แม้ในช่วงกว่า 2 – 3 ปีมานี้ตลาดที่อยู่อาศัย ต้องเผชิญกับความท้าทายรอบด้าน ทั้งสถานการณ์ COVID-19 ที่มีผลต่อวิถีชีวิต และพฤติกรรมการอยู่อาศัยเปลี่ยนไป, สภาวะเศรษฐกิจซบเซา, เงินเฟ้อ, อัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น, การปรับขึ้นของต้นทุนวัสดุก่อสร้างต่างๆ แต่เมื่อเจาะลึกตามเซ็กเมนต์ พบว่า “ตลาดบ้านหรู” ทั้ง Luxury Segment และ Super Luxury Segment มีราคาตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป จนถึงกว่า 50 ล้านบาทขึ้นไป เติบโตสวนทางกับภาพรวมอสังหาริมทรัพย์
เนื่องจากยังมีการเติบโตทั้งฝั่ง Demand จากผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อสูง และฝั่ง Supply บริษัทพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย เดินหน้าสร้างโครงการบ้านหรู หนึ่งในนั้นคือ “เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์” (Major Development) เป็น Property Development ที่ทำตลาดที่อยู่อาศัยเซ็กเมนต์ Luxury – Super Luxury ทั้งโครงการแนวราบ และแนวสูงมาอย่างต่อเนื่อง
หัวใจสำคัญของการพัฒนาโครงการระดับ Luxury – Super Luxury ไม่เพียงแค่ตั้งอยู่บนทำเลที่มีศักยภาพสูงเท่านั้น แต่ยังต้องเข้าใจในความต้องการ พฤติกรรมการอยู่อาศัย และไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคกลุ่มนี้อย่างแท้จริง เพื่อนำมาใช้ในการออกแบบโครงการ ทั้งจำนวนยูนิต, ดีไซน์บ้าน, พื้นที่ใช้สอย, ฟังก์ชันภายในบ้าน รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ของพื้นที่ส่วนกลางให้ลงตัวที่สุด และตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคกลุ่มนี้
อย่างการเปิดตัวแบรนด์ระดับ Super Luxury ของเมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ล่าสุด “Malton Gates”โครงการบ้านเดี่ยว ภายใต้แนวคิด “Luxury Wellness Residences” ราคาเริ่มต้น 38 – กว่า 50 ล้านบาท ที่เข้าใจความต้องการ และพฤติกรรมการอยู่อาศัย – การใช้ชีวิตของผู้บริโภคกลุ่มครอบครัวคนรุ่นใหม่
ทำความรู้จักแบรนด์ “Malton” โครงการบ้าน Super Luxury บนทำเลศักยภาพสูง
ภายใต้พอร์ตโฟลิโอกลุ่มบ้าน เซ็กเมนต์ Super Luxury ของ “เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์” ได้สร้างแบรนด์ “Malton” ซึ่งเป็นชื่อเมืองหนึ่งในแคว้นยอร์กเชียร์ (Yorkshire) สหราชอาณาจักร ซึ่งมีประวัติศาสตร์มายาวนาน และเป็นเมืองน่าอยู่แห่งหนึ่งของโลก จึงนำมาเป็นชื่อแบรนด์โครงการบ้าน เพื่อสื่อถึงความน่าอยู่ ความสงบสุข และความปลอดภัยของการอยู่อาศัยในโครงการแห่งนี้
ปัจจุบันแบ่งเป็น 2 Sub-brand คือ
