ครั้งแรกของโลก! LINE Thailand เปิดบริการใหม่ LINE Idol ชูกำปั้นตั้งมาตรฐานให้ตลาด Influencer

  • 2.8K
  •  
  •  
  •  
  •  

ปฏิเสธไม่ได้ว่าการทำการตลาดโดยใช้กลยุทธ์ผ่าน Influencer หรือ KOL (Key Opinion Leader) ก็ดี กำลังเป็นเทรนด์ที่มาแรง ไม่เพียงแค่นั้น ยังได้รับการตอบรับดีจากผู้บริโภคอีกด้วย ซึ่งตรงนี้เองทำให้แบรนด์และธุรกิจต่างๆ หันมาใช้กลยุทธ์นี้กันมากขึ้น โดยช่องทางหนึ่งในการสื่อสารของเหล่า Influencer หรือศิลปินดาราในยุคนี้ส่วนใหญ่จะพูดคุยติดต่อกับกลุ่มแฟนคลับหรือฟอลโลว์เวอร์ จะทำผ่านแพล็ทฟอร์มออนไลน์กันแทบทั้งนั้นแล้ว

ดังนั้น ด้วยการเติบโตของช่องทางออนไลน์และการทำการตลาดผ่าน Influencer ทำให้วันนี้เราได้รับข่าวดีจาก LINE แพล็ทฟอร์มที่แข็งแกร่งและทรงพลังอิทธิพลอย่างยิ่งสำหรับคนไทยว่า LINE เตรียมที่จะเปิดบริการใหม่ ซึ่งเป็นครั้งแรกในโลกและไทยเป็นผู้ริเริ่มเจ้าแรกอีกด้วย ได้แก่ LINE Idol

ทั้งนี้ ผู้ที่จะมาเล่าและอธิบายรายละเอียดว่า บริการใหม่ LINE Idol จะเป็นอย่างไรนั้น เราได้รับโอกาสจาก เนตรนรสิทธิ์ สิทธิเวชวิจิตร ผู้อำนวยการฝ่ายขายสื่อโฆษณา LINE Thailand ผู้อยู่เบื้องหลังและผู้ผลักดันคนสำคัญในบริการใหม่นี้

lineidol-hili1

LINE Idol บริการใหม่จาก LINE รับเทรนด์ตลาด Influencer

เนตร เล่าว่า เป็นครั้งแรกของโลก และเป็นครั้งแรกของ LINE ที่จะมีบริการใหม่เรียกว่า LINE Idol ด้วยความที่บริษัทแม่ให้การยอมรับในการทำงานแบบให้อิสระกับ local ดังนั้น เมื่อเราเห็นว่าตลาดนี้เมืองไทยเริ่มโตมากขึ้นเรื่อยๆ LINE ประเทศไทย จึงคิดที่จะมาจับตลาดตรงนี้ เป็นบริการที่ช่วยให้ Influencer และ Publisher ได้สื่อสารกับยูเซอร์ได้ง่ายขึ้น รวมถึงจะมีฟีเจอร์พิเศษที่เราจะอันล็อคให้ด้วย แต่ที่สำคัญคือ จะต้องทำให้เกิดความแตกต่างจากแพล็ทฟอร์มอื่นๆ ซึ่งเราก็พบว่าในส่วนของ Official Account (OA) รวมทั้งแพล็ทฟอร์มของเรานั้นค่อนข้างพรีเมียม ดังนั้น สิ่งที่เราจะทำกับ LINE Idol ที่จะเข้ามาร่วมกับเรา ก็คือเราจะต้องคัด Idol หรือ Influencer ที่มีคุณภาพสูง ไม่ใช่ว่าใครก็ได้ให้มาอยู่กับเรา

