เปี้ยน หรือ คุณเบนซ์ – ภวัต โอภาสสิริโชติ นักร้อง ดูโอ้วง DEPT แห่งค่าย Smallroom เป็นต้น
แม้แต่ตัวเขาเองก็ได้ชื่อ “เบนซ์” มาจากการที่ครอบครัวชาวจีนให้ความสำคัญกับเรื่องเงินๆ ทองๆ ดังนั้น การที่มีพี่ชื่อ “แบงก์” ก็เลยตั้งชื่อน้องว่า “เบนซ์” ด้วย
“คุณพ่อก็มีรถเบนซ์เป็นรถที่อยากได้คันหนึ่งแต่ยังไม่ได้เสียที จนผมโตได้สักพักเขาก็สามารถทำตามความฝันในการซื้อรถเบนซ์ได้ในที่สุด ผมเลยมองว่า บางทีชื่อเบนซ์ในยุคหนึ่งมันก็คงจะบอกถึงความสำเร็จอะไรบางอย่างในชีวิต หรือไม่ก็เป็นชื่อที่มงคลแสดงถึงความมีเงินทองก็น่าจะตั้งเป็นชื่อลูกได้”
ความเห็นของคุณเบนซ์ ธนชาติ น่าสนใจในประเด็นของสังคมไทยว่า การที่ตั้งชื่อคนว่า “เบนซ์” จึงสื่อถึงการก้าวไปสู่ความสำเร็จอะไรบางอย่างในชีวิต (Achievement) เพราะเบนซ์ในหลายมุมมองมันคือการสื่อถึงความดีงามสิ่งที่เป็นมงคลให้กับลูกหลานของเราได้ ดังนั้น ทั้งหมดนี้มันสะท้อนให้เห็นเลยว่ารถยนต์ค่ายนี้มีความผูกพันกับสังคมไทยมาอย่างยาวนาน เห็นได้จากการที่เรามีคนชื่อเบนซ์มาร่วมในโปรเจ็กต์หลายช่วงอายุคนเลยตั้งแต่ผู้ใหญ่ไปจนถึงวัยรุ่น เป็นความผูกพันที่แทบจะหาค่ายรถอื่นทำอย่างนี้ไม่ได้
แคมเปญที่มีความเป็นคนที่สุด ในแบบที่ยังไม่เคยเห็นค่ายรถไหนทำ
ในขณะที่มุมของการเป็นผู้กำกับโฆษณา คุณเบนซ์ ธนชาติ มองแคมเปญนี้ว่า เป็นงานที่มีความเป็นคนมากที่สุดแล้ว เป็นงานที่น่าสนใจมากที่แบรนด์อย่าง “เมอร์เซเดส-เบนซ์” ที่มีความ luxury กล้าที่จะมาทำอะไรที่ทัชใจคนได้แบบนี้ จะเห็นได้เลยว่า ไม่มีแม้แต่สักนิดที่โฆษณาจะพูดถึงสมรรถนะ หรือยนตรกรรมของรถยนต์ เพราะสิ่งเหล่านี้รถเบนซ์ดีจนมันไม่ต้องพิสูจน์อะไรในเรื่องนี้อีกแล้ว แต่สิ่งที่แบรนด์ได้สื่อสารออกมากลับเป็นเรื่องราวของผู้คน เรื่องราวของความเป็นไทยสังคมไทยที่ผูกโยงกันด้วยชื่อ “เบนซ์” ชื่อแบรนด์รถยี่ห้อจากต่างประเทศ มันจึงเป็นงานที่ใกล้ชิดผู้คนมากที่สุด และน่าสนใจมากจริงๆ
“การที่แบรนด์อย่างเบนซ์เปิดโอกาสให้ทำโปรเจกต์นี้จึงค่อนข้างแตกต่างและฉีกแนวอย่างมากของการทำแคมเปญของรถยนต์ แม้ว่าจะไม่มีการเอ่ยถึงตัวรถเลย แต่สิ่งนี้กลับสะท้อนอะไรที่ลึกซึ้งกว่านั้น เป็นความผูกพันระหว่างผู้บริโภคชาวไทยกับแบรนด์ค่ายรถจากเยอรมนีที่เข้าถึงได้ง่ายที่สุดแล้ว”
