พา SME ฝ่าความท้าทาย ด้วยเครื่องมือจาก LINE ช่วย “สร้างแบรนด์” เพิ่มยอดขายอย่างยั่งยืน

  • 7
  •  
  •  
  •  
  •  

 

ธุรกิจ SME มีความสำคัญอย่างมากต่อระบบเศรษฐกิจในหลายๆ ด้าน และถือเป็นส่วนสำคัญของฐานรากเศรษฐกิจประเทศไทย แต่ด้วยความท้าทายของเศรษฐกิจทำให้ SME บางรายต้านทานไม่ไหว มีหลายรายทีเดียวที่ต้องยอมแพ้ไป ซึ่งหากได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญและมีเครื่องมือที่ดีเข้ามาช่วยทำให้ธุรกิจเติบโตก้าวหน้า มั่นใจได้ว่าธุรกิจ SME จะก้าวเดินต่อไปได้

ด้วยเหตุผลนี้เอง ล่าสุด LINE for Business จัดงาน BOOTCAMP DAY อย่างยิ่งใหญ่ ภายใต้แนวคิด “อัพสกิล สร้างแบรนด์ ปั้นยอดขายด้วย LINE” สนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยปรับตัวและเติบโตในยุคดิจิทัลได้ด้วยการสร้างแบรนด์เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ พร้อมเปิดกลยุทธ์การใช้เครื่องมือดิจิทัลเพื่อสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งและเพิ่มยอดขาย สร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน นับเป็นอีกหนึ่งเวทีสำคัญที่รวบรวมกูรูด้านการตลาดและผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างแบรนด์ชั้นนำของไทย มาร่วมแบ่งปันกลยุทธ์สำคัญช่วยให้ SME เติบโตได้อย่างยั่งยืน โดยได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการทั่วประเทศเข้าร่วมงานเกินกว่า 1,000 คน

 

ความท้าทายของ SME ไทย กับความสำคัญของการสร้างแบรนด์

รัฐธีร์ ฉัตรดำรงค์ศักดิ์ รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการพาณิชย์ LINE ประเทศไทย

 

รัฐธีร์ ฉัตรดำรงค์ศักดิ์ รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการพาณิชย์ LINE ประเทศไทย เผยถึงภาพรวมธุรกิจ SME ว่า มีการคาดการณ์ว่า GDP ของไทยจะเติบโตขึ้น 2.9% ในปีนี้ ถือเป็นแนวโน้มที่ดีขึ้นจากปีก่อนหน้า แต่เมื่อมองในภาคธุรกิจหลายส่วนยังคงเผชิญความท้าทายอย่างหนักด้วยหลายปัจจัย อาทิ เศรษฐกิจฟื้นตัวช้า หนี้ครัวเรือยังสูง ฉุดกำลังซื้อผู้บริโภค, การแข่งขันด้านราคา จากสินค้านำเข้าราคาถูก โดยเฉพาะจากจีน ซึ่งเพิ่งขึ้นถึง 10.34% (ปี 2024) , การเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่ยากขึ้น , ต้นทุนดำเนินงานที่สูงขึ้น และการแข่งขันที่สูงขึ้นในช่องทางออนไลน์ที่เพิ่งสูงขึ้น

 

กางเครื่องมือสำคัญช่วย SME ไทยด้วยฟีเจอร์จาก LINE OA

LINE มีความตั้งใจที่จะช่วยผู้ประกอบการไทยให้แข็งแกร่งฝ่าฝันการแข่งขันทางธุรกิจต่อไปให้ได้ โดยแนะนำเครื่องมือต่างๆ เพิ่มเติม นอกเหนือจากการใช้งาน LINE OA ที่ช่วย SME ไทยเติบโตในช่วงหลายปีที่ผ่านมา อาทิ

