ตลอดระยะเวลา 29 ปี และกำลังก้าวสู่ปีที่ 30 “โลตัส” (Lotus’s) ถือเป็นเชน Modern Trade อยู่คู่สังคมไทยและคนไทยมายาวนานที่ตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงในแต่ละยุคสมัย และความต้องการของผู้บริโภคอยู่เสมอ โดยเฉพาะหลังจากรีแบรนด์ครั้งใหญ่ในปี 2564 เพื่อมุ่งสู่การเป็น “SMART Community Center” โลตัสได้สร้างปรากฎการณ์ใหม่ที่พลิกโฉมวงการค้าปลีกไทย ด้วยการปรับปรุงสาขาเก่า เดินหน้าขยายสาขารูปแบบใหม่ พร้อมทั้งพัฒนา New Store Format ในทำเลต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคทุกกลุ่ม ผสานกับแพลตฟอร์ม Online Shopping และนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้เพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการที่สะดวก และรวดเร็วขึ้น เพื่อยกระดับประสบการณ์ช้อปแบบสมาร์ท
เราอยากชวนทุกคนไปตามดูกันว่านับตั้งแต่รีแบรนด์เป็น “โลตัส” (Lotus’s) ได้สร้างสรรค์สิ่งใหม่ให้กับคนไทย และวงการค้าปลีกไทยอย่างไรบ้าง? พร้อมพบกับแคมเปญสุดว้าวแห่งปี “คุ้มมโหฬาร สู่ที่ปี 30 ลด ล้น ล้าน” เฉลิมฉลองครบรอบ 30 ปีโลตัส โดยผนึกกำลังกว่า 100 แบรนด์ดัง เพื่อส่งมอบ “ความรู้สึกดีดี ทุกวัน ที่โลตัส” สโลแกนที่เป็นดั่งคำมั่นสัญญาที่คนโลตัสทุกคนยึดมั่นเสมอมา
8 ปรากฏการณ์ “โลตัส” ยกระดับประสบการณ์ช้อปรูปแบบใหม่
ที่ผ่านมา “โลตัส” เป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันการเติบโต “ธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่” ในประเทศไทย ตั้งแต่ยุค Retail 1.0 ยุคแรกของค้าปลีกรูปแบบไฮเปอร์มาร์เก็ต ที่นำเสนอสินค้าคุณภาพ หลากหลาย ในราคาคุ้มค่าต่อมาเข้าสู่ยุค Retail 2.0 พัฒนาพื้นที่ศูนย์การค้า โดยมีร้านค้าและบริการประเภทต่างๆ เข้ามาเติมเต็มความครบครัน หรือ One Stop Shopping เพื่อตอบโจทย์ความสะดวกแก่ลูกค้า
จากนั้นวงการค้าปลีกไทยเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุค Retail 3.0 การค้าออนไลน์ หรือ e-Commerce ซึ่งโลตัสได้พัฒนาแพลตฟอร์มสั่งซื้อสินค้าผ่านทางออนไลน์ จำหน่ายทั้งสินค้าอุปโภคบริโภคทุกหมวดหมู่ และอาหารสดที่จัดส่งจากสาขาใกล้บ้านโดยตรง รวมทั้งยังให้บริการรูปแบบ Click & Collect สั่งทางออนไลน์ ลูกค้าสามารถมารับสินค้าได้ด้วยตนเอง
ต่อมาเข้าสู่ยุค Retail 4.0 เป็นยุค Omni-channel และ Personalization เพื่อสร้างประสบการณ์การช้อปแบบไร้รอยต่อ ไม่ว่าจะช้อปผ่าน Physical Store หรือ Online Platform รวมทั้งนำเสนอสินค้า บริการ สิทธิประโยชน์ต่างๆ ตลอดจนข้อมูลข่าวสารให้ตรงกับความต้องการของแต่ละบุคคล