และคุณเบนซ์ได้ทิ้งท้ายว่า ถ้าคิดว่าอยากจะได้รถสักคันและกำลังลังเลว่าเบนซ์จะเป็นรถในฝันของคุณด้วยหรือเปล่า เช่นเดียวกับที่ว่าคนรุ่นก่อนหรือคนรุ่นเราเขาฝันที่จะมีรถยี่ห้อนี้เหมือนกัน ก็อาจจะแวะไปดูที่บูธรถเบนซ์ ในงานมอเตอร์โชว์ก็ได้ เผื่อว่าบางทีเบนซ์อาจจะเป็นรถในฝันของคุณเช่นกัน
ตีความโลโก้เบนซ์ในตำนาน สู่ภาพ illustrator
มาถึงอีกหนึ่ง “เบนซ์” ที่มีความสำคัญกับโปรเจกต์นี้ไม่แพ้กันได้แก่ “คุณเบนซ์ – ธนวัต ศักดาวิษรักษ์” หรือที่ในแวดวงอาร์ตจะรู้จักเขาในนาม “เบนซ์ Bloody Hell Big Head” ซึ่งต้องบอกว่า “คุณเบนซ์ ธนวัต” มีผลงานที่เคยร่วมกับแบรนด์ดังระดับโลกมากมาย อาทิ PRADA, Nike, Maison Kitsune, SC Asset, Central Department store ฯลฯ เรียกได้ทั้งในและนอกประเทศเลยทีเดียว
สำหรับการร่วมงานครั้งนี้ คุณเบนซ์ ธนวัต บอกกับเราถึงความรู้สึกที่ได้ร่วมงานว่า ครั้งแรกที่ฟังก็รู้สึกประหลาดใจที่พอรู้ว่าโปรเจกต์นี้เป็นการรวมตัวของคนชื่อเบนซ์มากมายมาร่วมกันทำงาน แต่ในส่วนของเรานั้นที่ได้รับมาก็คือการออกแบบบูธที่เตรียมจะจัดแสดงในงานมอเตอร์โชว์ในปีนี้ ให้มีความแตกต่างและโดดเด่นกว่าทุกๆ ปี ซึ่งก็เลือกที่จะหยิบเอาโลโก้ของเบนซ์ที่เป็นเหมือนกับโลโก้ในตำนานไปศึกษาถึงที่มาที่ไปว่ามันมาจากอะไร
“ผมก็ค้นพบว่าโลโก้ของเมอร์เซเดส-เบนซ์มันมาจากการผสมผสานกันระหว่าง ‘ดิน น้ำ อากาศ’ พร้อมกับหยิบเอา 3 สิ่งนี้มาเป็นเครื่องมือในการทำงาน และเป็นแรงบันดาลใจในการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นรูปดาว ต้นไม้ หรือก้อนเมฆ ก็จะถูกสอดแทรกอยู่ในภาพ เป็นการสื่อความหมายของโลโก้เบนซ์ ในอีกรูปแบบหนึ่ง”
ขณะที่การถ่ายทอดจะเป็นการเชิญชวนให้ทุกคนค่อยๆ สำรวจงานในแบบเดินชมมิวเซียม ก็เลยตั้งชื่อผลงาน Journey to the dream เหมือนกับว่าเรากําลังจะพาคนเข้าไปในมิวเซียม ที่มันเป็นแบบความฝัน พร้อมกับไปทําความรู้จักกับแบรนด์ โดยเอาเรื่องราวของแบรนด์ตีความมันออกมาเป็นงานภาพ
ความท้าทายของการตีความให้ลึกซึ้ง
จุดยากที่ค่อนข้างท้าทายสำหรับโปรเจกต์นี้ คุณเบนซ์ ธนวัต บอกว่ามันคือ การที่พอเราเจอความหมายของมันแล้ว เราจะหยิบมันมาเล่าอย่างไรหรือทำออกมาให้เป็น visual อย่างไรได้ มีอะไรที่สามารถนำเอาไปใช้ตรงนั้นได้บ้าง ที่สำคัญคือยังต้องคงความเป็นแบรนด์ระดับนี้เอาไว้ด้วย ไม่ว่าจะเป็น ความสุขุมนุ่มลึก ความ luxury เป็นต้น ยิ่งพอมันเป็นแบรนด์ระดับโลกอย่างนี้ โจทย์มันค่อนข้างกว้าง และค่อนข้างชาเลนจ์ แล้วก็ต้องตีความให้ลึกซึ้งมากขึ้นด้วย