Idol ที่มาอยู่กับเราเราต้องคัด เพราะว่าอะไรที่มันอยู่บน LINE นั้น มันค่อนข้างใกล้ชิดกับคอนซูเมอร์ ดังนั้น เราก็จะต้องดูแล ไม่ใช่เน้นโชว์เนื้อหนังหรือการใช้คำพูด รวมไปถึงคอนเทนต์ทั้งหมดด้วยเราก็ต้องคัดและพิจารณาอย่างดีด้วย ดังนั้น เราจึงให้ความสำคัญเรื่องเซฟตี้ เรื่องความปลอดภัยแบบ 100%”

lineidol4

4 Categories สำหรับ LINE Idol

สำหรับ LINE Idol จะแบ่งออกเป็น 4categories ด้วยกัน ซึ่งแบ่งตามประเภทของ Influencer เป็นหลัก และหนึ่งในนั้นรวมไปถึงกลุ่ม Publisher ที่มาจากแม็กกาซีนด้วย

  1. กลุ่มศิลปิน ได้แก่ ดารา นักร้อง นักแสดง ที่มีฐานแฟนคลับบนโซเชียลมีเดียเยอะๆ
  2. กลุ่มเน็ตไอดอล ตรงนี้หมายถึงคนที่ไม่ใช่ดารา นักแสดง นักร้อง แต่มีชื่อเสียง มีคนติดตามเยอะ
  3. กลุ่มบล็อกเกอร์ ซึ่งหมายถึงคนที่มีคอนเทนต์ หรือมีความเชี่ยวชาญนั้น และเมื่อลงเนื้อหาหรือคอนเทนต์แล้วมีคนตามอ่านเยอะ มีอิทธิพลต่อความคิดของผู้คน เช่น บิวตี้บล็อกเกอร์ บล็อกเกอร์ท่องเที่ยว บล็อกเกอร์อาหาร ฯลฯ
  4. กลุ่ม Publisher จะเน้นแม็กกาซีนหรือนิตยสารเป็นหลัก เพราะเราเห็นเทรนด์ว่าแม็กกาซีนที่ขายบนแผงที่เป็นเล่มหลายฉบับเริ่มปิดตัวกันไปบ้างแล้ว และส่วนใหญ่ก็จะย้ายไปอยู่บนโซเชียลมีเดีย แต่ก็อาจจะยังไม่ดีเท่าที่ควรเพราะด้วยการปรับอะไรต่างๆ ของแพล็ทฟอร์ม ดังนั้น เราก็คิดว่าเราเป็นแพล็ทฟอร์มที่มีคุณภาพและมีคนใช้แพล็ทฟอร์มเราค่อนข้างเยอะ เราก็อยากให้Publisher ลองมาร่วมกับเราบน LINE

โดยภาพรวมเราเห็นความเป็น Idol จาก 3 Categories อย่างชัดเจน แต่สำหรับกลุ่มที่ 4 ที่เป็น Publisher นั้นค่อนข้างหลุดออกไปตรงนี้ เนตร อธิบายว่า เรามองว่าพับลิชเชอร์เป็นบุคคล เป็นคนๆ หนึ่งแต่ก็เป็นกึ่งๆ แบรนด์ เพราะตอนนี้เราก็แทบแยกไม่ค่อยออกว่าบล็อกเกอร์กับ Publisher ต่างกันอย่างไร ปัจจุบันมันไม่ค่อยต่างกันแล้ว นอกจากนี้ เรายังมองในเรื่องของไลฟ์สไตล์ด้วย ที่เน้นการนำเสนอเนื้อหาที่เจาะลึกมากกว่าแค่รายงานข่าวทั่วๆ ไป เช่น เรามีบล็อกเกอร์ไอที เราก็มีนิตยสารไอที เรามีบล็อกเกอร์ท่องเที่ยว ก็มีนิตยสารหรือเว็บด้านการท่องเที่ยวเหมือนกัน ดังนั้น เราก็เลยมองว่า Publisher ก็เป็น LINE Idol ได้เหมือนกัน

