อย่างที่ทราบดีว่า ธุรกิจทุกวันนี้มีอัตราการแข่งขันที่สูงมาก กลยุทธ์การตลาดต้องปรับเปลี่ยนกันแทบจะทุกสัปดาห์ ไม่ใช่ทุกไตรมาสอีกต่อไปแล้ว ซึ่งปัจจุบันหลายแบรนด์เริ่มมองเห็นความสำคัญของการดูแลลูกค้าเก่าเป็นอย่างดี เพราะทราบถึงความสำคัญในหลายๆ มิติ ไม่ว่าจะเป็น กลยุทธ์การตลาดแบบ Loyalty Program มีบทบาทและมีความสำคัญมากขึ้น
บริษัท บัซซี่บีส์ จำกัด (BUZZEBEES) ผู้นำด้าน CRM & Digital Engagement Platform ในประเทศไทย เปิดเผยข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับ พฤติกรรมของผู้บริโภคในแต่ละเจเนเรชั่นที่มีต่อ Loyalty Program ซึ่งพบว่าแต่ละกลุ่มนั้นมีความแตกต่างกันไป
เจาะลึก Loyalty Program แต่ละ Gen.
Baby Booms – มีความเป็น Traditional Loyalty คือ Rational benefits ชอบเรื่องของควมเอ็กซ์คลูซีฟ เป็นระบบเมมเบอร์ หรือสมาชิกแบบพริวิลเลจ ชอบการให้ส่วนลดที่พิเศษกว่าใคร มีบริการในรูปแบบ Personalized service
Gen X – ค่อนข้างจะคล้ายกับ Baby Booms แต่ยืดหยุ่นได้มากกว่า และเต็มใจที่จะทดลองบนช่องทางใหม่ๆ หรือใช้นวัตกรรมใหม่ๆ หากจะทำให้ได้สิทธิพิเศษ นอกจากนี้ ค่อนข้างชอบที่ในเรื่องของการเก็บแต้มและรีดีมแลกของรางวัลชิ้นใหญ่
Gen Y – เป็นกลุ่มที่เติบโตมาพร้อมกับเทคโนโลยี มือถือและโลกออนไลน์ มีความเป็น Personalized Loyalty แบบส่วนตัวเฉพาะฉันค่อนข้างสูง เน้นการสิทธิประโยชน์ในทางการเงินค่อนข้างมาก ชอบความท้าทาย ดังนั้น การเก็บแต้มในแบบ Gamification จึงโดนใจมาก ชอบระบบของ Tiered reward system ที่ค่อนข้างซับซ้อนเพราะให้ผลประโยชน์ที่เฉพาะตัวและให้มากกว่าคนอื่นๆ
Gen Z – เนื่องจากเป็นเจนฯ ที่เกิดมาก็รู้จักกับมือถือ เล่นเน็ตเป็นแล้ว จึงเรียกได้ว่าเป็นกลุ่ม Innovative Loyalty ดังนั้น ทุกอย่างต้องไว ต้องเร็วทันใจ ต้องได้เดี๋ยวนั้น จึงมีความชื่นชอบในการให้รางวัลรูปแบบ Instant gratification rewards คือการมอบรางวัลแบบทันทีทันใด สำเร็จรูปมาเลยยิ่งดี แต่พิเศษกว่ากลุ่มไหนก็คือ ถ้ารางวัลนั้นยังสามารถมอบสิ่งดีๆ ให้กับโลกได้ หรือให้อะไรกับสังคมได้เขาจะรู้สึกพึงพอใจมากเป็นพิเศษ
พฤติกรรมการใช้งานของ Users บนแพล็ตฟอร์ม
- 27 วินาที เป็นเวลาที่ยาวนานที่สุด ที่ผู้ใช้งานจะให้โอกาสคุณในการสร้างความประทับใจบนแพล็ตฟอร์ม
- 3 เพจ ค่าเฉลี่ยจำวนหน้าเพจ ที่ผู้ใช้งานจะเข้ามาเปิดบนแพล็ตฟอร์ม
- 70% ของผู้ใช้งาน จะรีดีมแต้มบนแพล็ตฟอร์ม ภายใน 5 วันหลังจากลงทะเบียน ซึ่งถ้าตัดสินใจไม่ทำภายใน 5 วันก็จะไม่กลับมาทำอีกแล้ว
- 4 คน คือค่าเฉลี่ยของจำนวนคน(เพื่อน) ที่ผู้ใช้งานจะรีเฟอร์ถึงบนแพล็ตฟอร์ม
- 2% คือตัวเลขของคนที่พร้อมจะคอยมากกว่า 30 วัน ในการที่จะรีดีมบนแพล็ตฟอร์ม (ซึ่งน้อยลงกว่าเมื่อปี 2020 ซึ่งตอนนั้นอยู่ที่ 7%)
4 กลุ่มธุรกิจหลัก
