การก่อกำเนิดขึ้นของ LINE FRIENDS ซึ่งเป็น Character ที่เกิดขึ้นจากการเป็นสติกเกอร์ไลน์ แชทแอปฯ ชื่อดัง ถือว่าน่าสนใจไม่ใช่น้อย เพราะใช้เวลาไม่ถึง 10 ปีดีนัก ก็สามารถก้าวขึ้นมาเป็น Global Character Brand ที่สามารถต่อยอดไปสู่ธุรกิจต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจ Retail ธุรกิจ License หรือแม้แต่การต่อยอดไปสู่การทำธุรกิจรูปแบบใหม่ ๆ ที่เปิดกว้างเพราะสามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ พร้อมกับมอบประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับลูกค้าได้อย่างมากมาย
จากสติกเกอร์สู่ Creative Studio ระดับโลก
สิ่งที่น่าสนใจของ LINE FRIENDS คือ การพัฒนาอย่างต่อเนื่องไม่หยุดยั้ง ในการทำให้ Character ก้าวสู่การเป็นแบรนด์ระดับโลกที่ทรงพลัง ซึ่งวันนี้ LINE FRIENDS ไม่ใช่แค่สติกเกอร์อีกต่อไป แต่กลายเป็น Creative Studio ระดับโลก ที่สร้างสรรค์ทั้งตัวคอนเทนต์ และการพัฒนา Character กลุ่มใหม่ๆ เพื่อนำไปต่อยอดทางธุรกิจให้กับพาร์ทเนอร์ทั้งระดับโลกและระดับประเทศ
นอกจาก Character ที่เป็น BROWN & FRIENDS แล้ว ยังมีการพัฒนา Character ในกลุ่มใหม่ๆ ภายใต้กลยุทธ์ Collaboration ที่เป็นการผสานจุดแข็งของทั้ง LINE FRIENDS และพันธมิตรเพื่อที่จะสามารถนำ Character ที่สร้างสรรค์ขึ้นมาต่อยอดไปสู่การทำธุรกิจในรูปแบบต่างๆ LINE FRIENDS ก้าวขึ้นมาเป็น Creative Studio ที่สร้างสรรค์คอนเทนท์ในรูปแบบต่างๆ โดยนอกจากคาแรคเตอร์ BROWN & FRIENDS แล้ว LINE FRIENDS ยังได้จับมือกับศิลปินวง BTS ในการพัฒนา Character ที่เรียกว่า BT21 ซึ่งเป็น Character ที่เหล่าบรรดาศิลปินวง BTS ช่วยกันวาดขึ้นมา ไม่เพียงเท่านั้น ยังมี Running Man ที่ซื้อลิขสิทธิ์ทีวีเกมโชว์ในเกาหลีมาผลิตเป็นแอนนิเมชั่น ภายใต้ลิขสิทธิ์ของ LINE FRIENDS คาแรคเตอร์ ROY 6 ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกับศิลปินในประเทศจีน รวมถึง BRAWL STARS ที่ทำงานร่วมกับบริษัท SUPERCELL พัฒนาออกมาในรูปแบบของเกม และ คาแรคเตอร์ ซึ่งได้กระแสตอบรับอย่างล้นหลาม ด้วยยอดดาวน์โหลดถึง 100 ล้านครั้งทั่วโลก ในระยะเวลาเพียงครึ่งปี
ทำให้เห็นได้ชัดเจนว่า LINE FRIENDS พร้อมจะนำสิ่งที่สร้างสรรค์เหล่านั้นมาต่อยอดไปสู่การทำธุรกิจในรูปแบบต่างๆ โดยในเมืองไทยจะโฟกัสที่ 2 คาแรคเตอร์ คือ BROWN & FRIENDS และ BT21 ที่กำลังจะเปิดตัวในเมืองไทยเร็ว ๆ นี้
LINE FRIENDS กับเบื้องหลังความปัง