– Malton Private Residences โครงการที่ออกแบบมาสำหรับคนที่มีโลกส่วนตัวค่อนข้างสูง ชอบอยู่ในพื้นที่ส่วนตัว ชอบความสงบ ดังนั้นคอนเซ็ปต์การออกแบบ จึงไม่ได้เน้นพื้นที่ส่วนกลางมากนัก แต่ทำให้บ้านแต่ละหลังมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ของตัวเอง เช่น สวน และสระว่ายน้ำส่วนตัว เพื่อให้ลูกบ้านได้ใช้ชีวิตและพักผ่อนอย่างเต็มที่ภายในบ้านของตัวเอง
ปัจจุบันมี 2 โครงการคือ Malton Private Residences Ari และ Malton Private Residences Sukhumvit 31 ทั้ง 2 โครงการเป็นบ้าน 4 ชั้น
– Malton Gates แบรนด์โครงการบ้านล่าสุด ออกแบบมาเพื่อคนที่ชอบพบปะผู้คนในสถานที่ที่ยังมีความเป็นส่วนตัว ดังนั้นนอกจากสิ่งอำนวยความสะดวกครบวงจรสำหรับบ้านแต่ละหลังแล้ว ยังมีพื้นที่ส่วนกลางที่ลูกบ้านสามารถมาใช้ร่วมกัน เช่น Co-kitchen, Co-working Space, ห้องประชุม, สระว่ายน้ำ ทั้งสระเด็ก และสระผู้ใหญ่ โดยเปิดตัวโครงการแรก “Malton Gates กรุงเทพกรีฑา” มีเพียง 49 ยูนิตเท่านั้น เพื่อความเป็นส่วนตัวของลูกบ้าน
คอนเซ็ปต์ของแบรนด์ Malton Gates ประกอบด้วย 4 แกนสำคัญคือ
– Prime โลเคชั่นโครงการ Malton Gates อยู่ในทำเลมีศักยภาพสูง ห่างไกลจากความวุ่นวาย แต่ไม่ไกลความสะดวก เพราะอยู่ใกล้แหล่งไลฟ์สไตล์ และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ รวมถึงการเดินทางเข้าเมือง และไปยังสถานที่ต่างๆ สามารถเดินทางได้อย่างสะดวก
– Pride สะท้อนตัวตนผ่านกาลเวลา ด้วยดีไซน์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทั้ง Classic Modern Timeless Design, Classy Architecture และ Classical Redefine Interior
– Privacy ความสงบสบายที่มอบสุนทรีย์ในทุกพื้นที่ ด้วยจำนวนยูนิตน้อย และการวางผังบ้านที่มอบความเป็นส่วนตัวให้กับลูกบ้านทุกคน
– Perfection บ้านที่ถูกคิดและลงรายละเอียดเพื่อตอบโจทย์ในทุกช่วงเวลาของชีวิต ด้วย Lifescape Design และผสมผสาน Wellness – Convenience – Technology เข้าด้วยกัน
ขณะที่กลุ่มเป้าหมายของ Malton Gates เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ อายุ 35 – 45 ปี ทั้งผู้ชาย-ผู้หญิง และกลุ่ม LGBTQ+ ผู้บริโภคกลุ่มนี้มีไลฟ์สไตล์และความต้องการที่ชัดเจนคือ ต้องการขยายครอบครัวออกมาใช้ชีวิตเอง รักอิสระ ขณะเดียวกันก็มีพ่อแม่มาอยู่ด้วยเป็นครั้งคราว รู้จักใช้ชีวิต รู้จักใช้เงิน ชอบงานสังสรรค์ ออกสังคม พบเจอเพื่อนฝูง แต่ก็อยากมีความเป็นส่วนตัว รักสุขภาพ ดูแลตัวเองเสมอ มีความมั่นใจในตัวเองสูง มีสไตล์ สง่างามและโดดเด่น แต่อยากแตกต่างอย่างมีระดับ และชอบความสะดวกสบาย ใช้อุปกรณ์ Gadget ทั้งหลายเพื่ออำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิต
ตีโจทย์ไลฟ์สไตล์ – พฤติกรรมการอยู่อาศัยผู้บริโภค สู่คอนเซ็ปต์โครงการ “Malton Gates กรุงเทพกรีฑา”
“เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์” ได้ศึกษาและทำความเข้าใจไลฟ์สไตล์และพฤติกรรมการอยู่อาศัยผู้บริโภคระดับ Luxury พบว่า
