ทุกวันนี้คนไทยมีทางเลือกในการลงทุนสินทรัพย์ทางการเงินหลากหลายรูปแบบ แต่รู้หรือไม่ว่า…โดยหลักยังคงกระจุกในรูปแบบ “เงินฝากธนาคาร” ทำให้ปัจจุบันประเทศไทยมีบัญชีออมทรัพย์กว่า 80 ล้านบัญชี คิดเป็นยอดเงินไม่ต่ำกว่า 5 ล้านล้านบาท และเสียโอกาสในการรับดอกเบี้ยกว่า 4.7 หมื่นล้านบาท ซึ่งบัญชีเงินฝากที่ถือกันอยู่นั้น ไม่ว่าจะเพื่อการออม หรือเปิดเป็นบัญชีใช้จ่าย คนไทยออมผิดที่!!
เพราะเกินครึ่งของบัญชีออมทรัพย์ ให้ผลตอบแทนต่ำ อัตราดอกเบี้ยโดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 0.3 – 0.5% ส่งผลให้เงินฝากแทบไม่งอกเงย กลายเป็น Pain Point ที่คนไทยต้องเผชิญมาตลอด
เพื่อแก้ปัญหาให้กับคนไทย และเป็นการปรับตัวเพื่อตอบโจทย์ความเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมการเงินโลกที่กำลังเข้าสู่ยุคการเงินดิจิทัล เมื่อ 6 ปีที่แล้ว “TMB” ตัดสินใจลุกขึ้นปฏิวัติธุรกิจธนาคารครั้งใหญ่ ด้วยการเปิดตัวธนาคารรูปแบบดิจิทัล (Digital Banking) “ME by TMB” ที่ให้ลูกค้าทำธุรกรรมการเงินด้วยตัวเองทุกขั้นตอนผ่านช่องทางดิจิทัล เพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่มากกว่า
ประเดิมด้วยผลิตภัณฑ์ทางการเงินดิจิทัลแรก “ME SAVE” บัญชีเงินฝากเพื่อการออมที่ให้อัตราดอกเบี้ยสูง 4.5 เท่าของออมทรัพย์ทั่วไป หรือ 1.7% ต่อปี ทว่า “ME by TMB” ไม่หยุดแค่การเป็นบัญชีเพื่อการออมดิจิทัลเท่านั้น วันนี้ได้ต่อยอดสู่การพัฒนา “ME MOVE” บัญชีเพื่อการใช้จ่ายใหม่ ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี “Balance Sweep” ที่จะปัดเงินคงเหลือจากบัญชีใช้จ่าย ME MOVE ไปรับดอกเบี้ยสูงกับบัญชี ME SAVE
เส้นทาง “ME by TMB” บุกเบิก Digital Banking รายแรกในไทย
นับตั้งแต่ปี 2555 “ME by TMB” เปิดตัวพร้อมให้บริการคนไทย และประกาศชัดเจนถึงการเป็น “Digital Banking” ที่ไม่พึ่งสาขา เวลานั้นหลายคนมองว่าจะเป็นไปได้อย่างไรกับการให้บริการทางการเงิน โดยไม่ต้องพึ่งการเปิดสาขา ?!? แล้วความปลอดภัยด้านการเงินจะเป็นอย่างไร ?!?