ความสำเร็จที่เกิดขึ้นกับ LINE FRIENDS ถือว่าเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจไม่น้อย เพราะใช้เวลาไม่ถึง 10 ปีดีก็สามารถผลักดันตัวเองก้าวขึ้นเป็นแบรนด์คาแรคเตอร์ระดับโลกที่ถูกนำมาใช้ต่อยอดในการสร้างความสำเร็จให้กับธุรกิจต่างๆ ได้มากมาย ทั้งการพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ การสร้างสรรค์คาแรคเตอร์กลุ่มใหม่ ๆ ธุรกิจรีเทล และพัฒนารูปแบบธุรกิจใหม่ ๆ ที่เชื่อมโยงกับคาแรคเตอร์ และ experience ของลูกค้าไว้ด้วยกัน ซึ่งหากมองเข้าไปถึง Key Success ของความสำเร็จที่เกิดขึ้นแล้ว จะพบได้ว่า
1. มีจุดเริ่มต้นจากการเป็นสติกเกอร์มาก่อนบนแอปพลิเคชัน LINE มีกลุ่มแฟนคลับใช้อยู่เป็นประจำทุกวัน ทำให้เกิดการ Engage กับคาแรคเตอร์ จนกลายเป็นความผูกพันทางอารมณ์ที่ส่งต่อมาสู่การเป็นแฟนคลับที่เหนียวแน่น
2. มีกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนเป็นคนกลุ่มมิลเลนเนียล และ Gen Z ซึ่งกลายเป็นจุดแข็งที่ถูกสร้างขึ้นด้วยการตอกย้ำเพื่อให้มีจุดยืนที่ชัดเจนในตลาด อาศัยสื่อโซเชียลในการติดต่อสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งหากสังเกตให้ดี คาแรคเตอร์ในแต่ละ IP ที่สร้างขึ้นจะมีเรื่องราวที่ต่อยอดจินตนาการของแฟนคลับอย่างไม่สิ้นสุด นอกจากนี้ ลูกค้าของ LINE FRIENDS Store ก็เป็นกลุ่มมิลเลนเนียล และ Gen Z ซึ่งถือเป็นลูกค้ากลุ่มใหญ่ของ LINE FRIENDS ที่มีจำนวนกว่า 30 ล้านคนทั่วโลก และข้อดีอีกอย่างของ LINE FRIENDS ก็คือ การเป็นคาแรคเตอร์ที่เล่นกับกระแสตลอด ไม่หยุดนิ่ง โดยมีการทำคอนเทนต์แบบเรียลไทม์ มาร์เก็ตติ้ง เพื่อปล่อยลงโซเชียลมีเดีย ทำให้คาแรคเตอร์ทั้งหมดยังคงอยู่ในกระแสการรับรู้ของผู้คน
3. Collaboration เป็นอีก 1 หัวใจของความสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นการ Collab กับศิลปิน หรือพาร์ทเนอร์ที่เป็นแบรนด์ต่างๆ FRIENDS CREATORS เป็นโปรเจกต์พิเศษที่ LINE FRIENDS ร่วมมือกับศิลปินดัง สร้างสรรค์คาแรคเตอร์กลุ่มใหม่ เช่น BT21, ROY6 นอกจากนี้ LINE FRIENDS ยังมีจุดยืนที่ชัดเจนในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงเพื่อตอกย้ำภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่มีความน่าเชื่อถือ ซึ่งแนวคิดเรื่องการผลิตสินค้าที่เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์และคุณภาพระดับสูง ทำให้ LINE FRIENDS ทำงาน collaboration ร่วมกับแบรนด์ดังระดับโลก เช่น ปากกา LAMY จากเยอรมนี จักรยาน Bromption จากประเทศอังกฤษ และ แบรนด์เครื่องเสียงระดับโลกอย่าง Bang and Olufsen เป็นต้น