  • Premium ID เครื่องมือที่ช่วยให้ร้านค้าเป็นที่จดจำค้นหาได้ง่าย ช่วยขยายฐานลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว ช่วยเพิ่มจำนวนเพื่อนบน LINE OA ได้ง่ายขึ้นกว่าเดิมถึง 4 เท่า
  • Rich Menu ช่องทางลัดให้ลูกค้าเข้าถึงข้อมูลร้านค้า สินค้า/บริการที่ต้องการได้ง่าย รวดเร็วทันใจ ลดขั้นตอนการค้นหา ช่วยให้เกิดออร์เดอร์และยอดขายเพิ่มขึ้นได้ถึง 19 เท่า
  • LINE Ads ช่องทางการลงโฆษณาบน LINE เพื่อสร้างภาพจำและกระตุ้นความสนใจให้สินค้า/บริการ ได้อย่างตรงกลุ่มเป้าหมาย โดยแบรนด์ที่มีการใช้คำและภาพได้สะดุดตา น่าสนใจ จะช่วยเพิ่มยอดคลิกได้ถึง 3 เท่า

 

แนวคิด ‘3+1L’ เคล็ดลับพิชิตความสำเร็จของ SME ไทย

กวินทร์ สวัสดิ์ศรี หัวหน้าทีม LINE OA Campaign & Communication และ จิรพัฒน์ เดชดนู หัวหน้าทีม LINE Ads Product & Marketing Strategy จาก LINE ประเทศไทย

 

หลังจากเห็นภาพใหญ่แล้ว ต่อมาคือการนำเสนอกลยุทธ์ในการสร้าง Branding นำทีมโดย สองผู้เชี่ยวชาญจาก LINE ประเทศไทย ได้แก่ กวินทร์ สวัสดิ์ศรี หัวหน้าทีม LINE OA Campaign & Communication และ จิรพัฒน์ เดชดนู หัวหน้าทีม LINE Ads Product & Marketing Strategy โดยทั้งสองคนนำเสนอแนวคิด ‘3 +1L’ ซึ่งเป็นกลยุทธ์สำคัญในการสร้างแบรนด์สำหรับ SME ไทย ได้แก่

 

 

#1 Look – คือสิ่งที่เราอยากให้แบรนด์เราเป็นอะไรในสายตาผู้บริโภค สามารถสื่อสารออกมาได้ผ่านทาง Brand Image และ Character ซึ่งจะทำให้แบรนด์โดดเด่นและแตกต่าง

#2 Language – คือการที่ชัดเจนใช้ภาษาและการเล่าเรื่อง (Storytelling) ยกตัวอย่าง แบรนด์ Jo Malone ที่สามารถสื่อสารเรื่องกลิ่นออกมาได้อย่างชัดเจนและเข้าใจง่าย เป็นการย่อยแบรนด์ดิ้งให้เข้าถึงได้

#3 Long-term Relationship – คือการสร้างความสัมพันธ์แบบยาวๆ และสม่ำเสมอ ระหว่างเราและลูกค้า ซึ่งทำได้หลายอย่าง เช่น การอัปเดตลูกค้าถึงโปรดักส์ใหม่ การออกโปรโมชั่นคอยตรึงใจ รักษาความสัมพันธ์ให้ตรงกลุ่ม หรือการออกแบบประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง

 

4 กลยุทธ์ผ่าน LINE อาวุธลับไม้ตาย SME

และ ‘1L’ สุดท้ายที่จะเป็นเหมือนอาวุธลับให้กับ SME ก็คือ LINE ซึ่ง L ตัวนี้เต็มไปด้วย เครื่องมือทางการตลาดมากมายที่จะช่วย SME สร้างแบรนด์ดิ้ง และสร้างยอดขายเติบโตอย่างยั่งยืน ผ่าน 4 กลยุทธ์สำคัญ ดังนี้