ขณะที่พัฒนาการค้าปลีกสมัยใหม่ในประเทศไทย ปัจจุบันเข้าสู่ยุค Retail 5.0 โลตัส เดินหน้าเป็น SMART Community Center ที่ไม่เพียงแต่ดำเนินธุรกิจและให้บริการด้วยโมเดล Omni-channel และ Personalization เท่านั้น ขณะเดียวกัน Retailer ยังต้องพัฒนาสาขาหลากหลายรูปแบบ ให้สอดคล้องกับทำเลที่ตั้ง และความต้องการของผู้บริโภคในย่านนั้นๆ โดยที่สาขาเหล่านั้น ทำหน้าที่เป็น fulfillment center ในการจัดส่งสินค้าที่ลูกค้าสั่งซื้อผ่านทางออนไลน์ด้วยเช่นกัน พร้อมทั้งนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้เพิ่มประสิทธิภาพการบริการ
จะเห็นได้ว่านับตั้งแต่รีแบรนด์ “โลตัส” ได้ขับเคลื่อนเข้าสู่ยุค Retail 5.0 อย่างเต็มรูปแบบ โดยตั้งเป้าเป็น “SMART Community Center” และเติมเต็มประสบการณ์ช้อปปิ้งแบบสมาร์ท โดยมุ่งเป็นค้าปลีก Omni Channel ที่มีสาขากว่า 2,300 สาขาทั่วประเทศ เชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มออนไลน์ Lotus’s SMART App เพื่อเป็นจุดกระจายสินค้า และมีโปรแกรมสมาชิก MyLotus’s เพื่อมอบความคุ้มค่าที่มากกว่าราคาประหยัดให้ลูกค้า โดยใช้เทคโนโลยี AI ประมวลผล Big Data วิเคราะห์พฤติกรรมและความต้องการด้านการช้อปปิ้งของลูกค้า เพื่อเสนอโปรโมชั่นพิเศษที่ตรงใจ แตกต่างกันตามความต้องการเฉพาะของแต่ละบุคคล
และนี่คือ 8 ปรากฏการณ์ใหม่ที่โลตัสสร้างสรรค์ขึ้น ได้พลิกโฉมวงการค้าปลีกไทย ตอบโจทย์ผู้บริโภคทุกไลฟ์สไตล์ และเติบโตเคียงคู่สังคม – สิ่งแวดล้อมทั้งในวันนี้ และอนาคต
1. พัฒนาสาขาใหม่-ปรับสาขาเดิมให้เป็น “ศูนย์รวมการใช้ชีวิตในแบบสมาร์ทของคนทุกวัยในชุมชน” (SMART Community Center)
ด้วยการเปิดสาขารูปแบบใหม่ ขยายพื้นที่ศูนย์การค้า และปรับปรุงพื้นที่สาขาเดิม เพื่อปรับโฉมสาขาโลตัสให้มีรูปแบบสาขาที่มีดีไซน์ สินค้าและบริการ ร้านค้า มีความแตกต่างกันไปตามความต้องการและไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคนในแต่ละพื้นที่ เช่น
– การเปิด โลตัส นอร์ธ ราชพฤกษ์ แฟลกชิปต้นแบบ SMART Community Center ที่ตอบโจทย์ทั้งการเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับอาหารและอาหารสดคุณภาพ, ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตรอบด้านแบบ Omni-channel กับชุมชนใกล้เคียง, ความคุ้มค่าที่ตรงใจและออกแบบมาให้เหมาะสมสำหรับลูกค้าแต่ละคน โดยใช้ Big Data และ AI
– เปิดตัว โลตัส สาขาเลียบคลอง 2 ไฮเปอร์มาร์เก็ตรูปแบบใหม่ สไตล์ Open Air Mall มีพื้นที่ทั้ง Outdoor และ Indoor
2. พลิกโฉมซูเปอร์มาร์เก็ต สู่คอนเซ็ปต์ใหม่