ไลฟ์สไตล์ของผู้คนในทุกวันนี้ใส่ใจสุขภาพกายและใจ จึงดูแลทั้งอาหารการกิน การออกกำลังกาย และอยากอยู่ในสถานที่ที่ให้ความผ่อนคลายทางจิตใจ
นี่จึงทำให้ปัจจัยการพิจารณาเลือกซื้อบ้านของผู้บริโภคกลุ่มนี้ นอกจากทำเลที่ตั้งโครงการ ความเป็นส่วนตัว ความปลอดภัย และความสะดวกสบายแล้ว ยังให้ความสำคัญกับพื้นที่สีเขียว และตอบโจทย์ Health & Well-living ทั้งวัสดุที่นำมาใช้สร้างบ้าน ต้องมีคุณภาพ เป็น Non-toxic Material หรือวัสดุที่ไม่เป็นอันตรายกับผู้อยู่อาศัย มีนวัตกรรมการอยู่อาศัยด้านสุขอนามัยและสุขภาพ และโครงการมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ช่วยส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
จากความต้องการดังกล่าว นำมาสู่การพัฒนาโครงการ “Malton Gates กรุงเทพกรีฑา” ภายใต้คอนเซ็ปต์ “The Gates to Well-living” คำนึงถึงชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี และสุขภาพของผู้อยู่อาศัย ประกอบด้วย 6 แกน
- The Gates to Well Design: ออกแบบทั้งตัวโครงการ และบ้านด้วยคุณภาพชั้นเยี่ยม, ดีไซน์ไร้กาลเวลา (Timeless Design), ประตูเข้า-ออกโครงการ 2 ชั้น เพื่อความปลอดภัย, ใส่ใจในรายละเอียดทุกองค์ประกอบของบ้าน และพื้นที่ส่วนกลาง
- The Gates to Well Community: โครงการ Malton Gates มีจำนวนแค่ 49 ยูนิต จึงเป็น Community ที่มีความเป็นส่วนตัว, มีพื้นที่สีเขียว, มีล็อบบี้เลาจ์, จัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกอย่าง Co-kitchen ให้ลูกบ้านได้จัดนัดสังสรรค์พบปะเพื่อนฝูงในบรรยากาศส่วนตัว, มี Co-working Space และ Meeting Room ตอบรับวิถีการทำงานแบบไฮบริด
- The Gates to Well Rest: ติดตั้ง Solar Attic ระบบบ้านเย็น, ระบบบ้านปลอดฝุ่น สามารถกรองฝุ่น PM 2.5 และแบคทีเรียต่างๆ อีกทั้ง Clubhouse ในโครงการมีฟังก์ชัน Touchless เพื่อลดการสัมผัส และ Nano X ฆ่าเชื้อโรค
- The Gates to Well Health: ออกแบบสิ่งอำนวยความสะดวกในพื้นที่ส่วนกลาง โดยใช้หลัก Universal Design, มีสระว่ายน้ำทั้งของเด็ก และผู้ใหญ่, ห้องออกกำลังกาย (Fitness Room) เลือกใช้อุปกรณ์แบรนด์ชั้นนำที่มีคุณภาพและความแข็งแรง รวมทั้งมีพื้นที่ Private Gym รองรับความเป็นส่วนตัว
- The Gates to Well Essence: ให้ความสำคัญกับพื้นที่สีเขียว โดยจัดสรรให้มีพื้นที่สีเขียวมากถึง 260 ตารางวา และมีห้องโยคะ และสปา เพื่อให้ลูกบ้านได้ผ่อนคลายทั้งร่างกาย และจิตใจ
- The Gates to Well Service: การบริการหลังการขาย ที่ใส่ใจรายละเอียด มอบ Welcome Home Package ให้กับลูกบ้าน