“ที่ผ่านมางานของผมจะทำผ่านเนื้อหาที่มีเรื่องเล่า คือถ้าเราทำความเข้าใจไปกับเนื้อหา เราก็แค่ถ่ายทอดมันออกมาตามเรื่องราวนั้นๆ คือการสร้างภาพให้พอเข้าใจ แต่พอต้องมาสื่อสารผ่านแบรนด์ มันก็แอบชาเลนจ์เหมือนกัน ตรงที่มันมีเรื่องของมาร์เก็ตติ้งเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย อาจจะแตกต่างไปจากงานที่เราเคยทำที่ผ่านๆ มา เพราะเราต้องทำให้ทุกคนได้เข้าถึงถึงแบรนด์นั้นๆ ด้วย อย่างไรก็ตาม ถือว่าเป็นเรื่องดีมากๆ เลยที่ได้เห็นแบรนด์ระดับโลกอย่างนี้นำงานอาร์ตเข้ามาผสมผสาน ซึ่งก็ต้องบอกว่าก็ยังไม่เคยเห็นรถค่ายไหนทำแบบนี้มาก่อน ถือว่าเป็นเรื่องดีที่เบนซ์เปิดโอกาสให้คนสายงานอย่างเราได้มาทำ”
การผสมผสานอย่างลงตัว ระหว่างแบรนด์ระดับตำนานสู่งานศิลปะ
มาถึงที่มาของชื่อ “เบนซ์” ก็นับว่าประหลาดมากทีเดียว คุณเบนซ์ ธนวัต เล่าว่า ในวันที่เขาเกิดนั้น คุณพ่อก็มีความฝันเช่นกัน ที่อยากจะได้รถเบนซ์ แต่แม้จะขับรถยี่ห้อหนึ่งอยู่แต่ไม่คิดว่าจะเอาชื่อรถที่ขับมาตั้งชื่อลูก แต่เอาชื่อรถที่อยากจะมีซึ่งก็คือเบนซ์มาตั้งเป็นชื่อลูกแทน รวมทั้งมีความคิดว่าอยากจะให้ลูกชื่อสั้นๆ พยางค์เดียวด้วย ดังนั้นชื่อ “เบนซ์” คำเดียวนี่แหละเหมาะสุดแล้ว
เมื่อถามว่าการได้เป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญที่รวมตัวกันของคนชื่อ “เบนซ์” มากที่สุดรู้สึกอย่างไร คุณเบนซ์ ธนวัต กล่าวอย่างอารมณ์ดีว่า แอบคิดว่าเวลาเรียกจะงงกันไหมนะ ก็คงจะสนุกดี ถ้าเวลารวมตัวกันแล้วเรียกชื่อ ทุกคนคงหันพร้อมกัน เชิญให้นั่งก็คงนั่งแล้วลุกพร้อมกันเลย
“แต่ถ้าให้เอาจริงๆ ก็คือมองว่าเป็นแคมเปญที่น่าสนใจมากครับ ผมเองก็ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน น่าจะเป็นประเทศไทยประเทศแรกที่รวมตัวคนชื่อเบนซ์เพื่อทำงานรถเบนซ์ได้เยอะมากที่สุดแล้ว”
สำหรับผลงานของคุณเบนซ์ ธนวัต ที่จะจัดแสดง ณ บูธ ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ มีการซ่อนสัญลักษณ์ที่สื่อถึงความหมายของแบรนด์เอาไว้มากมายในชิ้นงานของเขา ไม่ว่าจะเป็น ดาว ต้นไม้ โลโก้แบรนด์ ซันรูฟ หรือแม้แต่รุ่นรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ GLC รถ SUV ยอดนิยมของเบนซ์ด้วยเช่นกัน ใครที่คิดว่าตัวเองตาดีลองไปส่องตามหาดูกันได้คุณอาจจะพบความเซอร์ไพรส์ที่ซ่อนอยู่
