บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด สาขาของบริษัทความงามอันดับหนึ่งของโลกได้เปิดเผยถึงความสำเร็จอันสวยงามของผลประกอบการในปี 2558 ที่ผ่านมา ด้วยอัตราการเติบโตที่เร็วกว่าการเติบโตของตลาดความงามโดยเฉลี่ยถึงสองเท่า เป็นผลมาจากการเป็นผู้นำที่แข็งแกร่งมากขึ้นในตลาดสกินแคร์สำหรับผิวหน้า ซึ่งถือเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในธุรกิจความงาม นอกจากนี้ ลอรีอัล ประเทศไทย ยังมีส่วนแบ่งการตลาดที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในตลาดเมคอัพ ในปี 2558 ลอรีอัล ได้จำหน่ายผลิตภัณฑ์ไป 87 ล้านชิ้น ครอบคลุมทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์
ลอรีอัล ประเทศไทย ถือได้ว่าเป็นตลาดที่สามารถทำยอดขายได้สูงสุดในกลุ่มลอรีอัลในประเทศอาเซียน ในปี 2558 ตลาดสกินแคร์ (skincare) ในประเทศไทยมีมูลค่าโดยประมาณสูงถึง 26,000 ล้านบาท ด้วยอัตราการเติบโตร้อยละ 5% โดยตลาดสกินแคร์สำหรับผิวหน้า (facial skincare) คิดเป็น 68% ของตลาด ในขณะที่ตลาดเมคอัพเป็นตลาดที่มีการเติบโตสูงสุด ในอัตรา 6.5% ด้วยมูลค่าตลาด 14,000 พันล้านบาท
นายอูเมช ฟัดเค กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “ผมรู้สึกภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้ประกาศว่า ลอรีอัล ประเทศไทย ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องและแข็งแกร่งขึ้นทุกๆ ปี เรายังคงเป็นบริษัทความงามที่มีอัตราการเติบโตสูงที่สุดในประเทศ การที่เรายังสามารถครองแชมป์ผู้นำในตลาดสกินแคร์สำหรับผิวหน้าซึ่งเป็นตลาดที่มีการแข่งขันสูง และการเติบโตอย่างรวดเร็วในตลาดเมคอัพ รวมไปถึงการดำเนินการด้านต่างๆ ด้วยมาตรฐานความเชื่อมั่นและนวัตกรรมมาตรฐานสูงสุด นับเป็นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของลอรีอัล และผมอยากจะขอขอบคุณพนักงานทุกคนที่เป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จนี้”
เพื่อเป็นการผลักดันการเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2559 นี้ ลอรีอัลจะมุ่งเน้นสร้างความเลิศใน 5 เรื่อง คือ
1) การเสริมทัพด้วยแบรนด์ใหม่
2) การนำเสนอนวัตกรรมที่โดดเด่น
3) การสื่อสารไปอย่างมีประสิทธิภาพทั้งทางออนไลน์และออฟไลน์
4) การสร้างการเติบโตทางช่องทางการจัดจำหน่าย
5) การให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน
โดยเริ่มต้นปี 2559 ที่ผ่านมา ลอรีอัล ประเทศไทย ได้มีการเปิดตัวแบรนด์ใหม่ คือ “นิกซ์” (NYX) ซึ่งเป็นแบรนด์ เมคอัพชั้นนำจากสหรัฐอเมริกาที่ได้รับความนิยมและประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก “นิกซ์” เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะเมคอัพคุณภาพสูง มาตรฐานระดับมืออาชีพในราคาที่เข้าถึงได้ โดยมีผลิตภัณฑ์เมคอัพที่หลากหลายครบครัน ไม่ว่าจะเป็นเมคอัพคลาสสิค ตามฤดูกาล และที่กำลังได้รับความนิยม นับได้ว่า “นิกซ์” เป็นเมคอัพที่บรรดาบิวตี้เลิฟเวอร์และช่างแต่งหน้ามืออาชีพต้องมีไว้ในครอบครอง
นอกจากนี้ การใช้สื่อดิจิตอลอย่างมีประสิทธิภาพยังจะเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างการเติบโตให้กับลอรีอัล ประเทศไทย โดยเฉพาะในตลาดที่มีการใช้งานมือถือและโซเซียลมีเดียที่มีการเชื่อมต่อกันเป็นมากอย่างในประเทศไทย จากสถิติประเทศไทยมีผู้ใช้โทรศัพท์มือถือแล้วเกือบ 82 ล้านคน และกว่า 37 ล้านคนใช้เฟสบุ๊คในทุกๆ เดือน นอกจากนี้ ยังมีการใช้โซเชียลมีเดียโดยเฉลี่ยประมาณ 3 ชั่วโมงต่อวัน
“เรามุ่งเน้นไปทางสื่อดิจิตอลมากขึ้น และได้ลงทุนเพิ่มขึ้นในสื่อดิจิตอลมีเดียถึง 130% เมื่อเทียบกับการลงทุนในในปีที่ผ่านมา แคมเปญ “ไม้เซลฟี่ (selfie sticks)” ของผลิตภัณฑ์กานิเย่ ซากุระ ไวท์ ของเราเป็นหนึ่งแคมเปญดิจิตอล ที่นำเอาพฤติกรรมของผู้บริโภคชาวไทยที่ชอบถ่ายรูปเซลฟี่มาผลิตเป็นวิดีโอในยูทูปอย่างสร้างสรรค์ สร้างความสนใจจนมียอดคนดูเกือบ 3 ล้านคน และได้รับการยอมรับว่าเป็นแคมเปญดิจิตอลที่ดีที่สุดของลอรีอัลจากทั่วโลก”
นอกจากนี้ การตลาดแบบอีคอมเมิร์ซ กำลังมีการเติบโตเป็นอย่างมาก กลายเป็นเทรนด์ทั่วโลกในขณะนี้ จากรายงานของยูโรมอนิเตอร์ (Euromonitor) บริษัทวิจัยตลาดชั้นนำของโลก ได้ระบุภาพรวมของการซื้อขายผ่านอินเตอร์เน็ตเติบโตขึ้นถึง 30% ในปี 2558 ด้วยเม็ดเงินมูลค่ากว่า 47 พันล้านบาท ด้านดีเอชแอล (DHL) ยังรายงานว่าตลาดอีคอมเมิร์ซ ในประเทศไทยกำลังอยู่ในช่วงของการเติบโตและคาดว่าจะขยายตัวขึ้นเป็นสามเท่าด้วยเม็ดเงินมูลค่ากว่า 138.86 พันล้านบาทในช่วงระหว่างปีนี้ไปจนถึงปี 2563
ด้วยเทรนด์การเติบโตที่เกิดขึ้น ลอรีอัล ประเทศไทย จะเป็นบริษัทด้านความงามแถวหน้าของประเทศที่มีการใช้นำกลยุทธ์ด้านอีคอมเมิร์ซมาใช้อย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านการผนึกกำลังกับร้านค้าอีคอมเมิร์ซชั้นนำต่างๆ ในประเทศไทย รวมไปถึงการสร้างร้านค้าออนไลน์ของตนเอง (e-boutiques) อย่าง ร้านค้าออนไลน์ของแบรนด์ เมย์เบลลีนและคีลส์ เป็นต้น ลอรีอัล เผยตลาดอีคอมเมิร์ซมีการเติบโตมากกว่า 555% ในปีที่ผ่านมา และในปี 2559 นี้ ลอรีอัลจะมีการเปิดร้านค้าออนไลน์ของแบรนด์นิกซ์อีกด้วย