ทำเลที่ตั้งโครงการ Malton Gates กรุงเทพกรีฑา ตั้งอยู่บนถนนศรีนครินทร์-ร่มกล้า หรือเรียกว่าถนนกรุงเทพกรีฑาตัดใหม่ เป็นถนน 6 เลน และสามารถเชื่อมต่อไปยังถนนสายต่างๆ ได้อย่างสะดวก ไม่ว่าจะเข้าเมือง ไปเส้นศรีนครินทร์ ไปพระราม 9 หัวหมาก หรือออกเมืองไปทางสุวรรณภูมิ และยังมีรถไฟฟ้า ทั้ง Airport Rail Link, รถไฟฟ้าสายสีส้ม และสายสีเหลืองที่กำลังจะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้
นอกจากนี้ยังแวดล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ โดยรอบที่อยู่ไม่ไกลจากโครงการ ทั้งโรงพยาบาล เช่น โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์, โรงพยาบาลรามคำแหง ทั้งยังมีคอมมูนิตี้มอลล์ให้ช้อป ชิม ชิลมากมาย เช่น The Park, Market Place, Market Today, Kurve และโรงเรียนนานาชาติ ไม่ว่าจะเป็น โรงเรียน Ascot International, International Montessori Center, Brighton College Bangkok และ Wellington College
เจาะลึกแบบบ้าน – สิ่งอำนวยความสะดวกจัดเต็ม รองรับทุกไลฟ์สไตล์
จากคอนเซ็ปต์โครงการ ทำเลที่ตั้ง และสิ่งอำนวยความสะดวกโดยรอบแล้ว ชวนมาเจาะลึกรายละเอียดโครงการ Malton Gates กรุงเทพกรีฑา อยู่บนพื้นที่ 21 ไร่ มีจำนวน 49 ยูนิต การวางผังโครงการเป็นคลัสเตอร์ขนาดเล็ก ใน 1 ซอยมีบ้านสูงสุดแค่ 4 ยูนิตเท่านั้น เพื่อความเป็นส่วนตัว และวางตำแหน่งบ้านในทิศเหนือและทิศใต้
มีแบบบ้าน 3 รูปแบบคือ SMITHSON, MIDDLETON และ LIVINGSTON ทั้ง 3 รูปแบบเป็นบ้านเดี่ยว 3 ชั้น และพิถีพิถันกับการออกแบบทงานโครงสร้าง และฟังก์ชันภายในบ้าน เพื่อตอบโจทย์ขนาดครอบครัวที่หลายหลาย ตั้งแต่ครอบครัวขนาดเล็ก ที่มีสมาชิก 4 – 5 คน ไปจนถึงครอบครัวใหญ่ ที่มีสมาชิกในบ้านหลาย Generation รวมทั้งให้ความสำคัญกับพื้นที่ Courtyard ของบ้าน เพื่อให้ลูกบ้านได้ใกล้ชิดกับพื้นที่สีเขียว รับแสงและลมธรรมชาติ แตกต่างจากโครงการบ้านอื่น ที่จะสร้างบ้านเต็มพื้นที่ จนแทบไม่ค่อยมีพื้นที่สีเขียวของบ้านเท่าไรนัก
บ้าน “SMITHSON” ราคาเริ่มต้น 38 ล้านบาท
แบบบ้านที่ตอบโจทย์ครอบครัวที่เพิ่งเริ่มต้น ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวที่อยู่อาศัยกัน 2 คน, คนที่กำลังเริ่มต้นสร้างครอบครัว เช่น คู่ชีวิตใหม่ที่วางแผนจะมีสมาชิกตัวน้อยในอนาคต รวมถึงครอบครัวที่มีสมาชิกพ่อแม่และลูกเล็ก 1 คน
เพราะทั้งพื้นที่ใช้สอย และขนาดบ้านกำลังพอดี เหมาะสมและลงตัวกับการอยู่อาศัย ขณะเดียวกันยังมี Courtyard เพื่อให้สมาชิกในบ้านได้ใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางพื้นที่สีเขียว เพื่อความสดชื่นในยามเช้าที่ตื่นขึ้นมา และได้ผ่อนคลายในยามเย็น หรือวันหยุด
จุดเด่นของแบบบ้าน “SMITHSON” ประกอบด้วย
– พื้นที่ใช้สอย 403 ตารางเมตร และพื้นที่ดิน 71 – 90 ตารางวา
– ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 1 ห้องแม่บ้าน และจอดรถได้ 3 คัน