  1. สร้างหน้าร้านแบบมือโปร เจาะกลุ่มลูกค้าที่ใช่

เครื่องมือที่ช่วยในกลยุทธ์แรกสำหรับการสร้างความน่าเชื่อถือให้ร้าน ได้แก่ ‘บัญชีรับรอง’ หรือโล่สีน้ำเงิน ซึ่งที่ผ่านมาช่วยทำให้ร้านค้ามีผู้ติดตามเพิ่มขึ้นถึง 19 เท่า และยังมี ‘Rich menu’ ที่ช่วยสร้างหน้าร้านแบบมือโปร สามารถเซ็ตค่าต่างๆ เพื่อออกแบบประสบการณ์ที่ลื่นไหล สร้างเมนูลัดให้ลูกค้าสามารถค้นหาข้อมูลเองได้ง่ายๆ หลากหลายรูปแบบ ช่วยกระตุ้น engagement เพิ่มขึ้นสูงถึง 14 เท่า (ข้อมูลปี 2022-2024) นอกจากนี้ ในการเพิ่มลูกค้าใหม่ แบรนด์ยังสามารถลงโฆษณาบน LINE Ads มุ่งไปยังกลุ่มเป้าหมายที่เรียกว่า Lookalike Audiences (กลุ่มเป้าหมายที่คล้ายคลึงกัน) เพื่อยิงโฆษณาไปยังคนที่มีพฤติกรรมและความสนใจใกล้เคียงกับลูกค้าเดิมของเราได้ ช่วยเพิ่มยอด Add Friend มากสุดถึง 10 เท่า

 

  1. กระตุ้นความสนใจด้วย ‘คอนเทนต์’ ที่ทำถึง

 

ช่วยเพิ่มโอกาสการขายให้ลูกค้าเข้าใจสินค้าและบริการที่เห็นภาพชัดเจน ใช้ Rich Message ซึ่งเป็นรูปแบบบรอดแคสต์ที่ร้านค้านิยมใช้มากที่สุด สามารถกระตุ้นความสนใจด้วยการบรอดแคสต์คูปอง ซึ่งช่วยเพิ่มอัตราการเปิดอ่านได้สูงกว่าแบบข้อความทั่วไปถึง 3.2 เท่า รวมไปถึงสร้างความสนใจด้วยโฆษณาวิดีโอรีวิวสินค้าได้ ซึ่งพบว่าช่วยเพิ่มยอดขายบน LINE ให้โตขึ้นได้ถึง 2 เท่า

 

  1. ปิดการขายอย่างง่ายให้โดนใจลูกค้า

สร้างประสบการณ์การซื้อที่ง่ายและตรงใจลูกค้า ผ่านเครื่องมือที่ช่วยจัดการร้านค้า และทำให้ธุรกิจบริหารงานได้ง่ายขึ้นด้วย LINE OA และ MyShop ซึ่งเป็นระบบหลังบ้านที่ช่วยในการบริหารจัดการหน้าร้านออนไลน์ในทางคอมเมิร์ซได้ดีขึ้น โดยเมื่อมีการเชื่อมต่อเครื่องมือ MyShop กับ LINE OA ของร้าน พบว่า ช่วยปิดการขายได้ดีขึ้นถึง 15 เท่า นอกจากนี้ ใน LINE OA ยังมี ‘Chat Tag’ ฟีเจอร์ที่ช่วยให้รู้จัก “ลูกค้า” ได้มากขึ้น เพื่อแบ่งกลุ่มลูกค้าในการสื่อสาร หรือทำการตลาดตอบกลับไปให้ลูกค้าได้ตรงใจ ปิดการขายลื่นไหล ไม่สะดุด โดยแบรนด์สามารถติดแท็กให้ลูกค้าได้หลากหลาย เช่น ตามประเภทสินค้า, ตามพฤติกรรม หรือตามยอดการซื้อ เป็นต้น

 

  1. มัดใจสร้างลูกค้าประจำด้วยระบบสมาชิก

นับเป็นกลยุทธ์สำคัญในการสร้างฐานลูกค้าประจำ โดย LINE มีระบบสมาชิกสะสมแต้มอย่าง MyCustomer | CRM ที่เรียกได้ว่าเป็นที่สุดแห่งอาวุธลับเอาชนะใจลูกค้า ปัจจุบันมีมากกว่า 2,000 แบรนด์ใช้งาน MyCustomer | CRM นี้อยู่ ซึ่งสร้างผลลัพธ์ที่น่าทึ่งให้กับร้านค้ามากมาย ไม่ว่าจะเป็น ช่วยสร้างลูกค้าประจำสูงขึ้นถึง 7 เท่า, ช่วยสร้างยอดขายเพิ่มขึ้น 74% และลดยอดบล็อก LINE OA ได้ถึง 30%

 

