รูปแบบบริการทางการเงินอย่าง Buy Now Pay Later (BNPL) กำลังกลายเป็นเทรนด์ที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก นั่นจึงทำให้ Major ร่วมมือกับ Atome ผู้นำบริการ BNPL ในประเทศไทย พร้อมดึงผู้คนที่โหยหาการชมภาพยนตร์ในโรงหนังให้กลับมา หลังมาตรการต่างๆ เริ่มผ่อนคลาย กับความสะดวกสบายด้วยประสบการณ์ใหม่ ซื้อตั๋วชมภาพยนตร์ด้วยการแบ่งจ่ายเป็นจำนวน 3 ครั้ง ไร้ดอกเบี้ย ไม่ต้องใช้หลักฐานใดๆ แค่ยืนยันตัวตนก็พอ
การใช้จ่ายผ่านรูปแบบ Digital Payment กลายเป็นเรื่องปกติของผู้คนยุคนี้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีผู้คนอีกจำนวนมากที่ยังเข้าไม่ถึงบริการทางการเงิน นั่นจึงทำให้เทคโนโลยีอย่าง e-Wallet สามารถเข้าถึงผู้คนจำนวนได้มากกว่า ซึ่ง e-Wallet ทำหน้าที่เป็นเสมือนกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ทำได้เพียงแค่ชำระเงิน แต่ไม่สามารถให้บริการทางการเงินในรูปแบบอื่นๆ ได้ โดยเฉพาะการให้เงินกู้ (Personal Loan)
ดูเหมือนบริการทางการเงินอย่าง Buy Now Pay Later (BNPL) จะเข้ามาแก้ไขปัญหาดังกล่าว พร้อมด้วยประสบการณ์การชำระเงินรูปแบบใหม่ ยิ่งเมื่อมาตรการต่างๆ เริ่มผ่อนคลายลง ความต้องการกลับมาใช้ชีวิตเหมือนเดิมจึงมีมากขึ้น โดยเฉพาะการเข้าโรงหนังเพื่อรับชมภาพยนตร์ที่ทั้งจอใหญ่และเสียงกระหึ่ม นั่นจึงทำให้ Major ผู้นำความบันเทิงอย่างโรงภาพยนตร์ ร่วมมือกับ Atome ผู้ให้บริการสินเชื่อในรูปแบบ BNPL ที่ช่วยให้การซื้อตั๋วชมภาพยนตร์กลายเป็นเรื่องง่ายกว่าที่คิด
โดย คุณนรุตม์ เจียรสนอง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาด บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) และ คุณภูมิพงษ์ ตันเจริญผล ผู้จัดการทั่วไป Atome (อาโตมี่) ประจำประเทศไทย ที่จะมาอธิบายความร่วมมือในรูปแบบ BNPL
BNPL ตอบโจทย์ทุกการใช้จ่าย
คุณนรุตม์ มองว่า BNPL เป็นเทรนด์ใหม่ที่หลายคนเลือกใช้และกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว Major อยากสร้างการชำระเงินที่สะดวกสบายที่สุดให้กับลูกค้า และสร้างมิติใหม่แห่งการดูหนัง นั่นจึงทำให้ Major ตัดสินใจร่วมมือกับ Atome โดยลูกค้าใหม่ของ Atome สามารถใช้บริการ BNPL ในการแบ่งจ่ายค่าตั๋วหนัง 3 ครั้ง พร้อมดอกเบี้ย 0% ทุกเรื่องทุกรอบ และรับส่วนลด 50 บาท เมื่อซื้อตั๋วหนังราคา 150 บาทขึ้นไปตั้งแต่วันที่ 1 – 30 กันยายน 2565