– ชั้น 1 ของบ้านออกแบบเป็น Double Volume ความสูง 6 เมตร สำหรับเป็นโซน Living & Dining Area เชื่อมต่อกับโซน Pantry และครัวที่ค่อนข้างกว้าง พร้อมทั้งออกแบบหน้าต่างเป็นกระจกเต็มตั้งแต่พื้นถึงเพดาน เพื่อเพิ่มช่องแสง และให้ความรู้สึกโปร่ง โล่ง สบาย
นอกจากนี้ชั้น 1 ยังมีห้องอเนกประสงค์ (Multi-purpose Room) มีห้องน้ำในตัว สามารถทำเป็นห้องนอนสำหรับผู้สูงอายุ หรือห้องอื่นๆ โดยพื้นของห้องเอนกประสงค์นี้ ทางโครงการเลือกใช้วัสดุที่คำนึงถึงผู้อยู่อาศัยกลุ่มผู้สูงอายุ เพื่อความปลอดภัยของการอยู่อาศัย
– ออกแบบบ้านเชื่อมต่อเข้ากับ Courtyard ของบ้าน ซึ่งพื้นที่ Courtyard นี้ ลูกบ้านสามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชันให้สอดคล้องกับความต้องการของครอบครัว เช่น ปรับ Courtyard เป็นพื้นที่จอดรถเพิ่มได้อีก 1 คัน
– ชั้น 2 มี 2 ห้องนอน โดยออกแบบให้หันไปเจอ Courtyard และมีห้องเรียน/อ่านหนังสือ
– ชั้น 3 มี Master Bedroom เชื่อมต่อกับ Walk-in Closet และ Master Bathroom รวมทั้งมีห้องเอนกประสงค์สามารถปรับเปลี่ยนเป็นห้องพระได้
บ้าน “MIDDLETON”
แบบบ้านนี้เหมาะสำหรับครอบครัวขนาดกลางที่มีสมาชิกประมาณ 3 – 4 คน พ่อแม่ และลูกโต ด้วยพื้นที่ใช้สอย และขนาดบ้านที่ใหญ่ขึ้นมาจากแบบ SMITHSON ทำให้รองรับจำนวนสมาชิกครอบครัวที่เพิ่มขึ้น โดยไม่รู้สึกถึงความอึดอัด และผู้อยู่อาศัยแต่ละคน มีพื้นที่ส่วนตัวอย่างเต็มที่ สามารถใช้ชีวิต หรือทำกิจกรรมในแบบที่ตัวเองชื่นชอบได้อย่างอิสระ
อีกทั้งพื้นที่ Courtyard ในบ้านที่ใหญ่ขึ้น นอกจากสร้างความสดชื่น และผ่อนคลายให้กับผู้อยู่อาศัยแล้ว สมาชิกในบ้านยังสามารถใช้พื้นที่บริเวณนี้ ทำกิจกรรมร่วมกันได้ เช่น จัด Home Camping วันหยุดในบรรยากาศส่วนตัว
จุดเด่นของแบบบ้าน “MIDDLETON” ประกอบด้วย
– พื้นที่ใช้สอย 448 ตารางเมตร และพื้นที่ดิน 90 – 108 ตารางวา
– ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 1 ห้องแม่บ้าน และจอดรถได้ 4 คัน
– ภายในบ้าน ใกล้เคียงกับแบบบ้าน SMITHSON แต่มีพื้นที่ใหญ่กว่า โดยชั้น 1 ทางเข้าออกบ้านมี Foyer และห้องเก็บรองเท้า และภายในบ้านออกแบบเป็น Double Volume ความสูง 6 เมตร มี Living & Dining Area รวมทั้งพื้นที่ Pantry และครัวขนาดใหญ่
– มีห้องเอนกประสงค์ที่มีห้องน้ำในตัว สำหรับทำเป็นห้องนอนสำหรับผู้สูงอายุ หรือห้องอื่นๆ และใช้วัสดุพื้นสำหรับผู้สูงอายุโดยเฉพาะ
– มี Courtyard ใหญ่กว่าแบบบ้าน SMITHSON และสามารถปรับฟังก์ชันได้ เช่น ทำเป็นพื้นที่จอดรถ เพิ่มได้อีก 2 คัน หรือปรับเป็นสระว่ายน้ำได้
– ติดตั้งลิฟต์เพื่อขึ้นลงชั้น 1 – 3 ได้สะดวก
– ชั้น 2 มี 2 ห้องนอน ออกแบบให้หันไปเจอ Courtyard, มีห้องเรียน/อ่านหนังสือ และมีลิฟต์
– ชั้น 3 มี Master Bedroom เชื่อมต่อกับ Walk-in Closet และ Master Bathroom, มีลิฟต์ และห้องเอนกประสงค์ สามารถปรับเปลี่ยนเป็นห้องพระ