lineidol6

คัดสรรแต่ Idol ที่มีคุณภาพ

อย่างที่เกริ่นไว้ว่า ไม่ใช่ Idol, ศิลปิน, หรือบล็อกเกอร์ทุกคนจะมาอยู่บน LINE Idol ได้นั้นจะมีการคัดสรรด้วย เนตร ชี้แจงเพิ่มเติมว่า เราคัดเลือกคนคุณภาพให้มาอยู่บน LINE Idol โดยสำหรับกลุ่มเน็ตไอดอลและบล็อกเกอร์ จะต้องมีฐานแฟนบนเฟซบุ๊กหรือไอจี อย่างน้อย 1 ล้านคน ตรงส่วนนี้เป็นหนึ่งใน criteria เบื้องต้นที่เราจะพิจารณา (จำนวน 1 ล้านฟอลโลว์เวอร์ แยกกันระหว่างเฟซบุ๊กและอินสตาแกรม ไม่นับทวิตเตอร์) แต่ในส่วนของศิลปินดารานักร้อง อาจจะไม่ต้องขนาดนั้นเพราะศิลปินบางคนก็ไม่ได้มีโซเชียลมีเดีย แต่เราก็จะพิจารณาจากความดังของเขาฐานแฟนคลับด้วย แต่ย้ำว่าตรงส่วนของฐานแฟนคลับหรือยอดฟอลโลว์เวอร์เป็นเพียงแค่หนึ่งเกณฑ์ในการคัดเลือกเท่านั้น ซึ่งอันที่จริงแล้วคนในวงการหรือแวดวงก็จะทราบดีกว่าว่าใครเป็นควอลิตี้เน็ตไอดอล หรือพูดง่ายๆ ว่าใครดังจริงไม่จริงแค่ไหน ดังนั้น เรื่องที่ว่าจะซื้อยอดฟอลฯ ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นปัญหา

อย่างไรก็ตาม เราก็มีเกณฑ์ด้วยว่าหลังเปิด OA แล้ว จะต้องมีความแอ็คทีฟด้วย มีการโพสต์คอนเทนต์อย่างสม่ำเสมอ มีแฟนๆ มาร่วมกิจกรรม หรือจัดกิจกรรมน้อยแค่ไหน ถ้าไม่แอ็คทีฟเลยก็คงไม่เวิร์ค

Line_quote

ยกระดับมาตรฐานตลาด Influencer

นอกเหนือจากเรื่องเทรนด์ของการเติบโตในตลาด Influencer ที่เพิ่มขึ้นของไทยแล้ว ประเด็นสำคัญเลยที่ทำให้ LINE โดดมาทำตรงนี้นั้น เนตร ระบุว่าเป็นเพราะเราต้องการสร้างมาตรฐาน ต้องการยกระดับตลาด Influencer ให้มันดีขึ้น อยากจะกำหนดและสร้างสิ่งแวดล้อมให้มันปลอดภัยและให้เป็นโปรเฟสชั่นนัลมากขึ้น เพราะตอนนี้มีความรู้สึกว่ามันค่อนข้างวุ่นวาย สภาพมันคือไม่มีมาตรฐานอะไรเลย แต่พอมันมีมาตรฐานปุ๊บหรือมีอะไรที่ค่อนข้างแน่นอนและชัดเจน ธุรกิจจะสามารถเติบโตได้เร็วขึ้น และไอดอล ดารา หรือพับลิชเชอร์ ก็จะโตได้เร็วขึ้นด้วย

“ถ้ามันมีมาตรฐาน ก็จะทำให้ทุกคนเข้าใจตรงกัน ร่วมกันหมด ไม่ต้องตามหา ไม่ต้องถามราคา ถ้ายอดฟอลฯ เท่านี้ก็ราคาประมาณนี้ หรือจะโพสต์อะไรได้บ้างไม่ได้บ้าง ก็จะมีเกณฑ์ที่วางมาตรฐานตามที่ LINE ได้แจ้งเอาไว้ ทุกคนเหมือนกันหมด ไม่ใช่ว่าจะต้องมาคอยเช็คคนนั้นคนนี้ยังไง ค่อนข้างวุ่นวาย ตรงนี้ก็จะทำให้มาตรฐานของ Influencer ยกระดับขึ้นมา เป็น Influencer แบบโปรเฟสชั่นนัล เพราะก่อนหน้านี้ ทุกคนก็ต่างคนต่างทำงานไป ไม่มีเร็กกูเลเตอร์ ยิ่งถ้าหากว่าบางคนทำเสียๆ หายๆ แล้วมันก็จะกระทบภาพรวมทำคนอื่นในวงการเสียไปด้วย แต่การทำงานจะต้องมีความรับผิดชอบ การเป็น Influencer ไม่ใช่อาชีพที่ใครอยากจะทำไม่ดีก็ได้”