4. การมี Story และ Content ที่สะท้อนความชัดเจนของคาแรคเตอร์แต่ละตัว ซึ่งแม้ LINE FRIENDS จะพัฒนาคาแรคเตอร์ออกมามากขึ้น แต่ก็มีการสร้าง Personality ของแต่ละคาแรคเตอร์อย่างชัดเจน เช่น บราวน์จะหน้านิ่ง แต่อบอุ่น เป็นแฟนกับโคนี่ ที่ชอบแสดงออกทางอารมณ์แต่ก็มีความมุ้งมิ้งแบบผู้หญิง ทำให้เรื่องราวที่เกิดขึ้นสามารถเข้าไปสัมผัสกับกลุ่ม User หรือกลุ่มแฟนคลับได้เป็นอย่างดี ทำให้เกิดความรักความผูกพันกับคาแรคเตอร์ที่สร้างขึ้น โดย LINE FRIENDS มีการพัฒนาอาร์ตเวิร์ค พัฒนาคอนเทนต์ รวมถึงการต่อยอดไปสู่การพัฒนาสินค้าที่มีคุณภาพดี และมีดีไซน์ที่ดีตรงกับความต้องการของเหล่าบรรดาแฟนคลับออกมาอย่างต่อเนื่อง
5. อีก 1 Key Success ที่สำคัญก็คือ การเป็น Character Brand ที่ถูกพัฒนาจาก Creative Studio ทำให้มีการพัฒนาเรื่องของความคิดสร้างสรรค์ออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยจะศึกษาความต้องการของแต่ละตลาด และกระแสในตลาด และสร้างสรรค์ผลงานออกมาให้ตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด ซึ่งความไม่หยุดนิ่งนี้ ทำให้ได้เห็นการพัฒนาอย่างต่อเนื่องของตัวคาแรคเตอร์ ที่สามารถเข้าไปได้ในทุกกลุ่มทุกตลาด อย่างล่าสุดในปีนี้ มีการพัฒนาตัว MINI BROWN & FRIENDS และ SALLY & FRIENDS ที่เป็นการนำเสนอเรื่องในสมัยวัยเด็กของ BROWN, CONY, SALLY และ CHOCO ที่เป็นเพื่อนกันอย่างเหนียวแน่นมานาน โดย LINE FRIENDS ต้องการที่จะพัฒนาคาแรคเตอร์เพื่อเข้าไปในทุกกลุ่ม และทุกตลาด
6. คอนเทนท์ที่หลากหลาย นอกจากผลิตสินค้าจากคาแรคเตอร์แล้ว LINE FRIENDS ยังผลิตคอนเทนท์ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น เกมส์ animation วิดีโอ จากคาแรคเตอร์กลุ่มต่าง ๆ ซึ่งคอนเทนท์ที่หลากหลายนี้ ทำให้ LINE FRIENDS สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น และทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในระดับโลก
ต่อยอดสู่ 3 ธุรกิจหลัก
เส้นทางการเติบโตที่ชัดเจนของ Character ที่สร้างสรรค์ขึ้นมานั้นจะถูกมองไปที่การต่อยอดในการสร้างให้เป็นแบรนด์คาแรคเตอร์ที่ทรงพลังระดับโลกที่พร้อมจะถูกต่อยอดไปสู่การทำการตลาดในรูปแบบต่างๆ ซึ่งวันนี้ธุรกิจหลักของ LINE FRIENDS จะประกอบไปด้วย
1. ธุรกิจ Retail ที่ LINE FRIENDS เริ่มจากการพัฒนา Pop Up Store มาสู่การเปิดร้านภายใต้ชื่อ LINE FRIENDS Store ซึ่งเป็นธุรกิจ character store รูปแบบใหม่ที่สร้าง experience ให้กับลูกค้า และได้รับความนิยมไปทั่วโลก ทั้งในอเมริกา ญี่ปุ่น จีน และเกาหลีใต้