ไม่เพียงแต่พัฒนาศูนย์การค้าโมเดลใหม่เท่านั้น ในการรีแบรนด์ดิ้งเมื่อปี 2564 โลตัสได้ปรับโฉม “ซูเปอร์มาร์เก็ต” ด้วยเช่นกัน เป็น “โลตัส โก เฟรช” (Lotus’s go fresh) สำหรับขยายเข้าไปยังชุมชนต่างๆ เพื่อสร้างความสะดวกให้กับคนในชุมชนทั่วประเทศ โดยมาพร้อมกับการออกแบบคอนเซ็ปต์ใหม่ ที่สอดคล้องกับทำเลที่ตั้ง และคนในชุมชนนั้นๆ เช่น
– โลตัส โก เฟรช สาขาริมโขง จังหวัดนครพนม ตั้งอยู่ในทำเลที่มีทัศนียภาพสวยงาม ริมแม่น้ำโขง ใกล้ชุมชน ออกแบบสถาปัตยกรรมร่วมสมัยที่ได้แรงบันดาลใจจากบ้านพื้นถิ่นลุ่มน้ำโขง หลังคาทรงจั่วบังแดดและฝนบริเวณชายคา และสร้างแบบ 2 ชั้น พื้นที่จับจ่ายใช้สอยหลักอยู่บนชั้น 1 ส่วนชั้น 2 มีพื้นที่สำหรับนั่งพักผ่อน จิบกาแฟ และชมวิว
– โลตัส โก เฟรช สาขานวลจันทร์ พลิกโฉมใหม่ภายใต้คอนเซ็ปต์ SMART Urban Supermarket ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ Smart Life ด้วยสินค้าอาหารสดพรีเมียม วัตถุดิบนำเข้าจากทั่วทุกมุมโลก ในราคาจับต้องได้ และร้านอาหาร-เครื่องดื่มมากมาย
3. ปั้นแบรนด์ใหม่ “โลตัส พรีเว่” (Lotus’s Lotus’s Privé) พรีเมียมไฮเปอร์มาร์เก็ต
เพื่อต่อจิ๊กซอว์การเป็น SMART Community Center รองรับการเปลี่ยนแปลงในยุค Retail 5.0 ที่มีการพัฒนาสโตร์หลายรูปแบบ และเข้าถึงลูกค้าทุกกลุ่ม ดังนั้นนอกจากสาขารูปแบบใหม่ คอนเซ็ปต์ใหม่ ภายใต้แบรนด์โลตัส และโลตัส โก เฟรชแล้ว ขณะเดียวกันยังได้ปั้นแบรนด์ใหม่ เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคทุกเซ็กเมนต์
อย่างเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา เปิดตัวคอนเซ็ปต์ใหม่ ภายใต้แบรนด์ใหม่ “โลตัส พรีเว่” (Lotus’s Lotus’s Privé) พรีเมียมไฮเปอร์มาร์เก็ต สาขาแรกในโครงการ ICS เจริญนคร (ตรงข้าม ICONSIAM) เน้นสินค้าคุณภาพพรีเมียม ความหลากหลาย และบริการเสริม ในราคาเข้าถึงได้
นอกจากนี้ในการพัฒนาสาขารูปแบบใหม่ และปรับปรุงสาขาเดิม ทั้งไฮเปอร์มาร์เก็ต และซูเปอร์มาร์เก็ต โลตัสได้ชูจุดแข็งการเป็นจุดหมายปลายทางอาหารและอาหารสดคุณภาพ (Inspiring Fresh & Food Destination) เพื่อยกระดับคุณภาพสินค้าอาหารสดที่สะอาด ปลอดภัย ทั้งสินค้าในประเทศจากแหล่งที่ดีที่สุดทั่วไทย และสินค้านำเข้าจากทั่วทุกมุมโลก ในราคาคุ้มค่าสำหรับผู้บริโภคทุกคน
4. พัฒนา “Lotus’s SMART App” เชื่อมต่อช้อปออนไลน์ – สาขา – Loyalty Program ในแพลตฟอร์มเดียว
“Lotus’s SMART App” เป็นแอปพลิเคชันค้าปลีกที่รวมแพลตฟอร์ม e-Commerce และ Loyalty Program “MyLotus’s” เข้าไว้ด้วยกันในแพลตฟอร์มเดียว ซึ่งปัจจุบันโลตัสมีฐานสมาชิกกว่า 23 ล้านบัญชี โดยตั้งเป้า migrate สมาชิกมาอยู่บนแพลตฟอร์ม Lotus’s SMART App เพื่อการใช้งานที่สะดวก และไร้รอยต่อ