ขณะที่ คุณภูมิพงษ์อธิบายว่า Atome มาจากคำว่า Available to me จากประเทศสิงคโปร์ ซึ่ง Atome ถือเป็นแบรนด์ผู้นำทางด้าน BNPL ในภูมิภาค และเป็นบริษัทลูกของ Advance Intelligence Group ซึ่งเป็นยูนิคอร์นจากสิงคโปร์ โดย Atome เปิดตัวในประเทศไทยเมื่อปี 2564 เป็นบริการสินเชื่อที่ให้ผู้บริโภคแบ่งจ่าย 3 ครั้ง ดอกเบี้ย 0% และไม่มีค่าธรรมเนียม สามารถชำระได้ผ่านทั้งทางหน้าร้าน และช่องทางออนไลน์
Atome เข้ามาเพื่อช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนรุ่นใหม่ในรูปแบบ Flexible Payment ที่สะดวกมากขึ้น ช่วยให้ผู้บริโภคในกลุ่มนี้เข้าถึงผลิตภัณฑ์การเงินโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม นอกจากนี้กลุ่ม Millennial และ Gen Z สามารถบริหารจัดการเงินของตัวเองได้ดีขึ้น และสามารถที่จะทำตามความฝันของตัวเอง โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
Atome ในประเทศไทยได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี โดยมียอดดาวน์โหลดกว่า 350,000 ดาวน์โหลด และจำนวนผู้ใช้งานที่ Active รายเดือนมีการเติบโตมากกว่า 30 เท่า โดย Atome มีพันธมิตรจากหลากหลายกลุ่มธุรกิจ อาทิ ธุรกิจความสวยงาม (Beauty) แฟชั่น ไลฟ์สไตล์ ห้างสรรพสินค้า การท่องเที่ยว การศึกษา และด้าน Entertainment
Major x Atome ชีวิตติดง่ายและสะดวก
สถานการณ์โรคระบาดทำให้วิถีการใช้ชีวิตของผู้คนเปลี่ยนไป โดย Atome เห็นว่าหลังจากที่ผ่อนคลายมาตรการต่างๆ หลายคนก็จะกลับมาใช้ชีวิตและทำกิจกรรมนอกบ้านมากขึ้น การชมภาพยนตร์จะเป็นหนึ่งในกิจกรรมหลักที่ผู้คนจะกลับไปทำ
ความร่วมมือกับ Major ในครั้งนี้จะเป็นการยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าให้ดีขึ้น และเพิ่มฐานลูกค้าใหม่ให้ทั้ง 2 ฝ่าย ช่วยให้มีตัวเลือกในการชำระเงินมากขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นการตอกย้ำความเป็นผู้นำทั้ง Major และ Atome ในการเสนอผลิตภัณฑ์การเงินอย่าง BNPL เพื่อให้สามารถเข้าถึงบริการด้าน Entertainment มากขึ้น
ด้าน คุณนรุตม์ ชี้ว่า ลูกค้าหลักๆ ของเมเจอร์ 70% มีอายุประมาณ 15-35 ปี เป็น Gen Z ที่มีพฤติกรรมในการใช้ BNPL อยู่แล้ว การที่เราทำโปรโมชั่นร่วมกับ Atome เป็นการดึงฐานลูกค้าของ Atome ให้มาชมภาพยนตร์มากขึ้น ขณะที่ลูกค้าเมเจอร์มีทางเลือกในการชำระเงินที่มากขึ้น ซึ่งเราต้องการลดการใช้เงินสด ซึ่ง BNPL ก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่ลูกค้าชื่นชอบ และการทำระบบ BNPL กับทาง Major ก็ง่าย สะดวก รวดเร็ว
พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป
คุณภูมิพงษ์เสริมว่า สำหรับตลาด BNPL ในไทยมีศักยภาพในการเติบโตเป็นอย่างมาก ซึ่งจากรายงานของ FIS World Pay 2022 ชี้ว่า ตั้งแต่ปี 2021 จนถึงปี 2025 BNPL จะเป็นเทรนด์วิธีการชำระเงินที่เติบโตเร็วที่สุดทั้งช่องทางหน้าร้านและออนไลน์
โดย BNPL จะช่วยตอบโจทย์ความต้องการของคนกลุ่ม Millennial และ Gen Z นอกจากจะช่วยให้เกิด Flexibility ในการใช้จ่ายมากขึ้น และสามารถควบคุมการใช้จ่ายของตัวเองได้มากขึ้น ยังช่วยเพิ่มยอดใช้จ่ายต่อบิลของลูกค้า (Basket Size) ประมาณ 30% ซึ่งก็ถือเป็นช่องทางในการขยายธุรกิจ
ส่วน คุณนรุตม์ เสริมว่า เมื่อมาตรการโรคระบาดผ่อนคลายลงก็เกิดพฤติกรรมอยากออกมานอกบ้านมากขึ้น หลังจากไม่ได้ออกมานานกว่า 2 ปี ส่งผลให้เกิดพฤติกรรมอยากกลับมาใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ เพื่อชดเชยเวลาที่หายไป โดยเฉพาะการรับชมภาพยนตร์ในโรงภาพยนตร์ เห็นได้จากโปรแกรมภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์สามารถสร้างรายได้ตั้งแต่ 200-300 ล้านบาทขึ้นไป เป็นสิ่งชี้วัดถึงพฤติกรรมการกลับมาดูหนังในโรงภาพยนตร์ตามปกติ
รูปแบบของ BNPL Major x Atome
โดย คุณนรุตม์ ชี้ว่า Major เป็นโรงภาพยนตร์แห่งแรกในเมืองไทยที่มีการให้บริการ BNPL ซึ่งเมื่อผสานกับระบบ M Pass ที่เป็นการสมัครสมาชิกรายเดือนเพียงจ่าย 200 บาททุกเดือนสามารถดูหนังได้ไม่จำกัด ด้วยระบบ BNPL จะช่วยให้ลูกค้าสามารถจ่ายเงินทุกเดือนได้อย่างต่อเนื่อง ช่วยแก้ปัญหาการให้บริการลูกค้าบน M Pass
โดยในปัจจุบัน Major มีสาขากว่า 180 สาขา พร้อมบริการตู้จำหน่ายอัตโนมัติทุกสาขา รวมถึงการให้บริการซื้อตั๋วชมภาพยนตร์ทางออนไลน์ โดยปัจจุบันการซื้อตั๋วชมภาพยนตร์ผ่านตู้ e-Ticket อยู่ที่ 60% ซื้อผ่านทางออนไลน์ 35% และการซื้อผ่านเงินสดอยู่ที่ 5% โดยเป้าหมายในสิ้นปีนี้ Major ตั้งเป้าจะลดการใช้เงินสดให้เหลือ 0% และจะให้บริการซื้อตั๋วในรูปแบบ Cashless 100% ในปีนี้
ด้าน คุณภูมิพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่าสำหรับบริการ BNPL ของ Atome สามารถอนุมัติวงเงินภายใน 2-3 นาที โดยลูกค้าสามารถทำขั้นตอน KYC หรือการยืนยันตัวตนเท่านั้น ขณะที่สินเชื่ออื่นๆ จะต้องรอใช้ระยะเวลานานประมาณ 2-4 สัปดาห์และต้องมีการจัดส่งเอกสารเพื่อใช้ในการสมัคร
อนาคตของ BNPL และความร่วมมือครั้งต่อไป
สำหรับในเรื่องของอนาคตนั้น คุณนรุตม์ มองว่า ในอนาคตจะมีการความร่วมมือขยายไปยังธุรกิจอื่นๆ ของ Major ไม่ว่าจะเป็นเครื่องดื่ม ป๊อปคอร์น โบว์ลิ่ง ไอซ์สเก็ตและคาราโอเกะ ซึ่งการขยายช่องทางชำระเงินเป็นสิ่งจำเป็นที่ทุกบริษัท ต้องสร้างความสะดวกสบายให้กับลูกค้ามากที่สุด โดย Major พยายามมองหานวัตกรรมใหม่ๆ ในการชำระเงิน เพื่อให้การชมภาพยนตร์และการซื้อตั๋วเป็นเรื่องที่สะดวกสบายที่สุด