แบรนด์ SME ไทย ที่ประสบความสำเร็จจากการใช้เครื่องมือของ LINE

อีกหนึ่งเซสชั่นที่น่าสนใจในช่วงบ่าย “เคล็ดลับยอดขายโต 2 ต่อ จากแบรนด์ยอดขายดี ทั้งหน้าร้านและออนไลน์” จาก ผู้ประกอบการ 3 แบรนด์ไทยชื่อดัง มาเผยเคล็ดลับเทคนิคสู่ความสำเร็จสร้างแรงบันดาลใจ ไม่ว่าจะเป็น

 

คุณพิณ เจ้าของแบรนด์เบเกอรี่สุดไวรัล “The Rolling Pinn

 

คุณพิณ เจ้าของแบรนด์เบเกอรี่สุดไวรัล “The Rolling Pinn” ซึ่งโด่งดังจาก ‘ดูไบช็อคโกแล็ต’ เผยถึงเคล็บดลับในการดึงดูดความสนใจลูกค้า นอกจากการสร้างคอนเทนต์ให้แตกต่าง เช่น ถ่ายโปรดักส์ให้ดูว้าว น่าตื่นเต้นแล้ว ต้องทำสินค้าให้อร่อยในราคาที่เหมาะสม กลยุทธ์หนึ่งที่แบรนด์ทำและสร้างยอดขายได้ดีคือ “การส่งสินค้าแบบเร็ว” หรือที่เรียกว่า “เค้กด่วน” ส่งทันทีภายใน 3 ชั่วโมง ช่วยแก้ pain point ลูกค้าได้เป็นอย่างดี บางทีคนชอบลืมให้ของขวัญหรือไม่มีเวลาซื้อเค้กวันเกิดให้คนในครอบครัว การนำเสนอ “เค้กด่วน” สวยๆ จากทางร้านก็ช่วยแก้ปัญหาได้ จึงมองว่าการเข้าใจและมองเห็น pain point ของลูกค้า แล้วนำมาออกแบบเป็นบริการ ข้อเสนอใหม่ๆ ถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ SME ไทยควรนำไปลองประยุกต์ใช้ ปัจจุบัน ทางร้านใช้หลากหลายฟีเจอร์ ฟังก์ชั่นบน LINE ในการสื่อสารกับลูกค้า อาทิ ‘Rich Menu’ ช่วยลดขั้นตอนการทำงานของแอดมิน ช่วยให้ลูกค้าได้ข้อมูลที่ต้องการด้วยตัวเองได้เลย ไม่ต้องรอแอดมินตอบ และใช้การ ‘บรอดแคสต์’นำเสนอแคมเปญหรือโปรโมชั่นใหม่ๆ แค่ส่งบรอดแคสต์ทีเดียวก็ไปถึงลูกค้าเป็นหมื่นๆ คน ประหยัดเวลาและผ่อนแรงแอดมินได้มาก โดยเฉพาะในช่วงเวลาเทศกาลต่างๆ ซึ่งจะมีออร์เดอร์เข้ามาแบบทะลัก จึงนับว่าฟีเจอร์เหล่านี้ช่วยงานร้านค้าได้มากจริงๆ

 

คุณกุ้ง ผู้บริหาร Lenista Clinic

 

คุณกุ้ง ผู้บริหาร Lenista Clinic คลินิกเสริมความงามที่สามารถผสานทั้งหน้าร้านและออนไลน์ได้อย่างลงตัว โดยคุณกุ้งมีการนำฟีเจอร์ต่างๆ ของ LINE OA มาใช้ ทั้งการบรอดแคสต์ การติด Chat Tag และการส่ง Step message ซึ่งเป็นการกระตุ้นการขายผ่านการสร้างข้อความตาม Journey ของลูกค้า ตั้งแต่หาข้อมูลไปจนถึงปิดการขาย และจองคิวได้เลย นอกจากจะช่วยลดอัตราการบล็อก LINE OA แล้ว ยังช่วยลดภาระแอดมินด้วย รวมถึงอีกฟีเจอร์ที่ใช้ประจำคือ Card Message ซึ่งช่วยทำให้แบรนด์ส่งข้อมูลได้ครบถ้วนไม่ตกหล่น Lenista Clinic เป็นคลินิกที่มีเพียงสาขาเดียว จึงไม่ได้มีงบซื้อบิลบอร์ดที่มีราคาสูง การทำการตลาดออนไลน์ผ่าน LINE จึงถือเป็นส่วนสำคัญและสร้างประสิทธิภาพมาก สามารถปิดจบการขายได้เลย โดยเน้นใช้การ chat พูดคุยสื่อสารกับลูกค้าบน LINE OA เชื่อมต่อ LINE OA กับเครื่องมืออื่นอย่าง MyShop และ MyCustomer | CRM ซึ่งทำได้ครบจบในที่เดียวจนแทบไม่ต้องไปพึ่งแพลตฟอร์มอื่นเลย ทั้งๆ ที่คลินิคมีแอดมินเพียงแค่ 10 คน แต่สามารถดูแลลูกค้าเป็นหมื่นคนได้เลยเพียงแค่ใช้เครื่องมือบน LINE