นอกจากนี้ด้วยเทคโนโลยีของ Lotus’s SMART App เชื่อมต่อกับเครือข่ายสาขาโลตัสที่ปัจจุบันมีกว่า 2,300 สาขาทั่วประเทศ เข้ากับแพลตฟอร์มออนไลน์ ทำให้โลตัสสามารถขยายการให้บริการออนไลน์ช้อปปิ้งไปได้ในทุกจังหวัดที่โลตัสมีสาขาตั้งอยู่ โดยสามารถจัดส่งสินค้าอุปโภคบริโภคได้แบบ on-demand จากร้านโลตัส โก เฟรช ที่อยู่ใกล้ชุมชน และแบบ next-day จากไฮเปอร์มาร์เก็ตทุกสาขา ขณะที่สต็อคสินค้าของแต่ละสาขา ถูกอัปเดตสถานะแบบ real-time ทำให้ลูกค้าสามารถเลือกซื้อสินค้าที่มีอยู่ในสาขาที่ใกล้บ้านที่สุด
5. ใช้ RetailTech พัฒนาร้านค้าอัจฉริยะไร้พนักงาน
โลตัส ผนึกกำลัง ทรู ดิจิทัล นำเทคโนโลยี RetailTech พัฒนาร้านค้าอัจฉริยะแบบไร้พนักงาน “Lotus’s Pick & Go by True Digital” นำร่องสาขาแรกในโครงการโลตัส นอร์ธ ราชพฤกษ์ โซนอัจฉริยะ เพื่อเติมเต็มประสบการณ์การช้อปปิ้งแบบสมาร์ท ด้วยเทคโนโลยี True Virgo AI ตอบสนองการใช้ชีวิตเร่งรีบในยุคนี้ที่ต้องการซื้อสินค้าแบบสะดวกและรวดเร็ว โดยระบบจะทำการคำนวณราคาสินค้าโดยอัตโนมัติ เชื่อมต่อกับ TrueMoney Wallet ของลูกค้า
6. ยืนหนึ่งด้านความคุ้มค่า
เป็น Core Value ของโลตัสมาตลอด 30 ปี และไม่ว่าวันเวลาจะเปลี่ยนแปลงไปอยางไร โลตัส ยังคงรักษาเจตนารมณ์การส่งมอบ “ความคุ้มค่า” จัดจำหน่ายสินค้าดี มีคุณภาพ ในราคาเอื้อมถึง เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของผู้บริโภคมาอย่างต่อเนื่อง
7. เป็นแพลตฟอร์มแห่งโอกาส – สนับสนุนผู้ประกอบการ SME และเกษตรกร เติบโตไปด้วยกัน
ในอุตสาหกรมค้าปลีกสมัยใหม่ โลตัส ถือเป็นเชน Modern Trade รายแรกๆ ที่ให้การสนับสนุนผู้ประกอบการ SME และเกษตรกร ด้วยการมุ่งมั่นเป็นแพลตฟอร์มแห่งโอกาสให้ SME และเกษตรกร นำผลิตภัณฑ์มาจำหน่ายผ่านสาขา และช่องทางออนไลน์ของโลตัส หรือดำเนินธุรกิจในพื้นที่มอลล์ของโลตัส รวมทั้งจัดกิจกรรม Business Matching และจัดสัมมนาอบรมพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ เพื่อให้สามารถเติบโตอย่างยั่งยืน
8. ค้าปลีกรักษ์โลก ปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงด้านสภาพภุมิอากาศ
หนึ่งใน Purpose หลักของโลตัส คือ การสร้างความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม ถือเป็นวาระสำคัญที่เร่งดำเนินการ ดังนั้นภายใต้นโยบายความยั่งยืนของโลตัส “Vision 2030. Actions every day.” ได้กำหนดเป้าหมายและแผนดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม
– เป็นองค์กรที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral) ภายในปี 2030
– เป็นองค์กรที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2050