นอกเหนือจาก LINE FRIENDS Store ที่มีสาขาอยู่ในเมืองใหญ่ทั่วโลก ทั้ง นิวยอร์ค แอลเอ เซี่ยงไฮ้ โตเกียว และโซล แล้ว LINE FRIENDS ยังได้เปิดร้านรูปแบบใหม่ ภายใต้ชื่อ PLAY LINE FRIENDS ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อทำตลาดร่วมกับพาร์ทเนอร์ในแต่ละประเทศ เป็นการเปิดโอกาสให้พันธมิตรในแต่ละประเทศเข้ามาร่วมลงทุน ซึ่งรูปแบบของร้านจะแตกต่างจาก LINE FRIENDS STORE ตรงที่จะใช้สีเหลือง ซึ่งเป็นสีหลักของตัวคาแรคเตอร์ที่ชื่อ SALLY เป็นสีหลักของร้าน โดยภายในจะมีการทิ้งสเปซเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของแฟนๆ ทั้งในเรื่องของการเป็นพื้นที่สำหรับการแชร์ประสบการณ์ใหม่ๆ การถ่ายรูปแบบโพสต์ลงโซเชียลมีเดีย รวมถึงอาจจะมีร้านกาแฟภายในร้านเพื่อให้แฟนคลับเข้ามามีไลฟ์สไตล์ร่วมกันได้
PLAY LINE FRIENDS จะถูกใช้เป็นฟอร์แมทสโตร์ที่รุกเข้าทำตลาดทั่วโลก โดยเริ่มจากตลาดเอเชีย โดยเปิดตัวสาขาแรกที่ประเทศเกาหลีใต้ จากนั้นจึงเข้ามาในตลาดอาเซียน โดยเริ่มต้นจากการเปิด PLAY LINE FRIENDS Pop up store ที่ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และ มาเลเซีย ด้วยกระแสตอบรับที่ดีจากแฟนคลับ และลูกค้ากลุ่ม Millennial / Gen Z ปัจจุบัน PLAY LINE FRIENDS ได้เปิดร้านสาขาหลักที่ประเทศฟิลิปปินส์ และ สิงคโปร์ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับในเมืองไทยทาง LINE FRIENDS ก็เปิดรับนักลงทุนที่มีความสนใจในการเปิดฟอร์แมทสโตร์โฉมใหม่นี้ในเมืองไทยเช่นเดียวกัน
จุดเด่นอย่างหนึ่งของร้าน PLAY LINE FRIENDS นั้น นอกจาก การเน้นไปที่การสร้างประสบการณ์ที่แปลกใหม่ และการเป็นพื้นที่ที่สามารถแชร์ไลฟ์สไตล์ร่วมกันของกลุ่มเป้าหมายแล้ว การนำเสนอสินค้าในร้านก็เป็นอีกหัวใจสำคัญ เพราะสินค้า 70% จะเป็นสินค้าที่เหมือนกันในทุกประเทศ แต่มีสัดส่วนถึง 30% ที่จะนำเสนอสินค้าดีไซน์เฉพาะของแต่ละประเทศที่มีร้านสาขาเปิดดำเนินการอยู่ เพื่อสร้างความแตกต่าง และเข้าถึงกลุ่มลูกค้าในแต่ละประเทศ
นอกจากออฟไลน์สโตร์แล้ว LINE FRIENDS ยังมีการเปิด LINE FRIENDS online store และ LINE FRIENDS CREATOR online store ที่ทำให้ลูกค้าทั่วโลกสามารถเข้าถึงสินค้าของ LINE FRIENDS ได้ ซึ่งจุดเด่นของ LINE FRIENDS CREATOR Store คือ ลูกค้าจะกลายเป็น LINE FRIENDS Creator สามารถออกแบบสินค้าตามที่ตัวเองต้องการได้โดยไม่ซ้ำกับคนอื่นๆ เพียงแค่เลือกคาแรคเตอร์แบบต่าง ๆ แล้วนำมาจัดวางบนตัวสินค้า จากนั้นทาง LINE FRIENDS จะทำการผลิตสินค้าตามที่ลูกค้าออกแบบ และส่งตรงให้ถึงบ้าน ซึ่งทางเลือกที่น่าสนใจของเหล่าบรรดาแฟนคลับจากทั่วโลก