สำหรับธุรกิจและเป้าหมายของ BUZZEBEES มร. ไมเคิล เชน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง BUZZEBEES และ คุณพิ้งค์ – ณัฐธิดา สงวนสิน กรรมการผู้จัดการและผู้ร่วมก่อตั้ง BUZZEBEES ประกาศว่า BUZZEBEES มีวิสัยทัศน์ตั้งแต่ตั้งบริษัทเมื่อ 11 ปีที่แล้วคือ CONNECTING THE WORLD เราต้องการเชื่อมธุรกิจทุกขนาดให้เติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน และมีเป้าหมายที่จะสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจ (Business Ecosystem) ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งในวันนี้ BUZZEBEES ไม่ใช่แค่บริษัทที่เป็นผู้นำด้าน Loyalty Platform เหมือนที่ทุกคนเข้าใจอีกต่อไป แต่ BUZZEBEES เป็นธุรกิจที่สร้างโครงสร้างพื้นฐานในโลกดิจิทัล (Digital Infrastructure) ผ่าน 4 ธุรกิจหลัก ได้แก่
- ธุรกิจพัฒนาแพลตฟอร์มบริหารความสัมพันธ์ลูกค้า (CRM & Loyalty Platform)
- ธุรกิจจัดหาของรางวัลและสิทธิพิเศษ (Rewards & Privileges Management)
- ธุรกิจบริการอีคอมเมิร์ซอย่างครบวงจร (E-Commerce Service)
- ธุรกิจบริการระบบจัดการร้านค้าและการรับชำระเงิน (Retail Solution & E-Payment)
โดยทุกบริการครอบคลุมใน 6 ประเทศ ได้แก่ ไทย เวียดนาม มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และล่าสุด ฮ่องกง โดยดูแลแพลตฟอร์มพันธมิตรกว่า 1,200 แพลตฟอร์ม และมีผู้ใช้งานบนแพลตฟอร์มกว่า 145 ล้านบัญชี
ปี 2023 ตั้งเป้าการเติบโต 3,400 ล้านบาท
สำหรับผลการดำเนินงานของ BUZZEBEES มียอดเติบโตอย่างต่อเนื่องตลอด 10 ปีที่ผ่านมา โดยในปี 2020 – 2022 มีรายได้อยู่ที่ 921 ล้านบาท, 1,142 ล้านบาท และ 1,751 ล้านบาทตามลำดับ ซึ่งใน ปี 2023 นี้ BUZZEBEES ตั้งเป้าการเติบโตกว่าเท่าตัวอยู่ที่ 3,400 ล้านบาท โดยมีแผนที่จะขยายตลาดด้าน CRM & Digital Engagement ให้ครอบคลุมในต่างประเทศมากขึ้น โดยล่าสุดได้มีการซื้อกิจการ BenePanda ในฮ่องกง เพื่อมุ่งขยายโมเดลการพัฒนาโซลูชันด้าน Employee Benefits & Wellness Platform ในกลุ่มพนักงานทั้งในประเทศไทยและในต่างประเทศ ซึ่งเป็นการขยายกลุ่มเป้าหมายใหม่จากเดิมที่มุ่งเน้นกลุ่มผู้บริโภคในด้าน Loyalty Platform ของพันธมิตรเป็นหลัก สำหรับการซื้อกิจการครั้งนี้ จะทำให้ BUZZEBEES สามารถสร้างเครือข่ายด้าน Ecosystem-Driven MarTech ในต่างประเทศได้อย่างแข็งแกร่งและครอบคลุมมากยิ่งขึ้น
เตรียมเข้า IPO ในปี 2024
สำหรับกลยุทธ์แผนธุรกิจใหม่ในปีนี้ BUZZEBEES ได้พัฒนาโมเดลทางพันธมิตรธุรกิจรูปแบบใหม่โดยเน้นการทำ Productization มากยิ่งขึ้นเพื่อเจาะตลาดกลุ่ม B2B Technology Implementor & Digital Agency ผ่านการเปิดให้พันธมิตรเหล่านี้เข้าถึงโซลูชันของ BUZZEBEES เพื่อนำไปให้บริการกับกลุ่มลูกค้าของตัวเอง โดยเร่งเปิดรับพันธมิตรรายใหม่ ๆ เพื่อร่วมกันผลักดันให้ธุรกิจเติบโตไปพร้อม ๆ กัน
ทุกวันนี้ BUZZEBEES ไม่เคยหยุดนิ่งในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ โดยในปี 2022 ที่ผ่านมา เราสามารถรักษาฐานลูกค้าเดิม (Retention) ที่ใช้บริการ BUZZEBEES ได้มากกว่า 90% พาร์ตเนอร์ร้านค้าด้าน Rewards & Privileges มีจำนวนมากกว่า 30,000 ร้านค้า และบริการ Online Marketing โตกว่า 700%
ทั้งนี้ BUZZEBEES มั่นใจว่าหลังจากที่ BUZZEBEES ได้เข้า IPO ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าไว้ว่าภายในปี 2024 จะมีรายได้อยู่ที่ประมาณ 10,000 ล้านบาท