บ้าน “LIVINGSTON”
แบบบ้านที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ครอบครัวใหญ่ที่มีสมาชิกหลากหลาย Generation ทั้งพ่อแม่ ลูก และผู้สูงอายุ เพราะพื้นที่ใช้สอย ขนาดบ้าน และฟังก์ชันของบ้านที่ใหญ่ขึ้น จึงทำให้บ้านหลังนี้ศูนย์รวมสมาชิกครอบครัวแต่ละ Gen ได้อย่างลงตัว
จุดเด่นของแบบบ้าน “LIVINGSTON” ประกอบด้วย
– พื้นที่ใช้สอย 544 ตารางเมตร และพื้นที่ดิน 102 – 137 ตารางวา
– ฟังก์ชัน 5 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 2 ห้องแม่บ้าน และจอดรถได้ 5 คัน
– ชั้น 1 ของบ้านออกแบบเป็น Double Volume ความสูง 6 เมตร สำหรับเป็นโซน Living Area
– มีพื้นที่ Pantry และครัวขนาดใหญ่ เชื่อมต่อกับ Dining Room
– มีลิฟต์สำหรับขึ้นลงชั้น 1 – 3 ได้สะดวก
– ห้องอเนกประสงค์ (Multi-purpose Room) มีห้องน้ำในตัว
– พื้นที่ Courtyard ขนาดใหญ่ และเชื่อมต่อกับบ้าน โดยสามารถสามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชันได้ เช่น ปรับเป็นพื้นที่จอดรถเพิ่มได้อีก 3 คัน หรือปรับเป็นสระว่ายน้ำ
– ชั้น 2 มี 3 ห้องนอน และห้องเอนกประสงค์ ทุกห้องออกแบบให้หันไปเจอกับ Courtyard, มีลิฟต์
– ชั้น 3 มี Master Bedroom เชื่อมต่อกับ Walk-in Closet และเพิ่มพื้นที่พักอาศัยบริเวณด้านหน้า, มีอีก 1 Walk-in Closet และมีลิฟต์
ไม่เพียงแต่ความครบครันของบ้านเท่านั้น “เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์” ยังได้จัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกของพื้นที่ส่วนกลางให้กับลูกค้าแบบจัดเต็ม!
ไม่ว่าจะเป็น Double Gate Security ระบบประตูเข้า-ออกโครงการ 2 ชั้น เพื่อความปลอดภัยของลูกบ้าน, Gate Pavilion สำหรับนั่งพักผ่อนบริเวณ Outdoor ตั้งอยู่ใน Main Park, สระว่ายน้ำผู้ใหญ่ และสระว่ายน้ำเด็ก ด้านข้างสระว่ายน้ำมี Pool Garden Lounge อีกด้วย และสนามเด็กเล่น
นอกจากนี้ยังมี Clubhouse โดยแบ่งเป็น Clubhouse A มีห้องประชุมขนาดเล็ก รองรับ 5 – 6 คน และห้องประชุมขนาดใหญ่ รองรับ 10 คน, ห้องสปา, ห้องฟิตเนส และห้องออกกำลังกายส่วนตัว ขณะที่ Clubhouse B มี Co-kitchen และ Co-working Space
โครงการ “Malton Gates กรุงเทพกรีฑา” ถือว่าเป็นโครงการที่ใส่ใจและพิถีพิถันในทุกกระบวนการของการสร้าง และทุกองค์ประกอบ ตั้งแต่การเลือกทำเลที่ห่างไกลความวุ่ยวาย แต่ไม่ไกลความสะดวก, การทำความเข้าใจผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย, การวางคอนเซ็ปต์โครงการ, การออกแบบบ้านและพื้นที่ส่วนกลางให้ตอบรับกับวิถี Now Normal ที่ผู้คนใช้ชีวิตอยู่กับบ้านมากขึ้น และให้ความสำคัญกับสุขภาพกายและใจ
สำหรับใครที่สนใจโครงการ “Malton Gates กรุงเทพกรีฑา” ลงทะเบียนเพื่อรับข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/3BAlvkC