เพราะประเทศไทยเมื่อ 6 ปีที่แล้ว ยังไม่เข้าสู่สังคมดิจิทัลสมบูรณ์แบบอย่างทุกวันนี้ ยอดผู้ใช้งาน “Facebook” และ “LINE” ในไทย ยังไม่พุ่งสูงติดอันดับโลกอย่างในปัจจุบัน ขณะที่การใช้ “สมาร์ทโฟน” ยังเป็นโทรศัพท์มือถือพรีเมียม ที่มีคนใช้จำนวนหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้แพร่หลายทุกหย่อมหญ้า ส่วนภาครัฐ ยังไม่มีนโยบายขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้าด้วยระบบ “เศรษฐกิจดิจิทัล” หรือ “Thailand 4.0”
แต่สิ่งที่ทำให้ “ME by TMB” สามารถปักธงการเป็น “Digital Banking” ได้สำเร็จ สะท้อนได้จากปัจจุบันมียอดลูกค้าเปิดบัญชีแล้วกว่า 330,000 บัญชี และคาดว่าภายในสิ้นปีนี้ จะเพิ่มขึ้นเป็น 360,000 บัญชี มาจาก 3 ปัจจัยหลัก คือ
1. แตกต่างด้วยการเป็น “Self-Service Banking” และคอนเซ็ปต์แบรนด์ชัดเจน คือ “ME is MORE” ด้วยความที่เป็นธนาคารดิจิทัล ลูกค้าทำธุรกรรมการเงินด้วยตัวเอง จึงไม่มีต้นทุนสาขา และบุคลากรประจำสาขา ทำให้ “ME by TMB” สามารถบริหารต้นทุนแปลงเป็นผลตอบแทนให้ลูกค้าได้มากกว่า หรือ “MORE Benefit” ซึ่งผลิตภัณฑ์ทางการเงิน และบริการของ “ME by TMB” พัฒนาขึ้นบนหลัก “Customer Centricity” เพื่อทำให้ลูกค้าได้รับประโยชน์มากกว่า ไม่ว่าจะเป็นการให้อัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าบัญชีออมทรัพย์ทั่วไป 4.5 เท่า การให้บริการโอนต่างธนาคารฟรี และไม่คิดค่าธรรมเนียมใดๆ
ขณะเดียวกันยังตอบโจทย์ “MORE Flexible” ลูกค้า “ME by TMB” สามารถทำธุรกรรมได้เองทุกที่ทุกเวลา ไม่ว่าจะผ่าน Call Center, Internet รวมถึงแอปพลิเคชัน ME by TMB มีคนใช้งาน 190,000 ราย หรือคิดเป็น 60% ของจำนวนลูกค้า ME ทั้งหมด
ที่สำคัญหัวใจของการธนาคารรูปแบบดิจิทัล คือ “ระบบความปลอดภัยขั้นสูง” หรือ “MORE Secure” ซึ่ง “ME by TMB” ใช้ระบบ OTP ยืนยันตัวตนเจ้าของบัญชี และมี SMS แจ้งทุกรายละเอียดความเคลื่อนไหวของบัญชี พร้อมทั้งมีมาตรการรับรองความปลอดภัยในการทำธุรกรรมออนไลน์ของ ME by TMB
2. ตอบโจทย์ “ดิจิทัลไลฟ์สไตล์” ลูกค้า ME by TMB มากกว่าครึ่งเป็นกลุ่ม Gen Y (เกิดปี 2523 – 2540) และ Gen X (เกิดตั้งแต่ปี 2540 เป็นต้นไป) โดย 72% อยู่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล 28% อยู่ในต่างจังหวัด ซึ่งพฤติกรรม หรือไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ทั้งสองกลุ่มนี้ โตมาพร้อมกับเทคโนโลยี ชอบความท้าทาย กล้าที่จะลองสิ่งใหม่ๆ มีความคิดสร้างสรรค์ ชอบทำสิ่งต่างๆ ด้วยตัวเอง และทำหลายๆ อย่างในเวลาเดียวกัน ไม่ชอบรอ ไม่ชอบความยุ่งยาก ทำให้โมเดล “Digital Banking” ที่ทำธุรกรรมทุกอย่างด้วยตัวเอง โดนใจผู้บริโภคกลุ่มนี้ในทันทีที่เปิดตัวสู่ตลาด
3. กลยุทธ์การตลาด และการสื่อสาร เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจ Digital Banking ให้กับคนไทย และทำแคมเปญฉีกแนวการสื่อสารธนาคารแบบเดิมๆ เช่น เติมน้ำมันฟรี แค่เติมด้วยตัวเองที่หัวจ่าย ตอกย้ำจุดยืนของการเป็น Self-Service Banking to Get More หรือแคมเปญปลุกเงินให้ตื่น ได้รับการบันทึก Guinness World Record และแคมเปญ Obsession to Success เปิดตัวน้ำหอมกลิ่นความสำเร็จครั้งแรกในไทย