 

คุณกลด จาก MERGE

 

คุณกลด หนึ่งในผู้ก่อตั้ง MERGE แบรนด์แฟชั่นที่โพสิชั่นตัวเองเป็นตัวจริงเรื่องกางเกางยีนส์ ปัจจุบันช้อปมีมากถึง 13 แห่ง การมีเครื่องมือทางการตลาดออนไลน์ ช่วยได้ทั้งการปิดการขายทางออนไลน์และบริหารลูกค้าหน้าร้านไปในคราวเดียวกัน โดย MERGE ใช้ LINE OA ในการแจ้งอัปเดตข้อมูลสินค้าใหม่และโปรโมชั่นใหม่ผ่านการบรอดแคสต์ ซึ่งสะดวกและใช้งานง่าย โดยสร้างหน้าร้านออนไลน์ผ่าน MyShop ซึ่งเติมเต็มประสบการณ์การช้อปปิ้งออนไลน์ให้ลูกค้าได้แบบไม่ต้องไปที่ร้าน และยังใช้ฟีเจอร์ Chat Tag ช่วยให้รู้จักลูกค้าอย่างใกล้ชิด ทำให้การสื่อสารพูดคุย การให้บริการต่อลูกค้ามีความครบถ้วนไม่ว่าลูกค้าจะไปยังหน้าร้านหรือสอบถามมาที่ LINE นับเป็นฟีเจอร์ที่ช่วยให้เกิดบริการอย่างไร้รอยต่อได้เป็นอย่างดี และได้ยืนยันว่า LINE OA ช่วยให้แบรนด์ดูแลลูกค้าเก่าได้เป็นอย่างดี และยังช่วยเพิ่มลูกค้าใหม่ที่เข้ามาทั้งทางออฟไลน์และออนไลน์อีกด้วย

 

 

ทั้งหมดนี้ช่วยให้เห็นภาพที่ชัดขึ้นแล้วว่า การสร้าง Branding สำคัญต่อการทำธุรกิจ ถึงแม้จะไม่เห็นผลในระยะสั้นแต่ก็จำเป็นสำคัญในระยะยาวที่จะทำให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน และสิ่งที่จะช่วยทำให้การสร้างแบรนด์ประสบความสำเร็จก็ด้วยเครื่องมือออนไลน์ที่ทรงประสิทธิภาพ ซึ่ง LINE มีฟีเจอร์และเครื่องมือต่อยอดมากมายให้ได้เลือกใช้ ตอบโจทย์การทำธุรกิจออนไลน์ในปัจจุบันที่ SME ไทยควรได้ศึกษาและเรียนรู้ โดย LINE มีการอัปเดทฟีเจอร์ โซลูชันใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา รวมถึงการเทรนนิ่งดีๆ เช่นสัมมนาใหญ่อย่างงาน BOOTCAMP DAY นี้เช่นกัน ความสำเร็จจะเกิดขึ้นได้หากเราลงมือทำและหมั่นพัฒนาตนเองอยู่เสมอ ไม่ว่าอุปสรรคอะไรก็สามารถฝ่าฝันไปได้หากมุ่งมั่นและตั้งใจ

 

#BOOTCAMPDAY2025 #LINEforBusiness

 


  • 7
  •  
  •  
  •  
  •