ถ้าความงามมีพลังพิเศษ พลังนั้นคืออะไร? หลายคนมองเป็นพลังฮีโร่ที่ทำให้โลกน่าอยู่ ขณะที่อีกหลายคนอาจจะมองเป็นพลังที่ช่วยสร้างความมั่นใจ แต่บริษัทด้านความงามอันดับหนึ่งอย่าง “ลอรีอัล กรุ๊ป” นั้นมีมุมมองต่อพลังความความงามที่ไกลกว่านั้น เห็นได้จากหนังโฆษณาล่าสุดที่มี strong message ย้ำถึงการสร้างสรรค์ความงามที่ “ขับเคลื่อนโลก” ซึ่งถือเป็นการขยายอิมแพคพลังความสวยครั้งใหม่ เพื่อฉายสปอตไลต์ว่า ลอรีอัล กรุ๊ป เป็นบิวตี้แบรนด์ตัวจริงที่สร้างพลังให้ทุกคน คำว่าทุกคนของ ลอรีอัล กรุ๊ป นั้นเปิดกว้างจริง ๆ โดยเฉพาะ
ลอรีอัล กรุ๊ป ในประเทศไทย ที่มุ่งส่งเสริมความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการไม่แบ่งแยก (Diversity, Equity & Inclusion) แบบเหนียวแน่นตามนโยบายบริษัทแม่ โดยเน้นการอ้าแขนรับกลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศและทุกช่วยวัย การทำโครงการทางสังคมที่สนับสนุนผู้หญิง และการสร้างโอกาสทางทางอาชีพให้กับกลุ่มที่มีความเปราะบางในสังคม คู่กับการวางเป้าหมายด้านความยั่งยืน และการสร้างการเติบโตทางธุรกิจไปพร้อมกัน
ความน่าตื่นเต้นคือตัวเลขความสำเร็จที่ ลอรีอัล กรุ๊ป ประกาศในวิดีโอชุดใหม่ ทำให้ผู้ชมสามารถเห็นภาพว่าทุกแบรนด์ในเครือลอรีอัล ได้เปิดโอกาสให้กับคนหนุ่มสาวอายุต่ำกว่า 30 ปี ด้วยโอกาสในการทำงานและเรียนรู้กับลอรีอัลกว่า 25,000 โอกาส ซึ่งเมื่อรวมบุคลากรของ ลอรีอัล กรุ๊ป ทั่วโลกที่มีพนักงานกว่า 13,000 คนมีอายุมากกว่า 50 ปี ไปจนถึงการสร้างพลังให้กับผู้หญิงไปแล้วกว่า 1,200,000 คน สร้างโอกาสในการทำงานให้ผู้คนในกลุ่มเปราะบางและด้อยโอกาสกว่า 85,000 คนในปีที่ผ่านมา ผ่านโครงการจัดซื้อจัดจ้างโดยไม่แบ่งแยก ก็ต้องยอมรับว่าความงามในแบบฉบับของลอรีอัลนั้นขับเคลื่อนโลกได้จริง
การโชว์สถิติเหล่านี้สามารถวิเคราะห์ได้เป็นบทเรียนการตลาดเพื่อบอกเล่าถึงแนวคิดเรื่อง “ความงามขับเคลื่อนโลก” ตรงนี้นักการตลาดที่สนใจนำไปปรับใช้เป็นไอเดียโปรโมตประเด็น Diversity, Equity และ Inclusion แบบไม่ยืดยาว และได้ใจคนรุ่นใหม่ทั่วไทยและทั่วโลก
ขยี้อิมแพค ขยายผลศักยภาพบิวตี้แบรนด์
บทเรียนการตลาดสำคัญที่สามารถสรุปได้จากสคริปต์วิดีโอโฆษณาใหม่ล่าสุดของ ลอรีอัล กรุ๊ป คือการเพิ่มหลักฐานหรือสถิติที่ตอกย้ำผลกระทบที่กระจายไปไกลจนสามารถยกระดับศักยภาพแบรนด์ โดยโฆษณาใหม่ตอกย้ำว่า ลอรีอัล กรุ๊ป เป็นบริษัทความงามที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่ไม่ได้มีเพียงนวัตกรรมความงามล้ำสมัยและผลิตภัณฑ์ที่ผู้บริโภคทั่วโลกปรารถนา แต่ยังให้ความสำคัญกับ “ทุกคน” ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนพนักงาน ผู้คนที่ใช้ผลิตภัณฑ์ลอรีอัล ไปจนถึงพันธมิตรทางธุรกิจ
ที่ผ่านมา ลอรีอัล กรุ๊ป ต้นสังกัดของ ลอรีอัล ประเทศไทย ซึ่งดูแลแบรนด์ความงามในเครือกว่า 15 แบรนด์ ได้ผ่านการเปลี่ยนแปลงหรือ transform ไปสู่การเป็นองค์กรที่ดำเนินกิจการเพื่อความยั่งยืนของสังคมและสิ่งแวดล้อมมาเกือบสองทศวรรษ โดยมีเป้าหมายในการดำเนินงาน (SENSE OF PURPOSE) คือการ “สร้างสรรค์ความงามที่ขับเคลื่อนโลก” (CREATE THE BEAUTY THAT MOVES THE WORLD) มากว่าสิบปี และด้วยเป้าหมายการทำงานนี้ ทุกแบรนด์ในเครือลอรีอัล จึงมุ่งสร้างผลกระทบเชิงบวกให้สังคมและสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่การทำงานต้นน้ำถึงปลายน้ำของการผลิตผลิตภัณฑ์
การลงมือทำจริง ผลักดันให้ ลอรีอัล กรุ๊ป ประกาศเป้าหมายด้านความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อมที่อยู่บนพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ (Science Based Targets) ทำให้แน่ใจได้ว่าการดำเนินงานของบริษัท ไม่ได้ละเลยต่อ “ขีดจำกัดความปลอดภัยของโลก (Planetary Boundaries)” หรือขีดจำกัดที่โลกสามารถรับไหว ซึ่งกำหนดโดยวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม
ในอีกด้าน ลอรีอัล กรุ้ป ยังตั้งเป้าหมายด้านสังคม ด้วยการเป็นบริษัทที่มี “คน” เป็นพลังขับเคลื่อน ในการพัฒนาเพื่อผู้คน โดยแสดงจุดยืนให้ความสำคัญกับความหลากหลายและไม่แบ่งแยก การมอบพลังให้กับกลุ่มที่เปราะบางไม่ว่าจะผู้หญิง ผู้สูงวัย ผู้พิการ การสร้างงานให้คนรุ่นใหม่ เช่นเดียวกับการจัดซื้อจัดจ้างอย่างยั่งยืน พร้อมผลักดันให้พันธมิตรตลอดห่วงโซ่คุณค่าของลอรีอัล ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการประกอบธุรกิจเพื่อความยั่งยืนของสังคม
สำคัญคือสร้างอารมณ์ บนข้อมูลที่เป็นรูปธรรม
เมื่อมองที่โฆษณาชิ้นล่าสุด เราพบว่า ลอรีอัล กรุ๊ป ส่งข้อความที่กระชับและตรงประเด็น การพูดถึงความงามว่าเป็น “พลังอันทรงพลัง” และกล่าวถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการ “สร้างความงามที่ขับเคลื่อนโลก” นั้นเพิ่มชั้นอารมณ์ให้กับข้อความ ทำให้น่าสนใจและเข้าถึงได้มากขึ้น นอกจากนี้ สถิติหลักหมื่นหลักล้านยังแสดงให้เห็นถึงขนาดความยิ่งใหญ่ของโปรเจ็กต์ที่ ลอรีอัล กรุ๊ป ตั้งใจทำ เรียกว่าเป็นการแสดงจุดยืนไม่แบ่งแยกที่จับต้องได้อย่างเป็นรูปธรรม
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคืองานของ ลอรีอัล กรุ๊ป ในประเทศไทย ซึ่งนำเข้าและจัดจำหน่ายแบรนด์ระดับสากล ใน 4 แผนกผลิตภัณฑ์ แผนกผลิตภัณฑ์อุปโภค: แผนกผลิตภัณฑ์ความงามชั้นสูง, แผนกผลิตภัณฑ์ช่างผมมืออาชีพ และ แผนกผลิตภัณฑ์เวชสำอาง โปรแกรมที่โดดเด่นเป็นพิเศษในไทยคือ Women Empowerment ซึ่งในระดับองค์กรคือเพื่อสตรีในงานวิทยาศาสตร์ For Women in Science ที่กำลังจะจัดเป็นปีที่ 21 ในปีนี้ ที่ผ่านมามีการมอบทุนวิจัยทุนละ 250,000 บาท ให้กับนักวิจัยสตรีที่มีอายุไม่เกิน 40 ปี ในสาขาวิทยาศาสตร์ชีวภาพ และสาขาวิทยาศาสตร์กายภาพ โดยมีนักวิจัยสตรีไทยที่ได้รับทุนสนับสนุนจากโครงการนี้รวมแล้วทั้งสิ้น 81 ท่าน จากกว่า 20 สถาบัน
ยังมีโครงการในระดับแบรนด์ (Brand Cause) ที่ดำเนินงานในไทยที่เน้นสร้างความตระหนัก ให้ความรู้ และ ให้ความช่วยเหลือประเด็นทางสังคม อาทิ โครงการ Stand Up ต่อต้านภัยคุกคามในที่สาธาณะโดยลอรีอัล ปารีส, Write Her Future โครงการเพิ่มศัยภาพสตรี โดยลังโคม และ Abuse Is Not Love สัญญาณเตือนภัยความรุนแรงในคู่รัก โดย อีฟส์ แซงต์ โลร็องต์ โบเต้ และที่เพิ่งเปิดตัวไปหมาดๆในปีนี้คือ Brave Together โครงการช่วยเหลือการเข้าถึงการปรึกษาด้านสุขภาพจิตโดยเมย์เบลลีน นิวยอร์ก โดยทุกโครงการนี้ แบรนด์ล้วนทำงานร่วมกับ NGO ในการดำเนินโครงการและมีการตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน
ที่สำคัญคือโครงการหลักสูตรฝึกทักษะอาชีพเสริมสวยเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต หรือ Beauty For a Better Life เป็นโครงการภายใต้มูลนิธิลอรีอัลที่มีการดำเนินงานในกว่า 27 ประเทศทั่วโลก ในประเทศไทย ได้เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2552 ที่โดยผ่านมาลอรีอัล ประเทศไทย มีความร่วมมือกับหน่วยงานราชการ ศูนย์ฝึกอาชีพ และสถาบันด้านการออกแบบทรงผมหลายแห่ง ปัจจุบัน โครงการฯ ร่วมมือกับ 65 Academy จังหวัดเชียงใหม่ และกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว เพื่อสนับสนุนผู้ที่ต้องการโอกาสในการฝึกทักษะอาชีพเสริมสวย มีผู้ที่ได้รับการสนับสนุนผ่านโครงการฯ รวม 361 คน
โฆษณาชิ้นนี้จึงเป็นอีก strong message ของ ลอรีอัล กรุ๊ป ที่สามารถตอกย้ำความเป็นผู้นำในตลาดบิวตี้ ด้วยฐานะผู้สร้างสรรค์ความงามที่ขับเคลื่อนโลกอย่างแท้จริง