– ลดปริมาณของเสียในการนําไปฝังกลบ และลดขยะอาหารเป็นศูนย์ ภายในปี 2030
– บรรจุภัณฑ์สินค้าแบรนด์ของโลตัสทั้งหมด 100% ผลิตจากวัสดุที่รีไซเคิลได้ภายในปี 2025
โดยในส่วนแผนดำเนินงาน เพื่อบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ อาทิ ติดตั้งแผงโซล่าร์เซลล์บนหลังคาสาขาและศูนย์กระจายสินค้า, ใช้รถไฟฟ้า (EV) ในการขนส่งสินค้า, กำหนดกลยุทธ์ Farm to Fork เพื่อลดขยะอาหารตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ครอบคลุมทั้งการวางแผนเพาะปลูกร่วมกับเกษตรกร ระบบโลจิสติกส์ ไปจนถึงการบริหารจัดการอาหารสดอย่างมีประสิทธิภาพ และขยายการบริจาคอาหารที่จำหน่ายไม่หมดในแต่ละวันร่วมกับพันธมิตรต่างๆ
จาก 8 เรื่องราวไฮไลท์ของโลตัส สะท้อนให้เห็นถึงการไม่หยุดพัฒนาในการสร้างประสบการณ์แบบสมาร์ทให้กับผู้บริโภค ปรับภาพลักษณ์ให้ทันสมัยขึ้น เข้าถึงผู้บริโภคยุคใหม่มากขึ้น ควบคู่ไปกับสร้างการเติบโตทางธุรกิจ คู่ค้าพัฒนมิตร สังคม และโลกใบนี้อย่างยั่งยืน
แต่การสร้างสิ่งใหม่ๆ ของโลตัสยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะในในโอกาสครบรอบก้าวเข้าสู่ปีที่ 30 โลตัสจัดแคมเปญสุดยิ่งใหญ่ เพื่อชวนลูกค้าและเหล่าพันธมิตรคู่ค้ามาร่วมเฉลิมฉลองไปด้วยกัน!
จัดหนัก จัดเต็มแคมเปญ “คุ้มมโหฬาร สู่ที่ปี 30 ลด ล้น ล้าน” ผนึกกำลัง 100 แบรนด์ดัง
เพื่อตอกย้ำคำมั่นสัญญา “สร้างความรู้สึกดีดี ทุกวัน ที่โลตัส” และเฉลิมฉลองการก้าวเข้าสู่ปีที่ 30 โลตัส ได้ผนึกกำลังพันธมิตรคู่ค้ากว่า 100 แบรนด์ดัง จัดแคมเปญสุดยิ่งใหญ่ “คุ้มมโหฬาร สู่ปีที่ 30 ลด ล้น ล้าน” ตั้งแต่วันที่ 21 กันยายน – 25 ตุลาคม 2566 ที่โลตัสทุกสาขาทั่วประเทศ และช้อปออนไลน์ผ่าน Lotus’s SMART App โดยมอบความคุ้มให้ลูกค้าถึง 3 ต่อ
– ลด: จัดทัพสินค้าลดราคาแรงที่สุดในรอบปี ทั้งของกิน-ของใช้ส่วนตัว-ของใช้ในบ้าน-เครื่องใช้ไฟฟ้า
– ล้น: โลตัสคอยน์มีค่าล้น 30 เท่า โดย 1 โลตัสคอยน์ แลกรับส่วนลด 30 บาท ทั้งในส่วนของห้างและร้านค้า
– ล้าน: รับเพิ่ม 30 โลตัสคอยน์ เมื่อซื้อครบ 299 หรือ 199 บาท กับกองทัพสินค้าแบรนด์ดังที่ฉลองร่วมกับโลตัสยิ่งใหญ่รวมมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท พร้อมรับโลตัสคอยน์คูณ 3 เมื่อช้อปผ่าน Lotus’s SMART App หรือจ่ายผ่าน TrueMoney Wallet
การผนึกกำลังครั้งนี้ นอกจากเหล่าพันธมิตรคู่ค้าจะขนทัพสินค้ามาร่วมเฉลิมฉลองกับโลตัสแล้ว แต่ละแบรนด์ยังทำ Collaboration สื่อสารการตลาดร่วมกัน เพื่อโปรโมทแคมเปญ คุ้มมโหฬาร สู่ปีที่ 30 ลด ล้น ล้าน ให้กระหึ่มยิ่งขึ้น ผ่านเพจโซเชียลมีเดียชองแบรนด์ เพื่อชวนผู้ติดตาม หรือแฟนแบรนด์ไปร่วมเฉลิมฉลองก้าวสู่ปีที่ 30 ของโลตัสที่ดีเดย์วันแรกเมื่อ 21 กันยายน