“ME by TMB เป็น Digital Banking แรกของไทย ที่กล้าฉีกทุกกฎเกณฑ์ธนาคารจากรูปแบบเดิมๆ ด้วยเงินฝากดิจิทัล โดยตลอดระยะเวลา 6 ปี มียอดลูกค้าเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉลี่ย 63% ต่อปี และผลการดำเนินงานตั้งแต่ต้นปีนี้ ถึงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ โดยเฉพาะหลังจากเดือนกุมภาพันธ์ที่เราปลดล็อคค่าธรรมเนียมการโอนเงินต่างธนาคารที่ผูกกับบัญชี ME SAVE ทำให้จำนวนการทำธุรกรรมเพิ่มขึ้นถึง 10%”
การเกิดขึ้นของ ME by TMB ทำให้ลูกค้าสะดวกสบายยิ่งขึ้น มีความคล่องตัวในการบริหารจัดการด้านการเงินด้วยตัวเอง การตอบรับของลูกค้า ถือว่าเราเดินมาถูกทาง และเราพร้อมก้าวสู่ปีที่ 7 เดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตยุคดิจิทัลอย่างไม่หยุดนิ่ง”คุณมิ่งขวัญ พัฒนวงศ์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารส่งเสริมการตลาดลูกค้าบุคคล ทีเอ็มบี และ ME by TMBเล่าถึงความสำเร็จที่เกิดขึ้น
เปิดนวัตกรรมการเงินใหม่ “ME MOVE” บัญชีใช้จ่ายพร้อมตัวช่วยรับดอกเบี้ยสูง
หลังจากในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา ได้สร้างความรู้ความเข้าใจแนวคิด Digital Banking และสร้างฐานลูกค้าที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง นับจากปีนี้เป็นต้นไป “ME by TMB” จะเดินหน้าเปิดตัวผลิตภัณฑ์ และบริการทางการเงินอีกมาก หนึ่งในนั้นคือ “ME MOVE” บัญชีเพื่อการใช้จ่ายดิจิทัล รองรับการทำธุรกรรมการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันต่างๆ เช่น การโอนเงิน การชำระค่าสินค้า ค่าสาธารณูปโภค และไม่พลาดรับดอกเบี้ยสูง ภายใต้คอนเซ็ปต์ “อยากใช้ได้ใช้ อยากเก็บได้มากกว่า”
ถึงตรงนี้ หลายคนอาจสงสัยว่า แล้วแตกต่างจากบัญชีธนาคารทั่วไปอย่างไร ?!
ก่อนอื่นต้องย้อนกลับไปถึงที่มาของการคิดค้นผลิตภัณฑ์การเงินใหม่นี้ มาจาก Consumer Insight คนไทยจะเปิดบัญชีเงินฝากที่มีเงินหมุนเวียนเข้า-ออกตลอด สำหรับไว้เบิก-ถอนออกมาใช้จ่ายได้ทันท่วงที แต่เป็นที่ทราบกันดีว่าบัญชีเงินฝากทั่วไป ดอกเบี้ยไม่สูง เท่ากับว่าจำนวนเงินคงเหลือที่อยู่ในบัญชีนั้นๆ แทบไม่ได้งอกเงยอะไร มีแต่การเคลื่อนไหวของเงินเข้า-ออกเท่านั้น
“ME by TMB” มองว่าคนไทยควรมีบัญชีดิจิทัลเพื่อการใช้จ่าย แต่ขณะเดียวกันก็ยังคงได้ดอกเบี้ยสูงจากการออมเงินเช่นกัน นี่จึงเป็นที่มาของ “ME MOVE” ที่มีฟังก์ชั่นพิเศษ คือ “Balance Sweep” เทคโนโลยีอัจฉริยะช่วยบริหารเงินของเจ้าของบัญชี โดยปัดเงินตามยอดเงินคงเหลือที่ลูกค้ากำหนดจาก “ME MOVE” ไปเก็บยังบัญชีเงินฝาก “ME SAVE” โดยอัตโนมัติ เพื่อให้ได้ประโยชน์ทางดอกเบี้ยสูงสุด
