ข่าวการแจกบัตรคอนเสิร์ตฟรีตลอดชีพของคู่รัก Beyoncé และ JAY-Z สำหรับคนที่เริ่มเป็นวีแกนเป็นที่ฮือฮาไปทั่ว เป็นการตอกย้ำว่าเทรนด์ ‘วีแกน’ กำลังได้รับความนิยมในระดับโลก
ข่าวดังกล่าวนี้ทำให้นึกถึงกับผลิตภัณฑ์ออร์แกนิคบิวตี้น้องใหม่ชื่อว่า “Love Beauty and Planet” (เลิฟ บิวตี้ แอนด์ แพลนเน็ต) บิวตี้แคร์แบรนด์ออร์แกนิคสัญชาติอเมริกา ภายใต้บริษัทยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด ที่จับกระแสเทรนด์โลกได้ว่องไวเหลือเกิน
อย่างที่เกริ่นเอาไว้ถึงเทรนด์โลกที่เริ่มให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ในขณะเดียวกันก็รักตัวเองในแบบที่เป็นมากขึ้นเช่นกัน ซึ่งทำให้ได้ใจผู้บริโภคที่มีแนวคิดในแบบเดียวกัน ดังนั้น ยูนิลีเวอร์ไทยฯ เองก็เห็นกระแสนี้เริ่มเติบโตที่เมืองไทยเพิ่มขึ้น จึงได้นำเข้า “Love Beauty and Planet” บิวตี้แบรนด์ที่ดูแลทั้งผิวกายและเส้นผมจากสหรัฐฯ ที่เรียกได้ว่าใช้แล้ว ‘เราสวยโลกสวย’ ไปด้วยกัน เป็นอย่างไรนั้นลองไปทำความรู้จักกันเถอะค่ะ
แม้จะเป็นแบรนด์น้องใหม่ของเมืองไทย แต่กับตลาดที่สหรัฐฯ เปิดตัวมาได้สักพักราวกลางปีที่ผ่านมาแล้ว ซึ่งได้รับการต้อนรับอย่างดีจากบิวตี้กูรูในต่างประเทศ ด้วยคอนเซ็ปต์ของแบรนด์ที่โดนใจสอดคล้องไลฟ์สไตล์ของคนเจนเนอเรชั่นใหม่ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม และตระหนักถึงการใช้ชีวิตที่รบกวนธรรมชาติน้อยที่สุด หรือที่เรียกว่า Eco Living ที่กำลังเป็นเทรนด์ฮิตอยู่ในโลกตอนนี้
แต่ไม่ใช่ว่าเป็นแค่แบรนด์ที่ออกมาประกาศเฉยๆ ว่ารักษ์โลก แต่ Love Beauty and Planet ให้ความสำคัญตั้งแต่เริ่มต้นของกระบวนการผลิต เน้นการคัดสรรส่วนผสมจากธรรมชาติที่ส่งผลกระทบต่อโลกให้น้อยที่สุด แล้วยังมีส่วนช่วยสนับสนุนชุมชนท้องถิ่น ต่อต้านการทดลองกับสัตว์ รวมทั้งบรรจุภัณฑ์ที่มีดีไซน์น่ารักแต่ไม่ทิ้งคอนเซ็ปต์รักษ์โลกด้วยการใช้ขวดที่ทำจากวัสดุรีไซเคิล 100%
ไม่เพียงแค่นั้น ส่วนผสมในทุกผลิตภัณฑ์ยังปราศจากทั้งสารพาราเบน (paraben) ซิลิโคน (silicone) และซัลเฟต (sulfates) ไม่มีการแต่งสีเพิ่มเติม พร้อมกับการเลือกใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติที่เป็นสูตรออร์แกนิค จึงมั่นใจได้เลยว่าทุกผลิตภัณฑ์จะไม่ส่งต่อสารเคมีสู่แหล่งน้ำหรือพื้นดิน ในขณะที่ผลิตภัณฑ์ครีมนวดผม ยังผสานเทคโนโลยีสุดล้ำอย่าง Fast Rinse Technology ที่คิดค้นมาเพื่อช่วยประหยัดน้ำขณะชำระล้างผลิตภัณฑ์ออกจากเส้นผม นอกจากจะรู้สึกดีทั้งต่อตัวเองแล้วยังรู้สึกดีต่อโลกใบนี้ไปพร้อม ๆ เห็นไหมว่าใส่ใจในทุกรายละเอียดยและรักษ์โลกอย่างแท้จริง