และที่สำคัญ แบรนด์และเอเจนซี่ก็อยากได้ Influencer ที่มีคุณภาพด้วย เพื่อให้สามารถทำงานได้สะดวกมากขึ้น มันมีประโยชน์ทั้งสองฝ่าย

lineidol8

แบรนด์ เอเจนซี่ Influencer ได้อะไร

เราเห็นภาพของการช่วยทำให้ตลาด Influencer มีมาตรฐานที่ดีขึ้นแล้ว แต่ในแง่ของแบรนด์ เอเจนซี่ และ Influencer จะได้อะไรจากตรงนี้ เนตร ระบุว่า แบรนด์และเอเจนซี่ จะได้ประโยชน์มากในเรื่องของการแพลนนิ่ง โดยเฉพาะในส่วนของมีเดีย แพลน และจะช่วยลดความกังวลในเรื่องของ Brand Safety หรือลดความกังวลของความไม่แน่นอนของ Influencer ลงได้ด้วย ส่วนในแง่ของ Influencer ก็จะเป็นการเพิ่มแพล็ทฟอร์มใหม่ให้เขาได้ใช้ลงคอนเทนต์และติดต่อสื่อสารกับผู้บริโภคมากขึ้น คือเพิ่มช่องทางในการทำงานของเขามากขึ้นด้วย ที่สำคัญคือ ทาง LINE ก็จะช่วยหาลูกค้ามาให้กับเขาด้วย

“เราจะไปพร้อมกับแฮนด์บุ๊คคือมีลิสต์ของ Influencer ทั้งหมด ซึ่งมีการแบ่งหมวดหมู่เรียบร้อย ลูกค้าสามารถเปิดแล้วเลือกตามที่ต้องการได้เลย ไม่ต้องไปควานหาจะเอาอะไร พร้อมกับราคาที่เป็นมาตรฐาน ทำให้แบรนด์และนักการตลาดทำงานได้ง่ายขึ้น ส่วนของ  Influencer ก็เป็นการช่วยเขาในการเพิ่มช่องทางหาลูกค้าได้ด้วย เรียกได้ว่าเป็นประโยชน์กับทั้งสองฝ่าย”

lineidol9

การแบ่งรายได้ และบทลงโทษ

เมื่อพูดถึงการหาลูกค้าการเพิ่มช่องทางธุรกิจ แน่นอนไม่พูดถึงรายได้ไม่ได้ เนตรบอกว่า แพล็ทฟอร์มเราค่อนข้างแฟร์มาก เรามีโมเดลในเรื่องราคาและการแบ่งรายได้ที่ชัดเจนและเป็นมาตรฐาน โดยเรื่องราคาทาง LINE จะเป็นผู้กำหนดเองเพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกันหมด มี rate cards ที่มีมาตรฐานที่ทุกคนยอมรับ ซึ่งตรงนี้เองที่ทำให้เราค่อนข้างจะแตกต่างจากแพล็ทฟอร์มอื่นๆ ที่ไม่มีคนมาดูแล แต่ละคนก็คิดราคากันไปเอง หรือบางทีเวลาที่มีปัญหาขึ้นมาก็ไม่สามารถไปร้องเรียนหรือเรียกร้องกับใครได้เลย

