ME by TMB ตอกย้ำความเป็นผู้นำดิจิทัลแบงก์กิ้ง ด้วยบัญชีเงินฝากดิจิทัลที่มีจำนวนลูกค้าเติบโตต่อเนื่องตลอด 6 ปี เฉลี่ยสูงถึง 63% เผยกลุ่มลูกค้าเป็นคนรุ่นใหม่ถึงวัยทำงานกว่า 80% และมียอดเงินฝากเฉลี่ยต่อบัญชี 150,000 บาท พร้อมเดินหน้าสู่ปีที่ 7 ขึ้นแท่นเป็นบัญชีเงินฝากที่ดีที่สุด มั่นใจขยายฐานลูกค้าใหม่ให้เติบโตอย่างต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 20% ต่อปี
นางสาวมิ่งขวัญ พัฒนวงศ์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารส่งเสริมการตลาดลูกค้าบุคคล ทีเอ็มบี และ ME by TMB เปิดเผยถึงความสำเร็จในการให้บริการตลอดระยะเวลา 6 ปี ที่ผ่านมาของแบรนด์ ME ดิจิทัลแบงก์กิ้งแห่งแรกของประเทศไทยด้วยการเปิดตัวบัญชีเงินฝากดิจิทัลภายใต้คอนเซ็ปต์ “Self-Service Banking to Get More” บัญชีเงินฝากที่ให้คุณทำธุรกรรมด้วยตนเอง เพื่อผลตอบแทนที่มากกว่า จนถึงวันนี้นับว่าประสบความสำเร็จเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ ทั้งจำนวนผู้เปิดบัญชี และจำนวนเงินฝากที่สูงขึ้นทุกปี ปัจจุบันมีลูกค้ารวมมากกว่า 300,000 บัญชี โดยในปี 2560 จำนวนลูกค้าใหม่ของ ME เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง 21% และเติบโตต่อเนื่องตลอด 6 ปี ที่ผ่านมาเฉลี่ย 63% โดยจำนวนเงินฝากของ ME นั้นมีอัตราเติบโตต่อเนื่องเฉลี่ยถึง 41% และจำนวนลูกค้า ME คิดเป็น 5% ของพอร์ตลูกค้ารายย่อยทั้งหมดของทีเอ็มบี”
“ทั้งนี้ จากตัวเลขการเติบโตของ ME พบว่าลูกค้ากว่า 80% เป็นคนรุ่นใหม่ถึงวัยทำงาน ช่วงอายุตั้งแต่ 18-46 ปี จากสัดส่วนดังกล่าว แสดงให้เห็นว่าลูกค้าของ ME มีทั้งกลุ่มลูกค้าเจน X คนวัยทำงาน และคนรุ่นใหม่เจน Y และเจน M ซึ่งถือเป็นกลุ่มที่เปิดรับสิ่งใหม่ๆอยู่เสมอ พรัอมใช้งานผ่านอินเทอร์เน็ต ชอบความคล่องตัว ต้องการบริหารเวลาด้วยตนเอง ไม่สะดวกไปทำธุรกรรมที่สาขา ในขณะที่สัดส่วนของลูกค้าในกรุงเทพและปริมณฑลอยู่ที่ 73% และต่างจังหวัด 27% โดยมีสัดส่วนยอดเงินฝากเฉลี่ยประมาณ 150,000 บาทต่อบัญชี นับเป็นกลุ่มลูกค้าเงินฝากรายย่อยที่มีคุณภาพและมีทัศนคติที่ดีในการออมเงิน”
ถ้าย้อนไปเมื่อ 6 ปีที่แล้ว ME by TMB เข้ามาเริ่มจุดกระแสในเรื่องของเทรนด์ดิจิทัลแบงก์กิ้งเป็นแบรนด์แรกในประเทศไทย จนได้สร้างปรากฏการณ์ใหม่แก่วงการธนาคาร ให้ลูกค้าได้ทำธุรกรรมการเงินด้วยตนเองเพื่อผลตอบแทนที่มากกว่า ไม่ว่าจะเป็นการ ฝาก โอน เช็คยอดเงิน และเช็คดอกเบี้ยสะสม ได้ทุกที่ ทุกเวลา โดยที่ไม่ต้องไปสาขา ไม่มีสมุดบัญชี ลูกค้าสามารถทำได้เองผ่านช่องทางออนไลน์ แอปพลิเคชัน และบริการ Call Center ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งทำให้เราสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และแปลงเป็นผลตอบแทนคืนเป็นดอกเบี้ยสูงให้กับลูกค้าได้และในวันนี้ ME บัญชีเงินฝากดิจิทัลให้ดอกเบี้ยสูงกว่าบัญชีออมทรัพย์ทั่วไปถึง 4.5 เท่า หรือ 1.7% ต่อปี ในปีที่ผ่านมา ME ได้ก้าวไปอีกขั้นในยุคดิจิทัล โดยเปิดตัว ME BOT อัจฉริยะที่สามารถตอบคำถามลูกค้าเบื้องต้นได้แบบเรียลไทม์ ตลอด 24 ชม. ผ่านช่องทาง Facebook Messenger นับเป็นครั้งแรกของวงการธนาคารไทย รวมถึงเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้า ME โดยการพัฒนา ME Application ให้ใช้งานได้ง่ายยิ่งขึ้น ซึ่งปัจจุบันมียอดผู้ใช้งานกว่า 170,000 ราย
นางสาวมิ่งขวัญ กล่าวถึงทิศทางของ ME by TMB ในปี 2561 ว่า
”สำหรับปีนี้ เราวางเป้าหมายเพิ่มลูกค้าใหม่ 20% ตามนโยบายของธนาคาร โดยใช้กลยุทธ์หลัก คือ ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer Centric) ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ความต้องการของลูกค้า ตามแนวทางของทีเอ็มบี คือ “Need-Based” และ “Simple & Easy” ตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างตรงจุด เพื่อให้ลูกค้า ME ได้มากกว่าเสมอ ภายใต้คอนเซปต์ “Always Get MORE with ME” โดยนำเสนอ MORE Benefit รับดอกเบี้ยสูง ไม่มีเงื่อนไข และไม่มีค่าธรรมเนียมใดๆ MORE Convenient สะดวกสบายสูงสุด MORE Safe ปลอดภัยสูงสุด กับระบบบัญชีแบบปิดที่โอนไปยังบัญชีออมทรัพย์ที่เป็นชื่อคุณเองเท่านั้น และ MORE Services & Products นำเสนอบริการและผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ๆ ให้กับลูกค้า โดยในปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้ จะมีการให้บริการเรื่องของการปลดล็อคการโอนเงินแบบต่างธนาคาร ซึ่งจะฟรี ไม่จำกัดจำนวนครั้ง (จากเดิมสามารถโอนฟรีต่างธนาคารได้ 2 ครั้งต่อเดือน) และเร็วๆ นี้จะได้เห็นการให้บริการบัญชีเพื่อการใช้จ่าย และผลิตภัณฑ์การเงินเพื่อตอบโจทย์ด้านอื่นๆ ที่ตรงกับไลฟ์สไตล์ยุคดิจิทัล ซึ่งจะอยู่ภายใต้คอนเซปต์ “Always Get MORE with ME” ลูกค้า ME ได้มากกว่าเสมอ”
“ด้วยพฤติกรรมของผู้บริโภคปัจจุบันที่เปลี่ยนวิถีเป็นยุคดิจิทัลอย่างเต็มตัว เรามั่นใจว่าแบรนด์ ME จะเป็นการธนาคารที่ให้ผลตอบแทนที่ดีที่สุด และเหมาะสำหรับไลฟ์สไตล์คนยุคดิจิทัล ที่ต้องการออมเงินอย่างคุ้มค่า พร้อมใช้จ่ายอย่างสมาร์ท และเราจะเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อเพิ่มความสะดวกและตอบโจทย์การใช้ชีวิตของลูกค้าในยุคดิจิทัลอย่างไม่หยุดนิ่ง” นางสาวมิ่งขวัญ กล่าวทิ้งท้าย