และเมื่อไม่นานที่ผ่านมา แบรดน์ได้จัดงานอีเวนท์เปิดตัว Love Beauty and Planet อย่างเป็นทางการ คึกคักไปด้วยเหล่าเซเลบริตี้ผู้ชื่นชอบผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติที่มาร่วมงาน อาทิ ปันปัน สุทัตตา อุดมศิลป์, แก้ว จริญญา ศิริมงคลสกุล, เจสซี่ กิระนา จัสมิน ชูว์เทอร์, น้ำ กัญญ์กุลณัช ปัญญากิตตินันท์ และบุ๊ค ณัชชารีย์ กิจวิริยะธนโชติ บรรยากาศภายในงานอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของดอกไม้นานาพันธุ์ โดยเน้นความเป็นธรรมชาติและสาวสวย แต่ความพิเศษที่เป็นกิมมิคเก๋ ๆ ของงานในครั้งนี้คือ ทุกองค์ประกอบภายในงาน ล้วนแต่ใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และไม่ก่อให้เกิดขยะ เช่น การเสิร์ฟเครื่องดื่มด้วยขวดแก้วดีไซน์น่ารัก เพื่อมอบให้แขกผู้ร่วมงานได้นำกลับไปใช้ประโยชน์ต่อ และหลอดกระดาษแทนหลอดพลาสติก ตามด้วยการเสิร์ฟอาหารจานหลัก ซึ่งเป็นเมนูสูตรวีแกน เช่นเดียวกับผลิตภัณฑ์ของ Love Beauty and Planet โดยของตกแต่งในจานสามารถรับประทานได้ทั้งหมด แม้แต่ของที่ระลึกก็ยังถุงผ้าที่ผลิตและแปรรูปจากขวดน้ำพลาสติกในเกาะเสม็ด เพื่อให้เหล่าเซเลบริตี้ที่มาร่วมงานนำกลับไปใช้แทนถุงพลาสติก
ท้ายสุดช่วงไฮไลท์ที่ทุกคนรอคอยกับกิจกรรมในธีม “Love Me, Love My Planet” เปิดตู้ Machine of Love ตู้แมชชีนสีชมพูสดใส เพื่อกระตุ้นให้ผู้คนใส่ใจในหลัก 3R ได้แก่ Reduce, Reuse และ Recycle โดยให้เหล่าเซเลบริตี้ได้ทดลองหยอดขวดพลาสติกที่ใช้แล้วกันแบบสนุกสนาน ซึ่งถือเป็นการเน้นย้ำถึงกิจกรรมการลดปริมาณขยะพลาสติกที่แบรนด์ Love Beauty and Planet จะรณรงค์ตลอดในปี 2562 นี้
ในแง่ผลิตภัณฑ์นั้น Love Beauty and Planet วางจำหน่ายทั้งหมด 4 ประเภท ได้แก่ ครีมอาบน้ำ โลชั่น แชมพู และครีมนวดผม โดยมีให้เลือกทั้งหมด 5 สูตรด้วยกัน ได้แก่ 1.สูตร Murumuru Butter & Rose 2.สูตร Coconut Water & Mimosa Flower 3.สูตร Tea Tree Oil & Vetiver 4.สูตร Coconut Oil & Ylang Ylang และ 5.สูตร Argan Oil & Lavender มีโดยมีวางจำหน่ายแล้วที่ Tops และ Central Food Hall พร้อมเปิดโอกาสให้สาว ๆ ได้ร่วมสนับสนุนแคมเปญ “Love Me, Love My Planet” ที่ Love Beauty and Planet ร่วมมือกับ Greenery ด้วยการบริจาคขวดพลาสติกเปล่าผ่านตู้ Machine of Love หรือจุดรับบริจาคขวดพลาสติกกว่า 10 แห่ง ณ Tops Supermarket ได้อีกด้วย #เราสวยโลกสวย #LoveBeautyandPlanetTH
ในแง่การตลาดนับได้ว่าเป็นการจับกระแสโลกที่ไวและมองเห็นความเป็นไปได้ที่เทรนด์ดังกล่าวนี้จะเติบโตมากขึ้นในไทย ซึ่งแม้ว่าตอนนี้อาจจะยังไม่โตมาก แต่ผู้บริโภคที่อินกับการดูแลใส่ใจสิ่งแวดล้อมนับเป็นกลุ่มคนที่มีศักยภาพ มีความมุ่งมั่นสูงและตั้งใจอย่างแท้จริง ดังนั้น หากมีผลิตภัณฑ์ใดที่มีทั้งเจตจำนงค์และความมุ่งมั่นตรงกับความต้องการของเขาแล้วก็จะได้รับการสนับสนุนอย่างจริงจังอย่างแน่นอน ซึ่งจุดนี้เองที่ยูนิลีเวอร์ฯ มองเห็น จึงได้ตัดสินใจดันแบรนด์นี้สู่ตลาดเมืองไทยนั่นเอง น่าจับตาว่าจะสามารถจุดกระแสสู่ผลิตภัณฑ์บิวตี้แคร์อื่นๆ ได้หรือไม่คงทำให้เกิดความหลากหลายมากขึ้นอย่างแน่นอน