กับการแบ่งรายได้ เนตร อธิบายลงรายละเอียดชัดๆ เลยว่า โดยทั่วไปถ้า LINE เป็นคนหาโฆษณาหรือหาลูกค้า เราก็จะขอส่วนแบ่งรายได้จากตรงนั้น แต่ถ้าเกิดว่า LINE ไม่ได้เกี่ยวข้องเลย เราก็จะไม่ขอส่วนแบ่ง ตรงนี้ก็เรียกว่าค่อนข้างแฟร์มากทีเดียว แต่ที่สำคัญคือ เราจะขอเข้าไปคอนโทรลในส่วนของคอนเทนต์ ให้มีความเหมาะสม จะขอพิจารณาว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ โดยเฉพาะในแง่ของกฎหมาย เช่น กฎหมายเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ กฎหมายยาสูบ กฎหมายเซ็นเซอร์ เป็นต้น ซึ่งก่อนที่จะเริ่มงานร่วมกันก็จะมีการบอกกล่าวเพื่อให้เข้าใจตรงกันก่อนเบื้องต้น พร้อมกับแจ้งข้อบังคับต่างๆ ที่ชัดเจน เพราะหากว่าคุณละเมิดข้อตกลงแล้วเราก็จะทำถึงขั้นปิดเพจไปเลย จะไม่ให้คุณใช้ LINE Idol อีก ซึ่งตรงนี้ก็เป็นหนึ่งมาตรการที่ช่วยทำให้เกิดคุณภาพอย่างมีมาตรฐานบนแพล็ทฟอร์มของเราด้วย

lineidol7

ไม่เกี่ยวกับปัญหาลด reach ของแพล็ทฟอร์มอื่น

เมื่อถามว่าเห็นช่องทางตรงนี้เป็นเพราะปัญหาที่นักการตลาดและ Influencer โดนเรื่องการลด Reach หรือเปล่า เนตร บอกว่าไม่ใช่ มันคือเรื่องบังเอิญมากกว่า เพราะโปรเจ็คต์นี้มีมาตั้งนานแล้ว ตั้งแต่ยังไม่มีการลด Reach เลย เราวางแผนที่จะทำตัวนี้มานานแล้ว เพราะคนใช้ LINE เยอะ ก็คิดว่าควรจะมีคอนเทต์ดีๆ ที่น่าดูมาให้ users ของเรา

ที่สำคัญ หลังจากที่ได้ทำการรีเสิร์ช พบว่าคนไทยมีเพอร์เซ็พชั่นว่า ไม่ค่อยมีคนใช้ Timeline แต่จริงๆ มันไม่ได้เป็นแบบนั้น คือคนไทยอาจจะไม่ค่อยโพสต์บน Timeline แต่กลับเข้าไป ส่องใน Timeline ซะมากกว่า ซึ่งตรงจุดนี้กลับกลายเป็นว่าเป็นผลดีกับแบรนด์และบรรดา Influencer ทั้งหลาย เพราะข้อดีของ Timeline คือเวลาที่เพื่อนเราใน LINE ไปกดไลค์อะไรก็ตาม มันจะโชว์ทุกสิ่งบน Timeline เช่น กดไลค์ศิลปิน กดไลค์ข่าว ซึ่งตรงนี้จะทำให้ทุกคนที่เป็นเพื่อนกันเห็นหมด มันไปช่วย Multiply ในส่วนของลีดที่ออกไป เป็นการช่วยทำให้ LINE Idol  เพิ่มฐานเบสอย่างทวีคูณ แต่ในขณะเดียวกันก็เป็น แพล็ทฟอร์มที่ไพรเวซี่มากด้วย เพราะเมื่อเวลาที่เราจะสนทนาเราสามารถเลือกคุยกับใครเป็นการส่วนตัวได้โดยที่คนอื่นไม่จำเป็นต้องเห็นหมด

