ก่อนหน้านี้คงเคยได้ยินข่าวของผู้บริหารจากแบงค์สีม่วงถูกดึงตัวย้ายไปสู่ค่ายแบงค์สีเขียว แต่ไม่ปรากฏรายละเอียดอะไรมากมายนักถึงการย้ายข้ามสีในครั้งนั้น จนก่อให้เกิดกระแสคาดการณ์ต่างๆ นานาถึงการเปิดบริษัทใหม่ของแบงค์สีเขียวที่ต้องการผู้บริหารที่มีความเชี่ยวชาญเรื่อง Digital Banking เข้ามาช่วยดูแล เพื่อสู้ศึก Digital Banking ที่กำลังจะร้อนระอุขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้
โดยล่าสุด คุณธนา โพธิกำจร ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง CEO บริษัท กสิกร ไลน์ จำกัด คนแรก โดยชี้ว่า บริษัท กสิกร ไลน์ จำกัด เป็นการร่วมทุนระหว่างธนาคาร กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) (ลงทุนผ่านบริษัท กสิกร วิชั่น จำกัด) และ บริษัท ไลน์ คอร์ป (ลงทุนผ่านบริษัท ไลน์ ไฟแนนเชียล เอเชีย) ในสัดส่วน 50% เท่ากันทั้งคู่ ด้วยทุนจดทะเบียน 2,200 ล้านบาทภายใต้แบรนด์ “LINE BK” โดยมีเป้าหมายในการให้ธุรกรรมทางการเงินสะดวกรวดเร็วง่ายเหมือนเช่นการส่งข้อความผ่าน LINE ภายใต้แนวคิด LINE BANK
เนื่องจาก LINE ไม่ได้รับอนุญาตให้ดำเนินกิจการธนาคารได้ การใช้ชื่อ “LINE BANK” อาจผิดกฎหมายได้ จึงมีการดัดแปลงชื่อเล็กน้อยเป็น LINE BK ซึ่ง “BK” ย่อมาจาก BANK นอกจากนี้ “BK” ยังหมายถึง BANGKOK และ “BK” ยังหมายถึง KBank ได้อีกด้วย สำหรับแนวคิด LINE BANK มีการดำเนินการใน 4 ประเทศภูมิภาคเอเชีย ทั้งญี่ปุ่น ไต้หวัน อินโดนีเซียและประเทศไทยถือเป็นประเทศ 1 ใน 4 โดยจะเน้นให้บริการด้านสินเชื่อเป็นหลักและในอนาคคตจะมีบริการด้านการลงทุน (Investment) ซึ่งจับกลุ่มเป้าหมายที่เป็นกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจและไม่มีหลักประกันในการขอสินเชื่อ
โดยบริการต่างๆ จะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในปี 2563 โดยจะให้บริการผ่านช่องทางแอปพลิเคชัน LINE ทั้งนี้หลังจากประกาศความร่วมมือก่อตั้งบริษัท กสิกร ไลน์ จำกัด ในช่วงปลายปี 2561 ที่ผ่านมาได้ดำเนินการเตรียมความพร้อมทั้งในด้านการบริหารงาน การวางโครงสร้างระบบ IT Infrastructure ที่เน้นเรื่องของระบบความปลอดภัย การพัฒนาผลิตภัณฑ์บริการ
นอกจากนี้คุณธนายังชี้ว่า ปัจจุบันมีผู้ใช้งาน LINE ถึง 44 ล้านรายและธนาคารกสิกรไทยมีลูกค้าอยู่ 16.9 ล้านบัญชี โดยคาดว่ากว่า 90% ที่เป็นลูกค้าธนาคารกสิกรไทยมีการใช้งาน LINE ด้วย นอกจากนี้คนไทยยังมีอัตราการใช้อินเทอร์เน็ตเฉลี่ยอยู่ที่ 10.5 ชั่วโมงต่อคนต่อวัน ที่สำคัญประเทศไทยมีการใช้ Mobile Banking สูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลก แต่ก็ยังมีกลุ่มคนที่ไม่สามารถเข้าถึงบริการทางการเงินอย่างสินเชื่อส่วนบุคคลได้ แม้จะมีบัญชีธนาคารก็ตาม
ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการขนาดเล็กที่ไม่มีหลักฐานรายได้ในแต่ละเดือน เพื่อใช้ในการประเมินรายได้และความเสี่ยงในการขอสินเชื่อส่วนบุคคล ทำให้ขาดโอกาสการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ซึ่งระบบ LINE BK จะตรวจสอบพฤติกรรมการใช้แอปฯ ต่างๆ ของ LINE เพื่อประเมินความเสี่ยงในการปล่อยสินเชื่อ เบื้องต้นรูปแบบการคิดดอกเบี้ยสินเชื่อจะแปรผันตามความเสี่ยง เช่น ความเสี่ยงต่ำดอกเบี้ยก็จะต่ำด้วยเช่นกัน เป็นต้น โดยอัตราดอกเบี้ยสูงสุดจะคิดอัตราไม่เกินที่กฎหมายกำหนดไว้สูงสุด
สำหรับข้อมูล (DATA) จะอยู่กับ LINE BK โดยที่บริษัทแม่ทั้ง 2 ไม่มีสิทธิ์ใช้ข้อมูล (DATA) ดังกล่าว ซึ่งต้องจับตาต่อว่า ธุรกรรมด้านสินเชื่อสำหรับกลุ่มเป้าหมายที่ทาง LINE BK วางไว้จะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นหรือไม่ เพราะส่วนใหญ่ผู้ประกอบการเหล่านี้ส่วนหนึ่งกลัวการเป็นหนี้ แต่อีกส่วนก็ต้องการหาแหล่งเงินเพื่อนำมาใช้ในการลงทุน ซึ่งต้องดูต่อไปว่า LINE BK จะสามารถสร้าง Credit Scoring ที่น่าเชื่อถือได้อย่างไร ซึ่งคุณธนาหวังเล็กๆ ว่า จะมีผู้ใช้บริการอย่างน้อยหลักล้าน User
ที่สำคัญกลุ่มผู้ประกอบการที่เป็นเป้าหมายของ LINE BK ก็เป็นกลุ่มเป้าหมายที่สำคัญที่ธนาคารอยากเข้าไปจับเช่นกัน งานนี้ก็ต้องมาลุ้นว่าใครจะกินใคร (Cannibalization) เพราะแม้จะมาจากคนละช่องทางแต่รูปแบบมีความเหมือนหรือใกล้เคียงกันมาก ก็ต้องดูฝีมือหัวเรือใหญ่อย่างคุณธนาว่า จะหลบหลีกการชนกับแบงค์ธนาคารแม่และสร้างรายได้เพิ่มอย่างไร