2. ธุรกิจลิขสิทธิ์ (License) ซึ่งเป็นอีกธุรกิจที่ต่อยอดจากความแข็งแกร่งของ Character Brand ของ LINE FRIENDS มุมที่น่าสนใจของการทำธุรกิจก็คือ LINE FRIENDS ให้ความสำคัญกับพาร์ทเนอร์ที่ LINE FRIENDS จะร่วมงานด้วย โดยต้องมีเป้าหมายและแนวทางในการทำธุรกิจที่สอดคล้องกับแนวทางของ LINE FRIENDS นอกจากนี้ ยังต้องมีกลุ่มเป้าหมายเดียวกันคือ กลุ่ม millennials และ Gen Z ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้แบรนด์ที่ต้องการขยายฐานเพื่อเข้ามาสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ของตัวเองในกลุ่มเป้าหมายดังกล่าว ต่างเลือกที่จะเป็นพาร์ทเนอร์กับ LINE FRIENDS
LINE FRIENDS ประสบความสำเร็จกับการจับมือร่วมกับพาร์ทเนอร์ทั้งในระดับ Global และ Local โดยในระดับ Global ก็มีอาทิ LEICA แบรนด์กล้องถ่ายรูประดับตำนาน จากเยอรมนี แบรนด์เครื่องเขียนจากเยอรมนี คือ Lamy แบรนด์เครื่องเสียงอย่าง Bang and Olufsen และแบรนด์ Xiaomi สมาร์ทโฟนจากจีนที่ถือเป็นเคสที่ฮือฮามาก เพราะการ Collaboration ของทั้ง 2 แบรนด์ ที่ออกมาเป็นสินค้าลิมิเต็ด เอดิชั่นของ Xiaomi สามารถขายหมดได้ภายใน 11 วินาทีที่เปิดขายผ่านออนไลน์ ถือเป็นอีก 1 ปรากฏการณ์ของการ Collaboration ของ 2 แบรนด์ดังระดับโลก
ส่วนในระดับ Local นั้น LINE FRIENDS มีการจับมือกับพาร์ทเนอร์หลายราย ทั้งห้างค้าปลีก กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค เครื่องประดับ เสื้อผ้า เครื่องใช้ไฟฟ้า และของใช้อื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น เซเว่น อีเลฟเว่น เอพี ฮอนด้า ยูนิลีเวอร์ เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ มอนเดลีซ ยูนิชาร์ม ยูบิลลี่
3. New Business นอกจากธุรกิจในกลุ่มของ Retail และ License แล้ว LINE FRIENDS ยังมีการขยายการทำไปสู่กลุ่มธุรกิจใหม่ๆ ที่เป็นการขายในเรื่องของ Lifestyle Experience ใหม่ๆ อาทิ digital experience, เกมส์, animation และการเปิดธุรกิจคาเฟ่ แนวใหม่ ที่มีการนำธีมของความเป็น LINE FRIENDS เข้าไปช่วยทั้งการดีไซน์ร้าน บรรยากาศ หรือแม้กระทั่งเมนูต่างๆ ที่นำเสนอในร้าน โดยดีไซน์ทั้งหมดจะ Customize ไปในแต่ละโลเกชั่น ไม่ใช่เป็นดีไซน์เดียวที่เหมือนกันทุกที