“เพราะฉะนั้นกลายเป็นว่าเป็นแพล็ทฟอร์มที่มียูเซอร์เป็นพาวเวอร์ ที่สามารถคอนโทรลในทุกจุดที่อยากจะให้เป็นได้ ซึ่งแบบนี้แบรนด์ชอบมาก เพราะว่าแบรนด์อาจจะอยากคุยกับแค่คนนี้ แต่คนนั้นก็ไปเข้าใจผิดก็จะกลายเป็นดราม่าไปอีก เรียกง่ายๆ ว่าก็สามารถกรองความดราม่าออกไปได้ส่วนหนึ่ง ซึ่งตรงนี้แบรนด์ชอบ แบรนด์แฮปปี้”

lineidol12

เหนือชั้นด้วยฟีเจอร์ Fan Management

นอกเหนือจากพลังของฐานผู้ใช้ LINE ในเมืองไทยจำนวนมากแล้ว อีกสิ่งที่ทำให้ LINE Idol เป็นแพล็ทฟอร์มที่ทรงพลังสำหรับ Influencer นั่นก็คือฟีเจอร์ Fan Management ซึ่งมีความคล้ายกับ CRM ของแบรนด์เลยทีเดียว เนตร อธิบายว่า ฟีเจอร์นี้จะทำให้ Influencer รู้ว่าแฟนคลับคนนี้ชื่ออะไร ตามกันมาตั้งแต่ปีไหน อยู่จังหวัดไหน มาทำกิจกรรมร่วมกันบ่อยไหม เป็น Big Data ที่สามารถนำมาใช้งานได้ นอกจากนี้ ฟีเจอร์นี้ยังให้เราสามารถส่งเมสเสจแบบคัสโตไมซ์ได้เองอีกด้วย เช่นส่งเฉพาะกรุงเทพฯ หรือเฉพาะจังหวัดนี้จังหวัดเดียว ช่วยในการที่จะจัดแฟนมีทติ้งเฉพาะกลุ่มขึ้นมาก็ได้ ซึ่งฟีเจอร์นี้ค่อนข้างไฮแวลูไม่ใช่จะเปิดให้กับทุกคน ซึ่งถ้าเป็นแบรนด์ก็ต้องซื้อในราคาที่แพงมากถึงจะได้ โดยที่ LINE Idol เราจะทำการอันล็อคให้กับคนที่มีความดังมากๆ และมีฐานแฟนเบสที่สูงๆ แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าเขาอยากจะทำมากน้อยแค่ไหนด้วย

ที่สำคัญ ฟีเจอร์นี้มีประโยชน์มาก ในการจัดการและทำกิจกรรมร่วมกับแฟนๆ เพราะศิลปินหรืออินฟลูเอ็นเซอร์ สามารถดำเนินการได้ด้วยตัวเอง จะขายสินค้าหรือจัดคอนเสิร์ตทำเองได้เลย เรียกว่า ฟีเจอร์นี้จะช่วยในการเมเนจแฟน จัดอีเวนท์ กิจกรรมร่วมกับแฟนๆ ได้ง่ายขึ้น เป็นฟีเจอร์ที่เป็นไฮไลท์ของเราที่ทำให้เราแตกต่างจากแพล็ทฟอร์มอื่นๆ

“เพราะเรารู้ว่าในแง่ของตลาดนักการตลาดใช้อินฟลูเอนเซอร์มากขึ้น ขณะเดียวกัน ดาราเองก็เริ่มที่จะให้ความสนใจฐานแฟนเบสมากขึ้น แล้วดาราที่แอดวานซ์มากๆ ไม่ได้แค่สนใจจำนวนแฟนคลับอย่างเดียว เขายังต้องการอยากที่จะเข้าเมเนจด้วย หมายความว่าเขาให้ความสำคัญกับแฟน แต่ตอนนี้มันไม่มีระบบที่จะเข้าไปจัดการได้ แต่ถ้าเป็นแบบนี้เขาสามารถทำได้ เป็นการสร้างระบบ  Fan Loyal Management ได้ด้วยตัวเอง”