“คนไทยเป็นคนรักสวยรักงาม มีความงามเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเสมอ เห็นได้จากวัฒนธรรม สถาปัตยกรรมและการแสดงออกถึงความเป็นตัวตน ซึ่งพื้นฐานความต้องการด้านความงามนี้ช่วยส่งเสริมให้ตลาดมีการเติบโต และสร้างโอกาสมากมายให้แก่ธุรกิจความงามในอนาคต สำหรับลอรีอัลแล้ว การเสริมทัพด้วยแบรนด์ใหม่ๆ นวัตกรรมที่แข็งแกร่ง การสื่อสารรูปแบบใหม่ด้วยสื่อดิจิตอล การเติบโตของอีคอมเมิร์ซ และคุณภาพในการให้บริการและประสบการณ์ในร้าน เรามั่นใจว่าจะสามารถครองความเป็นผู้นำตลาดเมคอัพได้ในไม่ช้า โดยยังคงรักษาความเป็นผู้นำตลาดสกินแคร์สำหรับผิวหน้าได้อย่างแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง” นายฟัดเค เสริม
นอกจากการประกาศถึงความสำเร็จที่สวยงามในวันนี้ ลอรีอัล ประเทศไทย มีความยินดีที่จะประกาศการแต่งตั้ง นางนาตาลี เกอร์ชไตน์ เคอโรวดี ขึ้นเป็นกรรมการผู้จัดการคนใหม่และยังเป็นกรรมการผู้จัดการหญิงคนแรกของบริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด อีกด้วย โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนนี้ เป็นต้นไป ปัจจุบัน นาตาลี ดำรงตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปแผนกผลิตภัณฑ์อุปโภค ของลอรีอัล ประเทศไทย ด้วยประสบการณ์การทำงานในตำแหน่งสำคัญๆ กับลอรีอัลในหลายๆ ประเทศ รวมไปถึงประสบการณ์การทำงาน 3 ปี ในประเทศไทยทำให้เธอมีความเข้าใจและคุ้นเคยกับการทำงานของคนไทย สำหรับ นายอูเมช ฟัดเค จะย้ายไปดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ บริษัท ลอรีอัล ประเทศอินโดนีเซีย
“ดิฉันรู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่ได้รับมอบหมายให้ดำรงตำแหน่งที่มีความสำคัญอย่างยิ่งนี้และเป็นผู้นำให้กับทีม ลอรีอัลที่แข็งแกร่ง มองกลับไปถึงความสำเร็จของเราในหลายๆ ปีที่ผ่านมาภายใต้การนำของคุณอูเมชและทีม ลอรีอัลของประเทศไทย ดิฉันมีความเชื่อมั่นว่าลอรีอัล ประเทศไทย มีศักยภาพอันโดดเด่นและสามารถก้าวขึ้นสู่การเป็นบริษัทด้านความงามอันดับหนึ่งของประเทศไทยได้ในอนาคตอันใกล้ เราจะยังคงนำเสนอนวัตกรรมด้านความงามที่ดีที่สุดทั้งในด้านคุณภาพ ประสิทธิภาพ และความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ให้กับผู้บริโภคในประเทศไทยทั้งชายและหญิงไม่ว่าจะเป็นเชื้อชาติหรือชนชั้นหรือปัจจัยความแตกต่างใดๆ อย่างเท่าเทียม และเราจะยังคงดำเนินงานภายใต้พันธสัญญาว่าด้วยความยั่งยืน ‘แบ่งปันความงามให้ทุกสรรพสิ่ง’ (Sharing Beauty with Alll) ซึ่งเป็นความมุ่งมั่นของเราในการทำธุรกิจอย่างยั่งยืนตามเป้าหมายของลอรีอัล กรุ๊ป ในปี 2563 ซึ่งประกอบไปด้วยการสร้างนวัตกรรม กระบวนการผลิตอย่างยั่งยืน การใช้ชีวิต และการพัฒนาในด้านต่างๆ ด้วยความยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง” นางนาตาลี เกอร์ชไตน์ เคอโรวดี กล่าวทิ้งท้าย