นางสาวรุ่งฉัตร บุญรัตน์ ประธานผู้บริหารฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท มาลีกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MALEE เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2559 ว่า “บริษัทฯ และบริษัทย่อยมียอดขายรวมแตะระดับ 1,751 ล้านบาท ซึ่งเป็นยอดขายรายไตรมาสสูงสุดนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทฯ และเริ่มดำเนินธุรกิจในปี 2521 เติบโต 39% YoY และมีกำไรสุทธิ 143 ล้านบาท เติบโต 74% YoY ส่งผลให้ครึ่งปีแรกของปี 2559 กลุ่มบริษัทมียอดขายรวม 3,293 ล้านบาท เติบโต 29% YoY และมีกำไรสุทธิ 252 ล้านบาท เติบโต 51% YoY”
“ในไตรมาส 2/2559 ยอดขายเติบโตทั้งจากธุรกิจตราสินค้าของบริษัทฯ (Branded Business: Brand) และธุรกิจพัฒนาผลิตภัณฑ์ตามสัญญาและรับจ้างผลิต (Contract Manufacturing Business: CMG) ซึ่งทั้งสองธุรกิจเติบโตทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะยอดส่งออกที่เติบโต 76% YoY ส่งผลให้สัดส่วนของยอดส่งออกต่อยอดขายรวมเพิ่มเป็น 37% สอดคล้องกับกลยุทธ์การขยายตลาดในต่างประเทศของบริษัทฯ ทั้งนี้ Monde Malee Beverage Corporation (MMBC) ธุรกิจร่วมค้าของบริษัทฯ ในประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งได้ออกสินค้าชนิดแรก คือ กาแฟกระป๋องพร้อมดื่มภายใต้แบรนด์ Kratos ในช่วงปลายไตรมาส 1/2559 ได้เริ่มจำหน่ายสินค้าผ่านร้านสะดวกซื้อแล้วตั้งแต่ช่วงปลายไตรมาส 2/2559 และด้วยกลยุทธ์ทั้งการเพิ่มยอดขายและควบคุมค่าใช้จ่าย ส่งผลให้ยอดขายและกำไรของกลุ่มบริษัทมีการเติบโตแบบก้าวกระโดด”
“บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นที่จะออกผลิตภัณฑ์ใหม่และออกแคมเปญที่น่าสนใจเพื่อกระตุ้นยอดขายและสร้างแบรนด์มาลีในประเทศให้แข็งแรงขึ้น โดยในช่วงต้นไตรมาส 3/2559 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่น้ำผลไม้ 100% ผ่านแคมเปญ “The Caring Message” ความห่วงใยจากใจเกษตรกรไทยในการดูแลผลไม้อย่างดีตั้งแต่สวนถึงมือผู้บริโภค เพื่อสร้างแบรนด์มาลีเป็นน้ำผลไม้ที่แตกต่างจากคู่แข่ง โดยคัดเลือกแหล่งเพาะปลูกที่เหมาะสมที่สุดในการนำมาผลิตเป็นน้ำผลไม้ 3 รสชาติ ได้แก่ น้ำส้มเขียวหวาน จากกลุ่มเกษตรกร ต.แม่สิน จ. สุโขทัย น้ำมัลเบอร์รี่ จากศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติฯ จ.น่าน และน้ำสับปะรดนางแล จากกลุ่มวิสาหกิจชุมชน จ.เชียงราย สำหรับตลาดต่างประเทศนั้นยังคงเป็นหนึ่งในกลยุทธ์หลักของบริษัทฯ และแรงสำคัญในการผลักดันยอดขายให้เติบโตอย่างมั่นคง โดยบริษัทฯ มุ่งที่จะขยายธุรกิจ Brand ในประเทศ ASEAN ที่มีการเติบโตสูง เช่น ฟิลิปปินส์ พม่า และกัมพูชา รวมถึงประเทศจีน โดยคัดสรรผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับตลาดแต่ละประเทศ“
“บริษัทฯ มีความมั่นใจที่จะสามารถรักษาอัตราการเติบโตของยอดขายได้อย่างต่อเนื่อง และจะสามารถบรรลุเป้าหมายการเติบโตของยอดขายที่ 20% (ปรับเพิ่มจาก 15%) ในระยะเวลาที่เหลือของปีนี้ได้ โดยมีปัจจัยสนับสนุน ทั้งจากธุรกิจ CMG ที่มีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงธรุกิจ Brand ที่มีแนวโน้มขยายตัวอย่างแข็งแกร่งทั้งในประเทศและต่างประเทศ“