ด้าน คุณภูมิพงษ์ เล่าให้ฟังว่า อนาคตของ Atome จะมีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายมากขึ้น เช่น การขยายระยะเวลาออกไปเป็น 6 หรือ 12 เดือน นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะให้ผู้บริโภคชำระสินค้าภายใน 30 วัน หลังจากที่มีการใช้บริการหรือซื้อสินค้าจากหน้าร้าน สำหรับสินค้าที่มีมูลค่าไม่สูงมาก
ในส่วนของความร่วมมือกับ Major ในอนาคตอาจจะมีการจัดเทศกาลภาพยนตร์ร่วมกัน ซึ่งไม่ได้หยุดแค่การทำโปรโมชั่นร่วมกันเท่านั้น แต่รวมไปถึงการสื่อสารแบบ 360 องศาเพื่อโปรโมทภาพยนตร์และกิจกรรมทางด้านไลฟ์สไตล์ต่างๆ ที่มีโอกาสในการตอบโจทย์ผู้บริโภคในปัจจุบันและในอนาคตที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
กรณีศึกษา BNPL ในต่างประเทศ
BNPL ถือเป็นสินเชื่อรูปแบบหนึ่ง ดังนั้นผู้บริโภคจึงควรใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง ซึ่งทาง คุณภูมิพงษ์ ชี้ว่า ผู้บริโภคแต่ละรายจะมียอดแบ่งจ่ายที่แตกต่างกัน ซึ่งทาง Atome มีการจำกัดวงเงินของผู้บริโภคไว้เพื่อป้องกันการใช้จ่ายเกินตัว และเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมที่ไม่ต้องการส่งเสริมให้เกิดหนี้เสีย
อย่างกรณีศึกษาของผู้ให้บริการ BNPL ในต่างประเทศอย่าง Klarna ของสหรัฐฯ ที่ร่วมมือกับเสื้อผ้าแบรนด์แฟชั่นชั้นนำอย่าง Rue21ในการเพิ่มทางเลือก การชำระเงินให้กับลูกค้า ช่วยให้ลูกค้าสามารถซื้อสินค้าได้บ่อยขึ้นโดยไม่ต้องใช้เงินก้อนใหญ่ ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยช่วยเพิ่มมูลค่าการสั่งซื้อเฉลี่ยมากขึ้นถึง 73% และยังช่วยเพิ่มความถี่ในการซื้อเพิ่มขึ้นถึง 6% ด้วย
หรืออย่างในกรณีของ Afterpay ที่ประเทศอังกฤษ ที่ช่วยให้แบรนด์หรือร้านค้ามีรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 90% โดยช่วยเพิ่มจำนวนสินค้าในตะกร้าช้อปปิ้งมากขึ้นถึง 57% และช่วยสร้างลูกค้าใหม่ๆให้กับแบรนด์และร้านค้าได้มากถึง 53%
เรียกได้ว่าเป็นความร่วมมือที่ช่วยให้ผู้บริโภคสามารถรับชมภาพยนตร์ได้ง่ายขึ้น โดยที่ไม่ต้องมานั่งคำนวณเงินในกระเป๋ากับภาพยนตร์ที่ต้องการไปชม เพียงใช้บริการ BNPL ก็ช่วยให้การดูหนังเป็นเรื่องง่ายขึ้น ด้วยการแบ่งจ่าย 3 ครั้ง แบบดอกเบี้ย 0% โดยไม่มีค่าธรรมเนียม สอดรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่ต้องการทำกิจกรรมนอกบ้านมากยิ่งขึ้น