เช่น แบรนด์นีเวีย, เบบี้มายด์, Parrot Natural, Maxmo, dmp, Listerine, เอส โคล่า, ลอรีเอะ, มาจิคลีน, แอทแทค, Kleenex, Dove, ข้าวตราฉัตร, แบรนด์ซุปไก่สกัด, ไวตามิ้ลค์, นมเปรี้ยวดัชมิลล์, ข้าวมาบุญครอง, บัดดี้ดีน, เด็กสมบูรณ์, Unicharm, Colgate, Protex, แคร์, แบรนด์ในเครือ Sino ไม่ว่าจะเป็น Fisherman’s Friend, RitterSport, Ricola, KinderBueno, VanHouten, Ferrero, Pringle, CP, PAO
คุณวรวรรณ เพียรลิขิตวงศ์ ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานการตลาด โลตัส เล่าถึงการพัฒนาอย่างต่อเนื่องของโลตัสว่า
โลตัส เป็นห้างค้าปลีกศูนย์รวมสินค้าคุณภาพสูงในราคาคุ้มค่า ที่อยู่เคียงข้างคนไทยมา 29 ปีแล้ว เรามีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านคุณภาพสินค้า ความคุ้มค่าที่มากกว่าราคาประหยัดสำหรับสมาชิกมายโลตัส การบริการ เพื่อเป็น Smart Life Solutions ที่เติมเต็มประสบการณ์ช้อปปิ้งแบบสมาร์ทให้ลูกค้า
นับตั้งแต่การรีแบรนด์โลตัส ลูกค้าจะเห็นว่าโลตัสมีภาพลักษณ์ที่ทันสมัยและเข้าถึงผู้บริโภคยุคใหม่มากขึ้น รวมทั้งการพัฒนาสิ่งใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง อาทิ แบรนด์ใหม่ โลตัส พรีเว่ (Lotus’s Privé), การเปิดสาขารูปแบบใหม่และปรับพื้นที่ศูนย์การค้าในสาขาเดิม เพื่อเป็น SMART Community Center พร้อมจัดกิจกรรมและแคมเปญการตลาดที่เข้าถึงไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคยุคปัจจุบัน ตลอดจนใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีมาอำนวยความสะดวกและเติมเต็มประสบการณ์ช้อปปิ้งแบบสมาร์ท
พร้อมจุดแข็งการเป็นจุดหมายปลายทางอาหารและอาหารสดคุณภาพสูง (Inspiring Fresh& Food Destination) เดินหน้ายกระดับคุณภาพสินค้าอาหารสดที่สะอาด ปลอดภัย ทั้งสินค้านำเข้าจากทั่วทุกมุมโลกและจากแหล่งที่ดีที่สุดทั่วประเทศไทย และไม่หยุดที่จะพัฒนาการดำเนินธุรกิจในทุก ๆ ด้าน
“ขอขอบคุณพันธมิตรกว่า 100 แบรนด์ดัง ที่มาร่วมมอบความคุ้มมโหฬารให้กับลูกค้าของเรา ในการเฉลิมฉลองการก้าวเข้าสู่ปีที่ 30 ของโลตัส ขอเชิญชวนลูกค้าและประชาชนทุกท่านมาร่วมช้อปสินค้าโปรโมชั่นสุดพิเศษในราคาคุ้มค่าที่โลตัสทุกสาขาทั่วประเทศ และแพลตฟอร์มออนไลน์ Lotus’s SMART App
วันนี้โลตัสพร้อมเดินหน้าต่อในการก้าวสู่ปีที่ 30 โดยยังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาการดำเนินธุรกิจในทุกๆ ด้าน เพื่อส่งมอบความรู้สึกดีดีทุกวันที่โลตัส ให้กับลูกค้าของเรา ตลอดจนคนในชุมชน และผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนต่อไป” คุณวรวรรณ สรุปทิ้งท้าย