กิจกรรมและเซอร์ไพรส์รออยู่ที่บูธเบนซ์ ณ งานมอเตอร์โชว์ 45th
ทั้งหมดนี้ ต้องบอกเลยว่าเป็นโปรเจกต์ที่มีความเป็น Human first มากที่สุดแล้ว และเราเองก็ยังไม่เคยได้เห็นจากแบรนด์ค่ายรถยนต์ที่ไหนทำมาก่อน แล้วก็คงทำไม่ได้เช่นกัน เพราะต้องบอกว่าถึงแม้จะมีคนนำชื่อรถอื่นๆ ไปตั้งเป็นชื่อลูกหลาน แต่ว่าชื่อ “เบนซ์” ของคนไทยมันมากที่สุดแล้ว และมันยังมีมามากกว่าสิบๆ ปี ต้องยกนิ้วให้ทีมครีเอทีฟ และโปรดักส์ชั่นเลย ที่สามารถถ่ายทอดเรื่องราวที่เหมือนจะเข้ากันไม่ได้แต่ทำให้เข้ากันได้ ผสานระหว่างสังคมไทย ความเป็นไทย มาที่ตัวแบรนด์สินค้าจากต่างประเทศได้อย่างลงตัวที่สุด
อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้มีแค่ความเจ๋งของไอเดียเท่านั้น ยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจที่สามารถดึงดูดคนไปที่บูธได้อีกด้วย โดยผลงานคุณเบนซ์ ธนวัต จะถูกนำไปทำเป็น Merchandise ในรูปแบบต่างๆ ด้วย อาทิ หมวก ผ้าห่ม และทัมเบลอร์ ในรูปแบบ Box set limited edition designed by Benz Bloody Hell Big Head ซึ่งจะมอบให้กับลูกค้าที่จองรถ Mercedes-Benz The new GLC Coupé 50 คนแรก (ของที่ระลึกมีจำนวน 50 กล่องเท่านั้น หรือจนกว่าของจะหมด)
พิเศษให้สมกับเป็นแคมเปญการรวมตัวกันของคนชื่อ “เบนซ์” สำหรับคนที่มีชื่อเล่นว่า “เบนซ์” และได้รับบัตรจากการลงทะเบียนลุ้นรับบัตรจากทางเมอร์เซเดส-เบนซ์ เพียงแวะไปที่บูธ แสดงหลักฐานทาง Social media เช่น ชื่อ Facebook / ชื่อ Instagram ว่าคุณมีชื่อเล่นว่า “เบนซ์” จะได้รับเสื้อ I AM BENZ จำนวน 1 สิทธิ์ต่อ 1 ตัว แต่มีจำกัดเพียงแค่ 50 ตัวเท่านั้น และจะแจกจนกว่าของจะหมด สามารถติดต่อแสดงหลักฐานและรับเสื้อที่ระลึกได้ที่บริเวณ Information ณ บูธ Mercedes-Benz เช่นกัน
ดังนั้น ลองแวะเวียนกันไปดูได้ที่บูธของ “เมอร์เซเดส-เบนซ์” ณ งานมอเตอร์โชว์ 2024 ครั้งที่ 45 ระหว่างวันที่ 27 มีนาคม ถึง 7 เมษายน 2567 ที่ อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 2 เมืองทองธานี มีทั้งรถสวยๆ และงานศิลปะเจ๋งๆให้ชมได้ที่บูธของเมอร์เซเดส-เบนซ์เลย.