ภายใต้ธีมของการออกแบบนี้ ยังมีการทิ้งสเปซของร้านให้สอดรับกับไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเป้าหมาย อาทิ การมีพื้นที่ที่เป็น Co-working space หรือพื้นที่สำหรับแฮ้งเอ้าท์ เป็นต้น ธุรกิจคาเฟ่เปิดโอกาสให้พาร์ทเนอร์ในแต่ละประเทศเข้ามาร่วมลงทุนกับทาง LINE FRIENDS
ภายใต้ธุรกิจใหม่นี้ยังรวมถึงธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของอีเว้นต์ต่างๆ รวมถึงธุรกิจโรงแรม ทีนำธีมของ LINE FRIENDS เข้าไปช่วยสร้างประสบการณ์ที่แปลกใหม่ในการใช้บริการ โดยที่ผ่านมา LINE FRIENDS ได้จัดอีเว้นต์ในรูปแบบมากมาย อย่าง การจัด Exhibition “I AM SALLY” ที่ประเทศจีน ซึ่งเป็นการจัดงานที่มีธีมเกี่ยวข้องกับ SALLY โดยขายบัตรให้กับผู้สนใจเข้าชมงาน หรือการร่วมมือกับแคปปิตอล แลนด์ กลุ่มห้างสรรพสินค้าในประเทศสิงคโปร์ จัดอีเว้นต์ LINE FRIENDS WORLD TOUR ในลักษณะของการนำธีม LINE FRIENDS City Theme จัดตกแต่งห้างสรรพสินค้า 13 ห้างทั่วเกาะสิงค์โปร์ เปิด Pop Up Store และทำโปรโมชั่นต่าง ๆ เพื่อให้ลูกค้าที่ซื้อสินค้าสามารถเข้ามาเล่นเกม แลกของรางวัล หรือถ่ายรูปในบรรยากาศที่ดีไซน์ออกมาได้ ซึ่งถือเป็นอีก 1 อีเว้นต์ที่ประสบความสำเร็จสำหรับการนำ LINE FRIENDS เข้าไปทำแคมเปญร่วมกับธุรกิจค้าปลีก
ส่วนการทำการทำธุรกิจโรงแรม ซึ่งเป็นอีก 1 New Business ที่ LINE FRIENDS ทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ เช่นที่เกาหลี เป็นทำงานร่วมกับโกลเด้นท์ ทิวลิป เพื่อรีโนเวทห้องพัก ให้เป็นธีมของ LINE FRIENDS ส่วนในช่วงปลายปีนี้ จะเปิดโรงแรมที่มาเก๊า เป็นโรงแรมที่พัฒนาใหม่ทั้งคอมเพล็กซ์ โดยจะมีโซนหนึ่งที่เป็นธีมของ LINE FRIENDS ซึ่งจะเป็นการมอบประสบการณ์ใหม่ในการเข้ามาใช้บริการในโรงแรมที่ยังไม่เคยมีมาก่อน
สำหรับตลาดเมืองไทยนั้น ในปี 2021 LINE FRIENDS จะขยายธุรกิจไปที่ Retail มากขึ้นโดยมองหาพันธมิตร เปิด PLAY LINE FRIENDS ควบคู่ไปกับธุรกิจ License ที่เดินหน้าอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว นอกจากนี้ ยังได้มองหาพันธมิตรเพื่อทำ LINE FRIENDS Café โดย LINE FRIENDS มองหาพาร์ทเนอร์ที่เข้าใจ และมีประสบการณ์ในการทำธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม เนื่องจากอยากให้ได้ลูกค้าได้รับ Experience ที่ดีทั้งในแง่บรรยากาศ และรสชาติ เรียกได้ว่าความมุ่งมั่นของ LINE FRIENDS ในประเทศไทยนั้นสะท้อนภาพการเป็น Global Character Brand ที่ทรงพลังของกลุ่มมิลเลนเนียล และ Gen Z ได้อย่างแท้จริง…
สำหรับผู้สนใจร่วมเป็นพันธมิตรกับ LINE FRIENDS สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ dl_thlinefriends@linecorp.com