ขั้นตอนการเปิดใช้งาน “ME MOVE” เริ่มจากลูกค้าที่มีบัญชี ME SAVE อยู่แล้ว จากนั้นเปิดแอปพลิเคชัน ME by TMB แล้ว Log In กดปุ่มสมัครใช้งานบัญชี “ME MOVE” แล้วตรวจสอบข้อมูลตามขั้นตอน และกดรหัส PIN เพื่อยืนยันการสมัคร เสร็จเรียบร้อยภายใน 2 นาที ก็สามารถใช้งานได้ทันที
จากนั้นทั้งบัญชี “ME SAVE” และ “ME MOVE” จะทำงานคู่กัน เมื่อมีเงินคงเหลือที่ผู้ใช้งานกำหนดใน ME MOVE จะโอนไปเก็บใน ME SAVE โดยอัตโนมัติ ซึ่งเจ้าของบัญชีสามารถตั้งได้ว่าจะทำ Balance Sweep ทุกวัน ทุกสัปดาห์ หรือทุกเดือน ซึ่งการ Sweep จะทำในเวลา 21.00 น. เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่คนไม่ค่อยทำธุรกรรมการเงินแล้ว และเป็นเวลาก่อนคำนวณดอกเบี้ยในแต่ละวัน
เช่น ตั้ง Balance Sweep ไว้ที่ 500 เมื่อถึงเวลา 21.00 น. มีเงินเหลือใน “ME MOVE” 800 บาท เงินจำนวน 300 บาทที่เกินมาจากทีตั้งค่า Balance Sweep ไว้ จะถูกโอนไปยังบัญชี ME SAVE เพื่อคำนวณดอกเบี้ยในคืนนั้นทันที
สำหรับเฟสแรก ME MOVE จะเปิดให้บริการเปิดบัญชีผ่าน “ME by TMB Application” และการโอนเงินออกไปยังบุคคลอื่น ธนาคารใดก็ได้ รวมถึงโอนเงินได้แบบ PromptPay โดยไม่มีค่าธรรมเนียมใดๆ และมีเทคโนโลยี Balance Sweep ที่ช่วยปัดเงินอัตโนมัติไปรับดอกเบี้ยสูงกับ ME SAVE
จากนั้นในเฟสต่อไปจะเพิ่มฟังก์ชั่นใหม่ๆ เพื่อครอบคลุมการเป็นบัญชีใช้จ่ายมากขึ้น เช่น การชำระค่าสินค้า ค่าสาธารณูปโภค (Bill Payment) เติมเงิน (Top-ups) ตลอดจนนวัตกรรมเพื่อการใช้จ่ายอื่นๆ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน เช่น การชำระเงินผ่านระบบ Contactless payments การชำระเงินด้วย QR Code และการถอนเงินจากตู้ ATM โดยไม่ใช้บัตร (Card-less ATM withdrawals)
จากการเปิดตัว “ME MOVE” ได้ไม่ถึงหนึ่งเดือน มีลูกค้าเกือบ 10,000 บัญชีแล้ว โดยตั้งเป้าหมายจะมีทั้งลูกค้าปัจจุบันและลูกค้าใหม่เปิดบัญชี “ME MOVE” 40,000 บัญชีภายในสิ้นปีนี้
“ME นับเป็น Digital Strategy ของ TMB ด้วยการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ และบริการที่ตอบโจทย์ลูกค้าดิจิทัลได้อย่างตรงจุด ซึ่งมีความแตกต่างจาก Digital Banking ทั่วไป เนื่องจากเราพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการจาก Digital Process ตั้งแต่เริ่มต้น ไปจนถึงวิธีการใช้งานในชีวิตประจำวัน
ดังนั้นผลิตภัณฑ์และบริการของ ME ที่ถูกพัฒนาขึ้นนั้น ต้องง่าย และสามารถใช้งานได้จริง โดยคำนึงถึงไลฟ์สไตล์ของลูกค้าเป็นหลัก บวกกับความคล่องตัวที่ต้องทำได้ทุกที่ ทุกเวลา สามารถทำทุกอย่างได้บนแพลตฟอร์มดิจิทัล โดยไม่จำเป็นต้องไปสาขาเลย ซึ่งตรงกับไลฟ์สไตล์ของคนยุคดิจิทัล” ดร.เบญจรงค์ สุวรรณคีรี หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหาร ME by TMB สรุปทิ้งท้ายถึง Core Value ของแบรนด์ ME by TMB
เชื่อว่า “ME MOVE” จะเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมการเงินของ “ME by TMB” ที่เข้ามาปฏิวัติอุตสาหกรรมการเงินในไทย และตอกย้ำถึงการเป็น Pioneer การให้บริการ “Digital Banking” ในไทยประเทศ
ข้อมูลเพิ่มเติม บัญชี ME by TMB ได้ที่ www.mebytmb.com