lineidol11

ต้องทำอย่างไรถ้าอยากมาอยู่ใน LINE Idol

หากทาง Influencer สนใจจะติดต่อบริการจาก LINE Idol จะต้องทำอย่างไรบ้าง เนตร ระบุว่า สำหรับ Publisher สามารถติดต่อกับ LINE ได้โดยตรง หรือติดต่อกับทีม Advertising ได้เลย ซึ่งตอนนี้ก็มีทยอยเข้ามาหลายๆ สำนักพิพม์แล้ว แล้วก็มีที่กำลังคุยอยู่ด้วย ส่วนของ Influencer อีก 3 กลุ่มที่เหลือ ส่วนใหญ่เราจะติดต่อผ่านเอเจนซี่ คือหลายคนจะมีเอเจนซี่สังกัดอยู่ โดยเราจะคุยกับเอเจนซี่เป็นหลัก ซึ่งการทำอย่างนี้ก็จะทำให้เอเจนซี่โตขึ้นไปด้วย เป็นช่องทางเพิ่มให้กับเอเจนซี่ด้วย

อย่างไรก็ตาม เนตร ยืนยันว่าบริการนี้ไม่ได้เป็นการไปแย่งงานของเอเจนซี่ เพราะว่าเราติดต่อกับเอเจนซี่ ช่วยเสริมและขยายตลาดมากกว่า เราไม่ได้ติดต่อกับ Influencer โดยตรงแต่จะทำการติดต่อผ่านเอเจนซี่มากกว่า ส่วนกรณีที่ Influencer ไม่มีต้นสังกัดหรือเอเจนซี่จะสามารถเข้าไปใน LINE Idol เนตรระบุว่า ตรงนี้น่าจะเป็นงานของเอเจนซี่ที่จะตามหาว่าใครเป็น Influencer ที่น่าสนใจ เป็นดาวรุ่งคนใหม่ ที่จะต้องไปค้นหามา เราจะไม่ทำหน้าที่แบบเอเจนซี่ แต่เราเป็นแพล็ทฟอร์มที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการสื่อสารให้มากกว่า

lineidol10

มาร่วมกันสร้างมาตรฐานที่ดีให้กับวงการ

ความคาดหวังที่จะมีกับ LINE Idol เนตรระบุว่า ท้ายที่สุดเราเชื่อว่า การใช้งาน Influencer ในแง่ของการทำการตลาด ผ่านแพล็ทฟอร์มของ LINE ในหลายอย่างที่ไม่เคยมีมาตรฐานก็จะมีขึ้น เราก็คาดหวังว่าในอุตสาหกรรมของ Influencer น่าจะถูกยกระดับมากขึ้น แล้วก็จะทำให้เม็ดเงินมันถีบตัวไปได้เร็วและสูงขึ้นมากกว่านี้

“ที่สำคัญจะมีความ sustainable ในแง่ของธุรกิจไอดอลภาพรวม อะไรที่มันไม่มีการคอนโทรลแล้วหากมีคนไปทำให้เสียหาย หรือไม่มีการกำกับดูแล สุดท้ายคนก็จะเลิกใช้ ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้เรื่อยๆ เยอะๆ วงการจะเป็นอย่างไร เหมือนดาราที่แบบไม่มีวินัยในการทำงาน อยากจะโดดกองถ่ายเมื่อไหร่ก็ได้ มันก็ไม่มีผลดีต่อใครแม้แต่ตัวเขาเอง ตรงนี้เราก็เข้ามาจอยกันและสร้างมาตรฐานร่วมกันดีกว่า”

น่าจับตาว่าการโดดเข้ามาจับตลาดนี้อย่างเต็มตัวของ LINE จะช่วยยกระดับมาตรฐานของวงการ Influencer ได้จริงหรือไม่ แต่ก่อนที่จะไปถึงตรงนั้นบริการใหม่นี้จะได้รับการตอบรับจากบรรดาศิลปิน, Influencer, Publisher และยูเซอร์หรือไม่ ตรงนี้ก็น่าสนใจไม่น้อย.

Copyright © MarketingOops.com


  • 2.8K
  •  
  •  
  •  
  •  
pigabyte
การเรียนรู้ไม่มีวันจบสิ้น มาเรียนรู้และสนุกไปกับบทความ จาก MarketingOops! กันนะคะ แล้วเราจะได้ค้นพบว่าโลกของ Marketing นั้น So Sexy and Cool!